เคยเป็นไหม? ในวันที่รู้สึกโดดเดี่ยว ไม่เหลือใคร
อยากจะกู้พลังใจกลับมา แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี?
มนุษย์แต่ละคนย่อมมีเป้าหมายต่อการใช้ชีวิตเพื่อตอบสนองกับคุณค่าของตนเองต่างกัน แต่การไปถึงเป้าหมายนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายดายเลยมันจะมีอุปสรรคต่างๆ จากภายนอกเข้ามารบกวนไม่ว่าจะเป็นการแข่งขัน แรงกดดัน ความไม่แน่นอน ท่าทีไม่เป็นมิตรเวลาที่ไม่มากพอ โอกาสที่เข้าถึงแต่ละคนไม่เท่ากันย่อมส่งผลให้เกิดการกระทบต่อเนื่องถึงอุปสรรคภายในใจ ความเครียด ความผิดหวัง และเหนื่อยล้า สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นมาซ้ำๆ เป็นระลอกกับเราจนแม้กระทั่งจะก้าวขามุ่งหน้าไปหาเป้าหมายยังเป็นเรื่องยากเลย
หลายคนพักผ่อนคลายชั่วขณะใจก็ได้กลับมาสดใสให้มีแรงสู้ต่อหลายคนกลับตกหลุมพรางของการพักใจทำให้ไปไม่ถึงจุดหมายที่วางไว้
สุดท้ายกลับกลายเป็นความรู้สึกผิดจากความคิดกล่าวโทษตนเองหลีกหนีการไปพบปะผู้คนเพราะวกวนกับความรู้สึกไม่ดีเคยสงสัยไหมมีผู้คนมากมาย แต่บางครั้งก็เหมือนไม่มีใครและอะไรทำให้เราตกอยู่ในวังวนของเป้าหมายและความรู้สึกไม่ดีต่อตนเองถ้าอยากจะกู้พลังใจให้รับมือกับความกดดันเหล่านี้ได้ ต้องทำอย่างไรไปดูกัน
คนเรามีหลายบทบาททับซ้อนกันอย่างแยกขาดกันไม่ได้ในวันที่เรากำลังรับบทบาทเป็นทีมงานที่ต้องทำยอดขายให้ได้ตามเป้าขององค์กรในเวลาเดียวกัน…เรายังรับหน้าที่ในบทบาทอื่นที่สำคัญไม่ต่างกันเราอาจเป็นลูกของพ่อแม่ที่อยู่ในวัยพักผ่อนและเราคิดเสมอว่า “อยากเป็นลูกที่ดี อยากให้พ่อแม่อยู่สบาย” เราอาจเป็นภรรยาของสามี ที่แม้งานในออฟฟิศจะหนักหนาแค่ไหนก็ต้องดูแลใส่ใจงานบ้านเพื่อการเป็นภรรยาที่ดีเราอาจเป็นพี่ชายคนโต ที่เคยได้รับคำชื่นชมจากการประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน จนไม่สามารถยอมให้ตนเองผิดพลาด เพราะไม่อยากให้ใครผิดหวังเราอาจเป็นเพื่อนร่วมงาน ที่มองไปทางไหนก็มีแต่ใครต่อใครที่ดูมุ่งมั่นตั้งใจและไม่พูดบ่นคำว่า “เหนื่อย” ให้ใครได้ยิน
ทำให้การพูดบ่นออกไปไม่ใช่สิ่งที่ปลอดภัยเพราะกังวลจะดูน่าผิดหวังหรือดีไม่พอในบทบาทที่สำคัญอื่นๆ ในชีวิตจึงเลือกที่จะเก็บเอาความรู้สึกเหนื่อยล้า ท้อแท้ใจไว้เพียงลำพังทำซ้ำๆ และทับซ้อนให้การเก็บกดไว้ในใจเป็นวิธีในการจัดการกับความทุกข์ ส่งผลให้เกิดความรู้สึกโดดเดี่ยว