Uglydough พิซซ่าแป้งหมักสไตล์อิตาเลียน กับสาขาใหม่ในเมืองย่านนานา

เชื่อว่าหลายคนต้องได้ยินชื่อเสียงเรียงนามพิซซ่าของร้านนี้มานาน แต่ยังไม่มีโอกาสได้ลองชิมสักที เพราะร้านสาขาแรกของ ‘Uglydough’ อยู่ไกลถึงสัมมากร ทว่าตอนนี้เขายกเตามาเปิดสาขาใหม่แห่งที่ 2 อยู่ในเมืองแล้ว เพราะฉะนั้นคนไหนที่รักพิซซ่าแป้งบางเหนียวนุ่มฟูสไตล์อิตาเลียนต้องรีบตามไปชิมให้ไว

The Vibe

Uglydough สาขาสุขุมวิท 11 เป็นร้านเล็กๆ ขนาด 1 ห้อง มีที่นั่งพอประมาณสัก 10-15 คน เปิดประตูเข้ามาจะเห็นเตาอบสีเขียวทรงหมวกกันน็อกสไตล์นาโปลีตั้งเด่นอยู่เป็นอันดับแรก พร้อมกับเครื่องไม้เครื่องมือสำหรับอบพิซซ่าแป้งหมักสไตล์ Uglydough

และเพราะโซนครัวตั้งอยู่ด้านหน้าร้าน ทุกคนจึงชะโงกดูขั้นตอนการทำพิซซ่าได้ชัดเต็มตา ซึ่งแบบนี้เราว่าทำให้หิวและกินพิซซ่าอร่อยขึ้นกว่าเดิมอีก

The Taste

เชฟตี๋ เจ้าของร้านและผู้คิดค้นสูตรแป้งโดวจ์เองบอกว่า ความพิเศษของพิซซ่าที่ Uglydough คือการหมักแป้งด้วยเทคนิคบิก้า (Biga) ซึ่งเจ๋งกว่าซาวโดวจ์เป็นไหนๆ เพราะกินแล้วย่อยง่ายกว่า รสชาติซับซ้อนกว่า แต่ไม่เปรี้ยว เป็นเทคนิคที่ชาวอิตาลีใช้มานานในการหมักแป้ง

“ร้านเราไม่ใช่พิซซ่าซาวโดวจ์ เราใช้วิธีบิก้าซึ่งเป็นการหมักแป้งสไตล์อิตาเลียน ถ้าเป็นซาวโดวจ์ เราต้องเอาหัวเชื้อไปผสมกับแป้งเยอะๆ แต่ถ้าบิก้า เราใช้แป้งหมักแล้วได้ทั้งหมดเกือบ 100% เพราะฉะนั้นเรื่องการย่อยจะดีกว่า กลิ่นหอม รสชาติซับซ้อนกว่า” เชฟตี๋บอก

แป้งโดวจ์ของที่นี่จะใช้เวลาหมักนาน 3 วัน ทำให้กว่าจะเอามาใช้ ยีสต์ก็ทำหน้าที่ย่อยกลูเตนแทนเราไปเยอะแล้ว พิซซ่าของ Uglydough จึงกินแล้วสบายท้อง ไม่หนักจนเลี่ยนเหมือนแป้งทั่วไป

“ผมเรียกสไตล์พิซซ่าของตัวเองว่า Contemporary Napolish มันเป็นพิซซ่าสไตล์เนเปิลส์ เมืองตอนใต้ของอิตาลีที่เป็นบ้านเกิดของพิซซ่า ซึ่งเอกลักษณ์ของพิซซ่าจากเมืองนี้คือต้อง Puffy (พองนุ่ม) แป้งบาง แต่ไม่กรอบ เนื้อสัมผัสเหนียวนุ่ม มีโพรงฟูๆ สวยๆ ซึ่งสิ่งพวกนี้จะเกิดขึ้นได้เราต้องใช้เปอร์เซ็นต์น้ำในแป้งสูงมาก” เชฟตี๋เล่าให้ฟังแบบลึก เพราะแป้งโดวจ์ของที่นี่ใช้ความชื้นสูงถึง 85% ทำให้ต้องอบนานกว่าพิซซ่าทั่วไปนิดหน่อย แต่ด้วยเหตุนี้เองแป้งของ Uglydough อบแล้วจึงมีความฟู บาง เหนียวนุ่ม อย่างที่เชฟตี๋ต้องการ และไม่เหมือนใคร

เมนูแนะนำว่าต้องสั่งก็มี ‘Marinara (320 บาท)’ พิซซ่าวีแกนหน้าซอสมะเขือเทศสูตรโฮมเมด มะเขือเทศอิตาลี และโหระพาอิตาลี กินแล้วสดชื่น เชื่อว่าทุกคนกินได้หลายชิ้นหรืออาจหมดถาดแน่นอน

‘Mr. Hawaii (430 บาท)’ เชฟบอกว่าทำเมนูนี้ขึ้นมาเพราะมีลูกค้าเรียกร้อง แต่เขาไม่อยากทำพิซซ่าฮาวายเอี้ยน จึงเกิดเป็นเมนู Mr. Hawaii ที่นำพาร์เมซานชีสบ่มนาน 24 เดือนมาตีเป็นซอสแทนมะเขือเทศ ก่อนท็อปปิ้งด้วยสับปะรด พริกหวาน และแฮม เป็นพิซซ่าที่คนไม่ชอบฮาวายเอี้ยนอย่างเราชิมแล้วถือว่าผ่าน

แต่ถ้าเป็นเมนูที่พวกเราทุกคนกินแล้วแทบตบโต๊ะก็คือ ‘Yellow Submarine (790 บาท)’ พิซซ่าแป้งบางหน้าหนักๆ แน่นๆ ที่เชฟตี๋ใช้มะม่วงมาทำเป็นซอส ท็อปด้วยบูราตาชีส โบโลน่าแฮม พิสตาชิโอ และบัลซามิก กัดไปคำหนึ่งเต็มไปด้วยรสชาติที่พวยพุ่งอยู่ในปาก และไม่เหมือนของหวานอย่างที่เชฟตี๋ว่า นี่เป็นพิซซ่าของคาวที่มีหลายมิติมาก

นอกจากเมนูพิซซ่า ร้านก็มีสลัด พาสต้า ที่ทำได้ดีไม่แพ้กันด้วยนะ เช่น Aussie Wagyu Ribeye Salad (750 บาท), Salad of Caribbean (210 บาท), Carbonara (370 บาท)

Good For…

Uglydough เป็นร้านที่คนรักพิซซ่าห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง เราชอบความไม่เหมือนใครสไตล์เชฟตี๋ ทั้งแป้งพิซซ่าที่เขาพัฒนาสูตรขึ้นมาเอง กินแล้วเบา ไม่เลี่ยนหนักท้อง เราเห็นบางคนแวะมากินคนเดียวทั้งถาดก็มี

ภาพ: ปวรุตม์ งามเอกอุดมพงศ์