หลังจากเฝ้ารอมาสักพักว่า ‘Onibus Coffee’ ร้านกาแฟสัญชาติญี่ปุ่นที่มีแฟนคลับเหนียวแน่นไม่แพ้ร้านอื่นๆ จะเข้ามาเปิดสาขาแรกในกรุงเทพฯ ที่ย่านไหน ทันทีที่ร้านสร้างเสร็จและทีมงานพร้อม พวกเขาก็เฉลยพร้อมเปิด Soft Opening ให้แวะไปได้ทันที โดยเปิดอยู่ในย่านเมืองเก่าแถวประตูผี มาพร้อมวิวกำแพงวัดให้ทุกคนนั่งมองระหว่างจิบกาแฟ
และถึงแม้เราไม่เคยไปสาขาต้นฉบับมาก่อน แต่หลังจากอ่านเรื่องราวของ Onibus ก็รู้สึกว่าแบรนด์กาแฟนี้น่าสนใจพอสมควร เพราะพวกเขาไม่ได้อยากเสิร์ฟแค่กาแฟ แต่ตั้งใจเป็นคอมมูนิตี้ที่จะเชื่อมต่อทุกคนเข้าหากันด้วย
The Vibe
เราแวะไปหลังจากเปิดได้หนึ่งวัน จึงได้เจอ ‘อัตสึชิ ซากาโอะ (Atsushi Sakao)’ เจ้าของแบรนด์ Onibus ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ชงกาแฟพอดี พร้อมกับ ‘ถิ-ถิรคุณ รติรัตนานนท์’ พาร์ตเนอร์ชาวไทยผู้เป็นเพื่อนกับอัตสึชิอยู่แล้วด้วย
คุณถิเล่าให้ฟังว่า เหตุผลที่เลือกเปิดร้านใต้โฮสเทล หนึ่งก็เพราะแบรนด์ Onibus ชอบอยู่ในย่านกึ่งที่อยู่อาศัย ผสมแหล่งท่องเที่ยว อีกอย่างอัตสึชิเองก็มาพักที่นี่บ่อยๆ ระหว่างตระเวนหาโลเคชันในกรุงเทพฯ แต่สุดท้ายก็ติดใจพื้นที่ตรงนี้ที่สุด
“อีกอย่าง Onibus ตั้งใจเป็นคอมมูนิตี้ พอมาเปิดในกรุงเทพฯ พวกเราจึงเลือกย่านประตูผี เพราะมีทั้งชุมชนและร้านอาหารดังๆ เป็นย่านเดินถึงกันได้ เราอยากเป็นตัวเชื่อมที่ช่วยให้คนมาเที่ยวย่านนี้มากขึ้น อยากให้ย่านกับเราโตไปพร้อมๆ กันด้วย” ถิบอก
Onibus สาขากรุงเทพฯ จึงเป็นร้านเล็กๆ ดูอบอุ่น ด้านในมีเคาน์เตอร์บาร์กะทัดรัดที่ใช้เสิร์ฟทั้งกาแฟเอสเพรสโซและกาแฟดริป โดยสามารถนั่งหรือยืนดื่มในร้านก็ได้ และมีโซนที่นั่งด้านนอกเพิ่มด้วย
The Taste
Onibus Coffee เด่นเรื่องกาแฟคั่วอ่อนที่เน้นความคลีน รสชาติสมดุล ดื่มง่าย ถิบอกว่าจะให้เรียกสาขานี้ว่า Onibus มาเปิดเองเลยก็ไม่ผิด เพราะทุกอย่างตรวจคุณภาพโดยอัตสึชิและทีม Onibus ประเทศญี่ปุ่น ฉะนั้นแทบทุกเมนูเสิร์ฟรสชาติและคุณภาพใกล้เคียงกับสาขาต้นแบบสุดๆ
เมล็ดกาแฟของ Onibus จะเน้นประเภท Single Origin ส่งมาจากโรงคั่ว Yakumo ในประเทศญี่ปุ่น โดยเมล็ดประจำร้านคือ เคนยา รวันดา เอธิโอเปีย ฮอนดูรัส หรือเมล็ดตามฤดูกาล อาทิ กัวเตมาลา
เบลนด์ประจำร้านจะมีเมล็ดกาแฟไทยผสม ถิเล่าให้ฟังว่ากว่าจะออกมาเป็นไฟนอลเบลนด์ ช่วงแรกๆ พวกเขาต้องส่งเมล็ดไปกลับระหว่างไทย-ญี่ปุ่นเพื่อให้ทีม Onibus เช็กคุณภาพ จนกระทั่งลงตัวอัตสึชิก็บินมาเทสต์คุณภาพด้วยตัวเองอีกที เพื่อเก็บรายละเอียดให้รสชาติเป็นกาแฟสไตล์ Onibus
“กาแฟของเราจะไม่ฉูดฉาดเหมือนร้านกาแฟทั่วไป บอดี้จะคล้ายๆ การจิบชา” ถิบอก ซึ่งระหว่างนั้นเราก็ดื่มกาแฟดริปในมือไปด้วย รสชาติก็เบาอย่างที่ว่า แต่ตรงสเปกคนชอบกาแฟคั่วอ่อนอย่างเรา กลายเป็นว่ากาแฟร้านนี้จิบแล้วสดชื่นดี ไม่ทิ้งอะไรไว้ในปากมากไป
“อีกอย่างเราเน้นกาแฟ Washed Process ด้วย เพราะควบคุมรสชาติและคุณภาพได้ดีกว่า แต่รายละเอียดรสชาติก็ยังอยู่ครบ” เป็นเพราะเทคนิคการคั่วของ Onibus เช่นกัน”
ราคากาแฟของ Onibus เริ่มต้นที่ เอสเพรสโซ 100-120 บาท, อเมริกาโน 130-140 บาท, ลาเต้ 140-170 บาท (มีให้เลือกทั้งนมวัวและนมโอ๊ต) และกาแฟดริป 160-200 บาท
อ้อ ถ้าหากใครสั่งเครื่องดื่มเย็นนั่งที่ร้าน Onibus จะเสิร์ฟมาในแก้วทำจากขวดไวน์ด้วยนะ เพราะเรื่อง Sustainability ก็เป็นอีกหัวใจสำคัญของร้าน
Good for
เรารู้ว่าแฟนๆ Onibus ตั้งแต่สาขาโตเกียวคงไม่พลาด แต่สำหรับใครที่เป็นคอกาแฟและอยากลองสไตล์ใหม่ๆ ดูบ้าง เราอยากให้ลองแวะมานั่งจิบกาแฟชิลๆ ที่นี่ดู เพราะบรรยากาศก็มีชีวิตชีวา แถมอยู่ในย่านเมืองเก่าที่น่าเดินเล่น
“ถ้ามาที่ Onibus ผมอยากให้ลองกาแฟดริป เพราะรู้สึกว่าเอกลักษณ์ของ Onibus คือรสชาติกาแฟ ซึ่งการดึงเอกลักษณ์กาแฟออกมาให้ได้มากที่สุด ก็ต้องกาแฟดริปนี่ละ”
ถิบอกอีกว่าในอนาคต Onibus จะมีขนมอีก 5-6 เมนู ส่วนตอนนี้มี Banana Bread ที่ใช้สูตรเดียวกับสาขาญี่ปุ่น แต่รสชาติอาจต่างกันนิดหน่อย เพราะใช้วัตถุดิบคนละประเทศกัน ส่วนเมนูอื่นๆ ที่จะตามมาอีกก็อย่างเช่น Salted Caramel Cake หรือเค้กเบียร์ดำกับครีมชีส
Onibus Bangkok
Open: ทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น. (เปิดวันที่ 12 เมษายนเป็นต้นไป)
Address: ใต้โฮสเทล Once Again ซอยสำราญราษฎร์ เขตพระนคร
Budget: 100-300 บาท
Contact: Onibus Coffee Bangkok
Map:
- Onibus ต้องการเป็นร้านกาแฟที่เชื่อมต่อผู้คนเข้าด้วยกัน ร้านสาขานี้จึงเริ่มจากเพื่อนๆ รอบตัว คือ อัตสึชิและถิที่เป็นเพื่อนกัน เช่นเดียวกับคนออกแบบร้านที่เป็นเพื่อนของถิ หรือคนปั้นแก้วเซรามิกก็คือ Aooon Pottery ที่รู้จักกันอยู่แล้ว