และความเชื่อว่าไม่มีใครที่จะช่วยรับฟังความทุกข์ใจนี้ได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรับบทบาทเป็น ‘คนไกล’ที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับงานมากกว่าการแบ่งสัดส่วนให้กับผู้คนในชีวิตมีแนวโน้มจะสะสมวิธีการเก็บกดอารมณ์ เพราะมีโอกาสไม่มากนักที่จะเห็นเจตนาที่พร้อมจะดูแลใจกันและกันของผู้คนเหล่านั้น ใช้เพียงความคิดกังวลเป็นสิ่งนำในการตัดสินใจไม่เล่าเรื่องราวทุกข์ใจให้ใครฟัง
หากจะกู้คืนพลังใจต้องให้เวลาและโอกาสการดูแลใจให้กับตัวเองด้วยวิธีคิดต่อไปนี้
1. เป้าหมายในการใช้ชีวิตเป็นสิ่งมีค่าการมีเป้าหมายสำคัญต่างๆ มักมีที่มาจากความคาดหวังของตนเองและของผู้อื่น ทั้งจากความรู้ตัวและสะสมมา หลายครั้งเป้าหมายมักมาจากความปรารถนาดีที่มีให้กับตนเองและคนรอบข้าง แต่การไปสู่เป้าหมายเป็นสิ่งที่ไม่ง่าย และความสำเร็จในเป้าหมายนั้นๆ มีหลายปัจจัย ไม่ได้เกิดขึ้นจากเพียงความตั้งใจ ความเก่ง หรือความดีของตัวเราเท่านั้น
2. ความเหนื่อย ผิดหวัง คือความรู้สึกสามัญ เมื่อการไปสู่เป้าหมายเป็นสิ่งไม่ง่าย ความเหนื่อยล้าระหว่างทางและความผิดหวังคือความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้ แม้ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับใครก็ตาม หากความเหนื่อยล้าและความรู้สึกผิดหวังได้มีพื้นที่บ่นระบาย และทบทวนทำความเข้าใจเมื่ออารมณ์สงบ จะมีส่วนสำคัญต่อการกลับมามีพลังใจให้กับตนเองอีกครั้ง
3. เราสามารถให้พื้นที่กับตนเองในฐานะมนุษย์คนหนึ่งได้ แต่สิ่งนี้อาจไม่ง่ายและไม่คุ้นเคย โดยเฉพาะคนทำงานในวัฒนธรรมแบบไทย ที่สอนให้มีความเชื่อเรื่องบุญคุณต่อผู้คนเป็นที่ตั้ง ให้เวลากับตนเองได้ผ่อนคลายร่างกายและลมหายใจ เตือนตนเองเสมอว่า “ในฐานะตัวฉัน ฉันจะมีพื้นที่สำหรับตัวเอง ฉันจะแบ่งเวลาไปทำสิ่งที่ฉันพอใจและผ่อนคลาย” ฉันจะเตือนตัวเองเสมอว่า “เมื่อไรที่ฉันได้ใช้เวลากับตัวเอง ฉันจะมีพลังให้กับตัวเองในฐานะอื่นๆ ในวันที่โอกาสและเวลามาถึง”
4. เปิดโอกาสให้ตนเองพบปะผู้คนสำคัญในชีวิต ทั้งในโลกจริงหรือช่องทางออนไลน์ และแลกเปลี่ยนความรู้สึกระหว่างกันทั้งสุขและทุกข์ เพื่อมีโอกาสสื่อสารอารมณ์ทั้งสองทาง บ่นระบายบ้าง รับฟังบ้าง สนับสนุนบ้าง ยินดีบ้าง เพื่อยืนหยัดกับความเป็นจริงที่ว่า “การประคองใจคือความปรารถนาดีที่มีค่าไม่ต่างจากการเป็นพนักงานที่ดี ลูกที่ดี ภรรยาที่ดี พี่คนโตที่ดี หรือเพื่อนร่วมงานที่ดี” จากการทำหน้าที่ในงานได้ตามเป้าหมายที่ตนคาดหวังไว้