×

“ชีวิตเราไม่ได้มีแค่งาน” ถ้างานไม่ใช่ทุกอย่างของเรา ก็ไม่เป็นไรเลย

17.04.2025
  • LOADING...
คนทำงานพักผ่อนกับกิจกรรมที่ชอบนอกเหนือจากงาน เพื่อสร้างสมดุลชีวิตและความสุขที่หลากหลาย

โตขึ้นเราอาจจะได้ยินคำว่า “ต้องมี Passion ในงาน” บ่อยพอๆ กับคำว่า “งานคือชีวิต” แล้วมันก็กลายเป็นบรรทัดฐานเงียบๆ ว่า…ถ้ารักในสิ่งที่ทำไม่ได้ ก็แปลว่าชีวิตมันจะไม่มีความหมายเหรอ? แต่ความจริงคือชีวิตของเรามันใหญ่กว่านั้นมากเลยนะ

 

การใช้ชีวิตจึงไม่จำเป็นต้องย่อให้เหลือแค่คำว่า ‘งาน’ LIFE จะพาผู้อ่านไปรู้จักกับทางเลือกดีๆ ในการแบ่งใจให้กับอย่างอื่นที่ดีกับตัวเอง ที่นอกเหนือจากการให้คุณค่ากับงาน ลองไปให้คุณค่ากับการรักตัวเองในแบบที่หลากหลายมากขึ้น บางทีอาจจะค้นพบความสุขบางอย่างที่จะบาลานซ์ชีวิตของงานที่มีค่า กับความพอใจในชีวิตที่ทำให้ใจฟูควบคู่กันไปได้อย่างยั่งยืน

 

1. ถ้างานไม่ใช่ทุกอย่างของเรา ก็ไม่เป็นไรเลย

 

เราโตมาในยุคที่ทุกอย่างแข่งกันเร็ว เราเห็นคนอายุ 25 ปีประสบความสำเร็จแบบสุดขีด เราถูกเร่งให้รู้จักตัวเองเร็ว รู้ว่าต้องทำอะไร หาเงินให้ได้ เก่งให้ทันคนอื่น แล้วคำว่า ‘พัก’ ก็หายไปเงียบๆ

 

จิตวิทยาวัยรุ่นบอกว่า ช่วงอายุ 18–25 ปี คือช่วงสำคัญของการ ‘ลอง’ และ ‘เรียนรู้’ ตัวเอง แต่มายด์เซ็ตสังคมกลับบอกให้เราต้อง ‘รีบ’ กลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จให้เร็วที่สุด

 

ความจริงแล้ว…ไม่ผิดเลยถ้างานของเราคือแค่งาน ไม่ใช่ตัวตนทั้งหมด ไม่ใช่ความฝันทั้งหมด และไม่ใช่ความสุขทั้งหมดเช่นกัน 

 

2. ชีวิตเราควรมีหลายบท มากกว่าบทเดียวที่ชื่อว่า ‘งาน’

 

มนุษย์ทุกคนเกิดมาหลายมิติ บางคนอาจชอบปลูกต้นไม้ บางคนชอบวาดรูป บางคนคลั่งกาแฟ หลงใหลมัทฉะ หรือฝึกทำอาหาร บางคนอยากเดินทางเงียบๆ ไปเจอธรรมชาติในวันหยุด สิ่งเหล่านี้คืออีกหนึ่งบทบาทที่เพิ่มคุณค่า และทำให้ชีวิตมีรสชาติ การยอมให้ตัวเอง ‘อิน’ กับอย่างอื่น ไม่ได้ทำให้เรา ‘ไม่รักงาน’ แต่มันทำให้เรารักตัวเองได้มากขึ้น ชีวิตไม่จำเป็นต้องมีแค่แผนหนึ่งเดียว เราทำงานได้ดี และรักในสิ่งเล็กๆ ไปพร้อมกันได้

 

3. เปลี่ยนคำถามจาก “เราต้องทำอะไร” เป็น “เรารู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่ทำอยู่”

 

บางครั้งความเครียดไม่ได้มาจากงาน แต่มาจาก ‘ความคาดหวัง’ ว่าเราควรจะเป็นแบบนั้น แบบนี้ จิตวิทยาเชิงบวกเสนอให้เราลองเปลี่ยนคำถามจาก “ทำไมฉันยังไม่เก่งพอ” เป็น “ตอนนี้ฉันอยากให้ตัวเองได้รับประสบการณ์อะไรเพิ่ม?” หรือ “สิ่งที่ฉันทำ มันเติมพลังให้ฉันจริงๆ ไหม?” คำถามแบบนี้จะค่อยๆ พาเรากลับมาสนใจตัวเอง และพาเราไปหาความหมายของชีวิตในแบบของเราเอง ไม่ใช่แบบที่ใครๆ วางไว้ให้

 

4. นิยามคำว่า ‘ประสบความสำเร็จ’ ด้วยภาษาของตัวเอง

 

ไม่จำเป็นเลยที่ความสำเร็จของเราต้องเหมือนใคร ถ้าวันหนึ่งเราสามารถตื่นขึ้นมา รู้สึกสงบ ทำสิ่งที่อยากทำ แม้มันจะไม่ได้มีชื่อเสียง ไม่ได้ขึ้นหน้าฟีดของใคร แต่มันเติมพลังให้เรา แค่นั้นก็อาจเรียกได้ว่าเป็น ‘ความสำเร็จแล้ว’ ในแบบของเรา

 

5. ชีวิตที่ดี คือชีวิตที่ไม่ลืมว่าเราเป็นมนุษย์ ไม่ใช่ชีวิตที่ทำงานเป็นเครื่องจักรตลอดเวลา เราทำงานเก่งได้ แต่เราก็เศร้า เหนื่อย สับสนได้เหมือนกัน อย่าลืมให้พื้นที่กับตัวเองที่จะ ‘รู้สึก’ และ ‘อยากพัก’ เพราะสุดท้าย ความหมายของชีวิตอาจไม่ใช่การวิ่งให้ถึงเส้นชัยเร็วที่สุด แต่อาจเป็นการได้ใช้ทุกก้าวอย่างมีความสุข แม้จะยังไม่รู้เลยว่าจุดหมายอยู่ตรงไหน

 

อยากให้มองว่าบางที การหันไปใส่ใจสิ่งเล็กๆ ในชีวิต เช่น การได้อยู่กับแมวลูกรัก การทำขนมที่ไม่ค่อยอร่อย แต่ทำแล้วใจฟู หรือการได้ฟังเพลงที่เราชอบซ้ำไปซ้ำมา ก็อาจเป็นการใช้ชีวิตที่ ‘มีคุณค่า’ กว่าการตั้งใจทำงานหนักๆ ทั้งวัน โดยลืมตัวเองไปเลย จงอนุญาตให้ตัวเองมีความสุข และเพิ่มคุณค่าในชีวิตผ่านตัวเลือกอื่นๆ ดูบ้าง บางทีความเครียดที่เคยมีอาจจะค่อยๆ หายไป และได้ประสบการณ์ใหม่ๆ ระหว่างทางที่ฮีลใจตัวเราเองได้ดีจนคาดไม่ถึง

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising