ใครที่เข้าวงการดื่มไวน์มาได้สักพักอาจเริ่มรู้สึกอยากอัปเลเวลตัวเองด้วยการทำความรู้จักไวน์ใหม่ๆ หรือลองหันมาจิบไวน์ธรรมชาติ (Natural Wine) ที่กำลังมาแรงสุดๆ ในช่วงนี้ดูบ้าง
แต่เพราะ Natural Wine อาจเป็นไวน์ที่เข้าใจยากสำหรับใครหลายคน โดยเฉพาะมือใหม่ เพราะทั้งรส สี และกลิ่น ไม่เหมือนไวน์ตามตำราทั่วไปเลยนี่สิ
เราจึงจะพาทุกคนไปฟังเคล็ดลับการดื่ม Natural Wine จากผู้เชี่ยวชาญ ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะดูเหมือนมืออาชีพ เผื่อว่าเปิดไวน์ธรรมชาติจิบครั้งหน้าคุณจะได้รู้สึกดื่มด่ำมากกว่าเดิม
อย่างแรกต้องดูสี ขุ่นแบบนี้แหละ Natural Wine
เราชวน ยุ้ย-สริยา กัมปนาทแสนยากร ผู้สอนและผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ มานั่งคุยกันวันนี้ เธอบอกว่า ก่อนดื่มไวน์ธรรมชาติต้องรู้ก่อนว่าที่มาที่ไปของไวน์ชนิดนี้เป็นอย่างไร เพราะด้วยกระบวนการผลิตที่แตกต่าง ทำให้เมื่อรินจากขวดสู่แก้วเราจะเห็นตะกอนสีขุ่นออกมาพร้อมกันด้วย
ซึ่งนั่นเรียกว่าเป็นเอกลักษณ์ของ Natural Wine เลยก็คงได้ เนื่องจากเป็นไวน์ชนิดที่ไม่ผ่านการกรองและไม่มีการเติมสารอื่นๆ ลงไป (Nothing Removed-Nothing Added)
พูดได้ว่าทำมาแบบไหน บรรจุใส่ขวดแบบนั้น
ทำให้ตะกอนจากองุ่นยังคงอยู่ แต่เราสามารถดื่มได้ ไม่มีอันตราย รวมถึงกลิ่นและรสชาติจะมีความซับซ้อนกว่าไวน์ปกติด้วย เพราะไม่มีการใส่สารซัลเฟอร์
อย่ายึดติดกับรสชาติ เพราะ Natural Wine มีความอินดี้
และด้วยความที่ Natural Wine ไม่ใส่สารเคมีหรือมีซัลเฟอร์ต่ำมากๆ ทำให้รสชาติไวน์ทุกขวดมีเอกลักษณ์ แม้จะเป็นไวน์ชนิดเดิม แต่หากผลิตคนละปีก็อาจมีรสชาติแตกต่างได้เช่นกัน
คุณยุ้ยจึงแนะนำนักดื่มไวน์ธรรมชาติหน้าใหม่ว่า “อย่าไปใช้กฎเกณฑ์อะไรมากมาย อยากดื่มอะไรให้ลองและเปิดใจไปกับมัน”
เนื่องจากการผลิต Natural Wine ไม่มีกฎเกณฑ์ใดๆ ใครอยากทำอะไรก็ทำเลย รสชาติไวน์จากแต่ละแหล่งผลิตจึงมีความเฉพาะและขึ้นอยู่กับดิน ฟ้า อากาศ ในช่วงนั้นๆ ด้วย
“การดื่ม Natural Wine มันไม่มีระเบียบแบบแผน คนที่ดื่มส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ยึดติดยี่ห้อไหนเป็นพิเศษ เพราะต้องการลองอะไรใหม่ๆ มากกว่า”
ฉลากไวน์ที่โดนตา อาจเป็นรสชาติที่โดนใจ
Natural Wine เองก็มีหลายชนิดเหมือนไวน์ปกติ มีทั้งแดง ขาว ส้ม โรเซ่ และสปาร์กลิง แต่เราเชื่อว่าหลายคนอาจเริ่มต้นไม่ถูก จึงจบด้วยการจิ้มไวน์ขวดที่ฉลากสวยถูกใจ ซึ่งหากใครทำแบบนี้ก็ไม่ต้องเขิน เพราะคุณยุ้ยเองก็บอกว่า คนส่วนใหญ่เลือกที่ฉลากเยอะเหมือนกัน เพราะฉลาก Natural Wine ค่อนข้างดึงดูด ฉะนั้นอย่ากลัวที่จะลองทั้งที่ไม่รู้รสชาติด้านใน
“ถ้าใครไปนั่งดื่มที่บาร์ก็ควรเลือกร้านที่เจ้าของมีความรู้เกี่ยวกับไวน์ด้วย เพื่อที่เขาจะอธิบายให้เราเข้าใจได้ เพราะโดยรวมแล้วรสชาติ Natural Wine ส่วนใหญ่จะคล้ายๆ กัน แต่ถ้าใครดื่มไปสักพักอยากให้ลองเลือกจากผู้ผลิตที่ชอบดู เพราะ Natural Wine ก็มีหลายเกรด”
หรือใครจะเลือกดื่มตามประเทศก็ได้ คุณยุ้ยแนะนำมาว่า หากเริ่มต้นใหม่ Natural Wine ของออสเตรเลียหรือฝรั่งเศสจะดื่มง่าย รสชาติซอฟต์ๆ โดยเฉพาะแถบออสเตรเลียจะมีชื่อเสียงเป็นพิเศษ มีผู้ผลิตไวน์ธรรมชาติรุ่นใหม่เยอะ
“ถ้าอยากได้ความยากขึ้นมาหน่อยก็มีของสเปนหรืออิตาลี แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องดูผู้ผลิตเป็นหลัก”
อย่าจิบไวน์เก่าหรือขวดที่เปิดนานแล้ว
ถ้าใครกำลังเลือก Natural Wine สักขวดมาจิบที่บ้าน คุณยุ้ยบอกว่า ให้เลือกปีผลิตใหม่ๆ ไม่ควรดื่มไวน์เก่าอายุ 2-3 ปีขึ้นไป เพราะอย่าลืมว่า Natural Wine ไม่มีการใส่สารซัลเฟอร์ช่วยยืดอายุ และเมื่อเปิดแล้วก็ควรดื่มให้หมดเลย อย่าเก็บไว้นาน
ส่วนใครที่ชอบไปนั่งดื่มที่บาร์ก็ควรเลือกร้านที่มีตู้เก็บไวน์เป็นกิจจะลักษณะ และอย่าลืมถามเสมอว่าไวน์ขวดนี้เปิดมานานแค่ไหนแล้ว แนะนำว่าอย่าดื่มไวน์ที่ค้างมาตั้งแต่เมื่อคืนจะดีกว่า
“แต่ข้อดีอย่างหนึ่งของ Natural Wine คือ ผลิตไม่เยอะและแต่ละร้านนำเข้ามาได้ทีละน้อยๆ เพราะฉะนั้นไวน์จะมีการหมุนเวียนเร็วมาก รวมถึงกำลังอยู่ในกระแสด้วย หลายร้านจึงไม่ค่อยมีไวน์ค้างสต๊อกจนเก่าเท่าไร”
จิบแพริ่งกับอาหาร
ด้วยรสชาติของ Natural Wine ที่มีความซับซ้อน มีความเป็นกรดสูง และมีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์ชัดเจน คุณยุ้ยจึงแนะนำให้ทุกคนลองจิบคู่กับอาหารไทยหรืออาหารที่มีเครื่องเทศเยอะๆ แล้วจะได้ประสบการณ์ใหม่ที่อาจทำให้คุณหลงรักไวน์ธรรมชาติขึ้นมา
เราหาคำแนะนำจากนักเขียนต่างประเทศมาให้ด้วย เผื่อว่าใครชอบกินอาหารต่างชาติ พวกเขาแนะนำว่า Natural Wine จับคู่กับอาหารเลี่ยนๆ ได้ดีเหมือนกัน เช่น อาหารอิตาเลียน พิซซ่า สเต๊ก หรือของทอดต่างๆ
เพราะฉะนั้นหากใครจะเปิดไวน์ธรรมชาติจิบครั้งต่อไป ลองสั่งอาหารเหล่านี้มากินพร้อมกันดู