อีกหนึ่งเวทีสำคัญของคนโรงแรมที่จะมาร่วมลุ้นรางวัลจาก MICHELIN Guide หลังเมื่อปีที่แล้วทางมิชลินเริ่มประกาศ ‘MICHELIN KEY’ มอบรางวัลกุญแจ 1-3 ดอก เพื่อเป็นสัญลักษณ์แก่โรงแรมที่นำเสนอประสบการณ์เข้าพักที่น่าทึ่งที่สุด มาปีนี้ยังคงสานต่อเจตนารมณ์เดิม ทว่ายิ่งใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ด้วยการประกาศผลรางวัลพร้อมกันทั่วโลก ในวันที่ 8 ตุลาคม 2568 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
ผู้ตรวจสอบมิชลินจะใช้เข้าพักยังโรงแรมโดยไม่เปิดเผยตัวตน และพิจารณาโดยหลักเกณฑ์ 5 ข้อ ได้แก่
- เป็นจุดหมายปลายทางในตัวเอง
- เป็นเลิศด้านสถาปัตยกรรมและการออกแบบตกแต่งภายใน
- คุณภาพและความสม่ำเสมอในการให้บริการ รวมถึงความสะดวกสบายและการบำรุงรักษาที่ดี
- ราคาต้องมีความเหมาะสมกับคุณภาพและประสบการณ์ที่ได้รับ
- มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สะท้อนถึงคุณลักษณะดั้งเดิม
ความหมายของกุญแจแต่ละดอกคือ
- กุญแจ 3 ดอก (Three Key) หมายถึงประสบการณ์การเข้าพักที่เหนือชั้นและน่าจดจำมาก
- กุญแจ 2 ดอก (Two Key) หมายถึงประสบการณ์การเข้าพักอันยอดเยี่ยม
- กุญแจ 1 ดอก (One Key) หมายถึงประสบการณ์การเข้าพักสุดพิเศษ
สำหรับปีนี้ มีรางวัลใหม่อีก 4 รางวัล ได้แก่
- MICHELIN Architecture & Design Award: ยกย่องโรงแรมที่มีสถาปัตยกรรมและการออกแบบอันน่าจดจำ
- MICHELIN Wellness Award: มอบให้แก่โรงแรมที่พักที่นำเสนอโปรแกรมด้านสุขภาพแบบองค์รวมทันสมัย
- MICHELIN Local Gateway Award: ยกย่องโรงแรมที่มอบประสบการณ์การเชื่อมโยงกับสภาพแวดล้อมได้อย่างลึกซึ้ง
- MICHELIN Opening of the Year: รางวัลสำหรับโรงแรมเปิดใหม่และสามารถสร้างอิทธิพลอันโดดเด่นต่ออุตสาหกรรมโรงแรมและการบริการได้ภายในปีแรกของการดำเนินงาน
สำหรับ MICHELIN Key ลิสต์แรกของประเทศไทย ประจำปี 2024 ประกอบด้วย Three Key 8 แห่ง, Two Key 19 แห่ง, และ One Key 31 แห่ง รวมทั้งหมด 58 แห่งจากกว่า 100 แห่งในเล่ม ซึ่งมีตั้งแต่ที่พักแบบบูติกน่ารักไปจนถึงประสบการณ์การเข้าพักที่หรูหราราวกับบ้านขุนนางเก่า
ส่วนปีนี้จะมีที่ไหนได้จำนวนกุญแจกี่ดอกบ้างนั้น ร่วมลุ้นได้วันที่ 8 ตุลาคมนี้ พร้อมกันทั่วโลก
ภาพ: Getty Images