×

HOW DO YOU LIVE? บ้านเก่า 70 ปี และชีวิตของ บอย โกสิยพงษ์ ที่กลับไปเป็นเด็ก

08.09.2025
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

  • เมื่อ 20 ปีที่แล้วหลังบอย โกสิยพงษ์พบความเปลี่ยนแปลงชีวิตในการทำงานเพลง เขาได้เปลี่ยนบ้านไม้อายุ 70 ปีใจกลางทองหล่อที่เคยซื้อไว้ เป็นออฟฟิศและค่ายเพลง ที่นั่นคือจุดตั้งต้นแรงบันดาลใจและผลงานเพลงมากมายที่ยังถูกพูดถึงจนถึงทุกวันนี้
  • ความหมายของคำว่าบ้านของเขาวันนี้ไม่ใช่อาคารสถานที่อีกต่อไป แต่คือกระเป๋าใบหนึ่งที่บรรจุอุปกรณ์ทำเดโม่เพลงที่เขาสามารถพกพาไปได้ทุกที่ และพื้นที่เล็กๆ ในกระเป๋านี้คือบ้านและความสุขของเขา

ท่อนหนึ่งของเพลงหวานขม ผลงานการแต่งของบอย โกสิยพงษ์ในอัลบั้ม BoYdPoD ถูกเขียนขึ้นว่า ‘ผ่านวันที่ดีผ่านวันที่เราเคยมีน้ำตา เป็นช่วงที่มีความสุขมากมาย’ ซึ่งเพลงได้เล่าถึงความทรงจำในอดีตที่ผ่านมาที่ปะปนไปด้วยความสุขและทุกข์ ละม้ายรสชาติหวานขมซึ่งเป็นรสชาติที่แท้จริงของชีวิต บอย โกสิยพงษ์ในวันนี้ก็มีความรู้สึกไม่ต่างจากเพลงนี้เท่าไรนัก

 

ชีวิตของบอย โกสิยพงษ์เริ่มต้นภายใต้ครอบครัวที่อบอุ่น ประกอบด้วยพ่อแม่และพี่น้อง 6 คน ที่ทุกคนสนิทสนมและใช้ชีวิตด้วยกันตลอดเวลาในบ้านใจกลางเมือง ทุกคนอยู่ร่วมกันจนถึงวันที่เขาสร้างครอบครัวและต้องย้ายออกไปอยู่กับภรรยา ความใจหายลึกๆ และความถวิลหาครอบครัวยังมาเยือนสม่ำเสมอ แต่เขาเองก็ค่อยๆ สร้างครอบครัวที่น่ารักของตัวเองประกอบด้วยภรรยา และลูก และเริ่มตั้งค่ายเพลงกับเพื่อนสนิท จนค่ายเพลงเล็กๆ แห่งนั้นสร้างเพลงระดับตำนานจนยังคงโด่งดังมาจนถึงทุกวันนี้

 

จนความเปลี่ยนแปลงมาเยือน เมื่อค่ายเพลงที่เขารักต้องปิดตัวลง เขาต้องหาที่ทางให้กับค่ายเพลงค่ายใหม่ที่เขาตั้งใจสร้าง จนนึกขึ้นได้ว่าเขามีบ้านหลังหนึ่งที่ซื้อไว้ใจกลางทองหล่อ เป็นบ้านไม้อายุ 70 ปี ที่เขาพูดติดตลกว่าเคยเป็นโรงเชือดเป็ดมาก่อน เขาปรับปรุงบ้านหลังนี้ให้ชั้นบนเป็นส่วนของออฟฟิศ ต่อเติมออกเป็นห้องอัดบันทึกเสียงและห้องควบคุมร้อง สร้างสตูดิโอเล็กๆ ไว้สำหรับถ่ายภาพและสำหรับถ่ายทอดสด จนบ้านไม้หลังนี้กลายเป็นค่ายเพลงที่สมบูรณ์

 

 

ด้านหน้าบ้านเคยเป็นต้นไม้ร่มครึ้มและแป้นบาสที่เขาเล่าว่าเมื่อครั้งที่ยังเป็นค่ายเพลงมีศิลปินมาใช้ชีวิตและเล่นกีฬากันอยู่เสมอ ถัดเข้าไปเล็กน้อยเป็นฟิกเกอร์ขนาดใหญ่ที่เขาได้มาจากดิสนีย์แลนด์มาประดับตกแต่งคอยต้อนรับผู้ที่เดินเข้ามา และเมื่อเปิดประตูเข้าไปเราจึงสัมผัสได้ว่าที่แห่งนี้คือบ้านที่ไม่เหมือนออฟฟิศทั่วไป

 

ด้านขวามือเป็นโต๊ะประชุมขนาดใหญ่ที่ใช้ประชุมงาน บอยเล่าว่าเมื่อทำค่ายเพลงใหม่ๆ จากที่เคยนั่งอยู่ท้ายโต๊ะกลับต้องมานั่งหัวโต๊ะในฐานะผู้บริหารซึ่งเป็นตำแหน่งที่เขาไม่ชอบเท่าไรนัก แต่ก็ต้องทำในฐานะพี่ใหญ่ ในทุกๆ วันจันทร์แต่ละแผนกจะเข้ามาคอยปรึกษา รายงานปัญหา แต่ในฐานะหัวหน้าค่ายเขาก็ทำสิ่งนั้นได้สำเร็จ ทุกวันนี้เขายังใช้โต๊ะตัวนี้นั่งทำงานเพลง พบปะแขก และประชุมเล็กๆ น้อยๆ อยู่เสมอ

 

 

