เชื่อว่าหลายคนที่ชื่นชอบความหอมจากธรรมชาติน่าจะถูกใจผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของแบรนด์ Lush (ลัช) ที่โดดเด่นเรื่องความหอมฉบับออร์แกนิกที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร แบรนด์นี้เริ่มก่อตั้งขึ้นในปี 1995 เริ่มต้นจากร้านเล็กๆ ที่เมืองชายฝั่งทางใต้ของสหราชอาณาจักรเมื่อ 28 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในตอนนี้มีสาขาใน 49 ประเทศทั่วโลก รวมประเทศไทย และทั่วโลกก็มีร้านค้าของ Lush มากกว่า 900 ร้าน มีเว็บไซต์มากกว่า 30 ภาษาที่ส่งผลิตภัณฑ์รอบโลก โดยมีผู้ร่วมก่อตั้ง 6 คน คือ Mo Constantine, Mark Constantine, Rowena Bird, Helen Ambrosen, Liz Bennett และ Paul Greeves โดยทั้ง 6 คนมีความเชื่อเดียวกันในการสร้างค่านิยมของแบรนด์และจริยธรรมของธุรกิจในการสร้างความแตกต่างให้กับโลกใบนี้ด้วยความจริงใจที่มีต่อกลุ่มผู้บริโภค เพราะสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องสำคัญที่แบรนด์ให้ความตระหนัก
Lush คือแบรนด์ที่ได้คิดค้นและบุกเบิกบาธบอมบ์ที่มีความฟู่ ยาสีฟันอัดเม็ด แชมพูบาร์ เจลลี่อาบน้ำ โลชั่นทาผิวที่หอมเย้ายวน มาสก์หน้าสดใหม่ และผลิตภัณฑ์แปลกๆ อีกมากมาย และล่าสุด Lush เพิ่งเปิดตัว Perfume Library แห่งแรกในประเทศไทยด้วย LIFE จะพาไปสำรวจว่าห้องสมุดน้ำหอมแห่งนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง
What is it?
Perfume Library เป็นพื้นที่ให้ Lush Perfumers ได้แสดงความสามารถ แรงบันดาลใจ อิสรภาพในการตีความ และความเชี่ยวชาญในการปรุงกลิ่น ผ่านน้ำหอมคอลเล็กชันสุดพิเศษที่หาได้แค่ใน Lush Perfume Library เท่านั้น และยังตั้งใจสร้างให้เป็นพื้นที่สำหรับทุกคนที่ต้องการค้นหาความเป็นตัวเอง ผ่านการดมกลิ่นน้ำหอมสุดพิเศษเหล่านี้ไปพร้อมกับพนักงานที่เชี่ยวชาญด้านน้ำหอมของ Lush แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแห่งที่ 9 ของโลก ที่สาขาสยามเซ็นเตอร์
Lush Perfume Library ได้รวบรวมและคัดสรรสินค้าหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นน้ำหอมคอลเล็กชันสุดพิเศษโดยการรังสรรค์จากน้ำมันหอมระเหยคุณภาพสูง ผ่านการซื้อขายอย่างมีจริยธรรม นอกจากนี้ยังมีหนังสือ แผ่นเสียง เทียนหอม น้ำหอมสำหรับบ้าน หรือแม้กระทั่งเซ็ตของขวัญ Lush จัดรวมไว้แล้วในที่เดียว ด้วยความตั้งใจที่อยากจะให้ Perfume Library นี้เป็นชุมชนในอุดมคติ (Ideal Community) ของทุกคนที่สามารถเข้ามาค้นหาเอกลักษณ์ของตนเองผ่านการดมน้ำหอมสุดพิเศษ พูดคุย ปรึกษา เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Perfume Library กับพนักงานที่เชี่ยวชาญด้านน้ำหอมของ Lush ตามความเชื่อหลักของ Lush ที่ว่า All are welcome, always.
The Ingredients
หนึ่งในน้ำมันหอมระเหยจากธรรมชาติที่น่าสนใจจากคอลเล็กชันน้ำหอมของ Lush คือน้ำมันไม้กฤษณา (Oudh Oil) ที่คัดสรรมาอย่างพิเศษด้วยการซื้อขายอย่างเป็นธรรมผ่านทรีด้อม ประเทศไทย (Treedom) ที่เป็นแปลงปลูกไม้กฤษณาหมุนเวียน และซื้อขายไม้กฤษณาอย่างถูกกฎหมาย น้ำหอมเหล่านี้ผสมโดยใช้น้ำมันหอมระเหยบริสุทธิ์ที่ดีที่สุดในโลก ยกตัวอย่างเช่น น้ำหอม The Smell Of Weather Turning ที่ใช้ส่วนผสมที่คัดสรรโดยคำนึงถึงวัตถุดิบที่หาได้ในประเทศอังกฤษเมื่อ 5,000 ปีที่แล้ว ในช่วงที่อุณหภูมิอบอุ่นกว่าปัจจุบัน 2 องศาเซลเซียส มาใช้เป็นวัตถุดิบหลัก เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับประเด็นการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ (Climate Change) ที่ถูกพูดถึงอย่างแพร่หลาย
The Product Range
Perfume Library ได้จัดแสดงน้ำหอมมากกว่า 43 กลิ่น สเปรย์น้ำหอมอเนกประสงค์ 15 กลิ่น เทียนหอมระเหย น้ำหอมแห้ง และเครื่องหอมในบ้านที่ใช้ในอ่างอาบน้ำได้ โดยแต่ละกลิ่นได้รับการรังสรรค์ขึ้นมาอย่างพิเศษและพิถีพิถัน สำหรับการสร้างความตระหนักรู้และเปิดประสบการณ์ในการใช้กลิ่น เพื่อการเสริมสร้างความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน
The Sustainability Efforts
Lush มีการซื้อขาย (ส่วนผสม) อย่างมีจริยธรรม ไม่ใช้แรงงานเด็ก คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ถิ่นที่อยู่ของสัตว์ และสิ่งมีชีวิตในธรรมชาติ โดยส่วนผสมทุกอย่างไม่มีการทดลองกับสัตว์อีกด้วย นักปรุงน้ำหอมของแบรนด์ปรุงน้ำหอมอย่างอิสระ ไม่มีข้อจำกัด ไม่มีกฎเกณฑ์ ไม่มีข้อบังคับ ซึ่ง Lush ให้ความสำคัญในเรื่องของกลิ่นที่มีผลต่อการใช้ชีวิตของเรา เพราะกลิ่นสามารถส่งผลต่อความรู้สึก ความทรงจำ อารมณ์ และประสบการณ์ในการใช้ชีวิตได้ โดยในพื้นที่ของห้องสมุดน้ำหอมแห่งนี้ พนักงานผู้เชี่ยวชาญจะช่วยทุกคนตามหากลิ่นส่วนตัวของแต่ละคนที่สามารถสร้างความมั่นใจ สร้างความสุข และใช้ชีวิตอย่างเต็มที่บนโลกที่เขียวชอุ่มได้ตามหลักการ Leaving the World Lusher Than We Found It ที่นอกจากจะได้ใช้ชีวิตที่ดีแล้วยังให้ความสำคัญกับโลกของเรามากขึ้นไปพร้อมๆ กันด้วย
ภาพ: Courtesy of Lush