รอบข้างโต๊ะประชุมจะสังเกตเห็นงานศิลปะที่วาดอยู่บนผ้าใบแคนวาสประดับอยู่อย่างแน่นขนัด ซึ่งเป็นฝีมือของเขาเอง เขาเล่าว่าตัวเองไม่เคยมีความสามารถด้านศิลปะมาก่อน แต่ช่วงหนึ่งที่รู้สึกไม่แน่นนอนกับชีวิต ป๊อด-ธนชัย อุชชิน เคยแนะนำให้เขาลองวาดรูปดูโดยไม่ต้องคิดอะไร วาดวันละ 1 ภาพและวาดไปเรื่อยๆ ความเป็นศิลปินของบอยทำให้เขาสร้างงานศิลปะได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะเขาตั้งต้นจากความเป็นอิสระและไม่รู้ว่าจะตั้งใจวาดเป็นอะไร ปล่อยให้ใจนำทาง และต่อเติมเป็นภาพตามจินตนาการ ภาพที่ออกมาจึงเป็นเรื่องศาสนาที่เขาศรัทธา และการ์ตูนญี่ปุ่นที่เขารัก

 

 

ถัดมาด้านซ้ายของชั้น 1 บอยจำลองให้เป็นบรรยากาศของคาเฟ่ เพราะเขาชอบบรรยากาศของร้านกาแฟทั้งที่ตัวเองไม่ดื่มกาแฟ ทำให้เราได้เห็นโต๊ะไม้ตัวใหญ่ กับวอลเปเปอร์คล้ายร้านกาแฟชื่อดังติดอยู่ เป็นมุมเล็กๆ สำหรับให้แขกนั่งรอ และนั่งพูดคุยเพื่อหย่อนใจ

 

 

อ้อมจากด้านหลังของอาคารหลังแรกเขาต่อเติมออกไปเป็นห้องสำหรับควบคุมและบันทึกเสียง เมื่อก้าวเข้าไปเราได้เห็นฟิกเกอร์อีวานเกเลียนตัวใหญ่ยักษ์ ที่ทะลุหลังคาห้องอัด เขาเล่าว่าเป็นฟิกเกอร์ที่ได้มาทีหลังและต้องการเอามาวางในตำแหน่งนี้ให้ต้องใช้นิ้วจิ้มทะลุหลังคาเป็นรอยขาด นอกจากนี้แล้วตรงแผงควบคุมเสียงเขายังซ่อนสีเหลืองที่เป็นตัวแทนของโนบิตะตัวการ์ตูนที่เขารักจากเรื่องโดราเอมอน ส่วนด้านในเป็นห้องร้องขนาดใหญ่ที่ยังมีกลองชุดวางและคีย์บอร์ดอยู่

 

 

และเมื่อเดินขึ้นสู่ชั้น 2 ตรงพักบันไดเราจะเห็นกรอบรูปปกอัลบั้มที่ขายได้ 1,000,000 ตลับเรียงรายเต็มผนัง ทุกอัลบั้มเป็นที่รู้จัก และทุกครั้งที่เดินผ่านทำให้ความทรงจำเหล่านั้นย้อนกลับขึ้นมา

 

 

ส่วนชั้น 2 จากเดิมที่เคยใช้ทำงานเอกสารบัญชีและงานหลังบ้าน ปัจจุบันห้องยังถูกใช้งานทำเอกสารออฟฟิศของเขา บางห้องกลายเป็นห้องเก็บของ และไม่มีผู้ใช้งาน

 

นอกจากเรื่องบ้านบอย โกสิยพงษ์ย้อนเล่าความทรงจำเกี่ยวกับการทำค่ายเพลงว่าไม่มีวันไหนที่เป็นเรื่องง่าย ทุกคืนเขาต้องนอนคิดว่าจะทำอย่างไรให้ค่ายเพลงไปต่อได้ ทั้งในด้านศิลปะและด้านของรายได้ สมการหนึ่งที่เขาใช้คิดเสมอเพื่อสร้างสรรค์งานคือหยิบเอาความเป็นไปไม่ได้มาชนกับความเป็นไปไม่ได้ จนเกิดงานที่แตกต่างและไม่เหมือนใคร จนในที่สุดเขาก็ได้บันทึกจุดหมายสำคัญให้กับวงการเพลงและประสบความสำเร็จในแง่รายได้ และทุกวันนี้เขาก็ยังใช้สมการของความเป็นไปไม่ได้นี้อยู่เสมอ

 

 

แม้ว่าวันนี้ในทัศนะส่วนตัวของเขา เขามองตัวเองว่าไม่ใช่ผู้เล่นหลักในวงการเพลง แต่เขาก็ยังสนุกอยู่กับการทำเพลงเหมือนเด็กอายุ 18 และเป็นเช่นนั้นมาตลอด เขาเปิดกระเป๋าเป้ที่สะพายไปทุกที่คลี่ออกมาให้ดู ในนั้นมีคอมพิวเตอร์ คีย์บอร์ด มิกเซอร์ ที่เป็นเซ็ตอุปกรณ์ทำเพลงที่เขาสามารถพกพาไปได้ทุกที่ เมื่อเขานั่งลงคิดงานพื้นที่ตรงนั้นคือพื้นที่ของเขา ที่ทำให้เขาย้อนกลับไปเป็นเด็ก สนุกกับการเอาแรงบันดาลใจมาประยุกต์กับสิ่งที่ชอบ จนออกมาเป็นเพลง และสำหรับเขากระเป๋าใบนี้เองคือพื้นที่ของหัวใจและบ้านของเขาในวันนี้อย่างแท้จริง

 

รับชมความหมายของคำว่าบ้านในวันนี้ของบอย โกสิยพงษ์ได้ในรายการ HOW DO YOU LIVE? ทาง YouTube ของ THE STANDARD LIFE คลิกชมได้ที่: https://www.youtube.com/watch?v=qQZsgIY7X-o

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising