×

พญ.อรุณี กับความสุขจากการเติมพลังของตัวเอง ด้วยการเติมความสวยแก่คนไข้

19.04.2025
  • LOADING...
empower-beauty

‘ชอบศิลปะ’ ความหลงใหลในความสวยงามของงานศิลป์ตั้งแต่เด็กเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่ทำให้ หมอออย-พญ.อรุณี ทองอัครนิโรจน์ (ว.40692) ได้เป็นแพทย์ประจำ รมย์รวินท์คลินิก และยังเป็นเหมือนเพื่อนของคนไข้ที่คอยให้คำแนะนำและเกร็ดความรู้ด้านความงามจนถึงทุกวันนี้

 

พญ.อรุณี กับความสุขจากการเติมพลังของตัวเอง

 

จากศิลปะบนวัตถุ…สู่ศิลปะบนใบหน้า ความเป็นศิลปินในสายเลือดและประสบการณ์ด้านผิวหนังกว่าทศวรรษ ทำให้หมอออยค้นพบแพสชันด้านการปรับรูปหน้ามากเป็นพิเศษ เพราะมากกว่าความสุขจากการได้ทำในสิ่งที่รักมาตั้งแต่เด็ก คือความสุขจากการได้ดูแลคนไข้ดุจเพื่อน ได้เห็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ได้ทำให้คนไข้ทุกคนสวยและดูดีในแบบของตัวเองที่สุด เฉกเช่นแนวคิด ‘For the Better You’ โดย Romrawin

มุมมองความงามในแบบฉบับของหมอออยในหัตถการความงามจะช่วยให้คุณสวยในแบบที่เป็นคุณมากแค่ไหน ค้นพบคำตอบได้ใน Passion Calling x Romrawin with Dr.Oil Arunee

 

พญ.อรุณี กับความสุขจากการเติมพลังของตัวเอง

 

ความงามเป็นสิ่งที่หมอออยสนใจมาตั้งแต่เด็กเลยไหม

 

หมอออย: ไม่เชิงเลยค่ะ ปกติแล้วคุณแม่สอนให้ดูแลตัวเองตั้งแต่เล็กๆ คุณแม่สอนให้ใช้ครีมกันแดดตั้งแต่ยังเล็กมาก ซึ่งตอนนั้นเรายังไม่รู้เลยว่าทำไมเราจะต้องเลี่ยงแดด แล้วจริงๆ ตอนเด็กเป็นเด็กที่รักศิลปะมากเป็นพิเศษ เรียกว่าไม่ต้องเรียน เหมือนชอบเอง ทำเอง ด้วยการเป็นคนที่ชอบลองอะไรใหม่ๆ ตอนนั้นก็รู้สึกว่าการเรียนหนังสือ ถ้าเราลองตั้งใจดูสักนิด เกรดดีขึ้น คนก็จะชื่นชม เลยทำให้เราเป็นเด็กที่ชอบเรียน ชอบแข่งขันมาช่วงหนึ่ง

 

ตั้งแต่เรารู้ตัวว่าเราชอบศิลปะ ชอบด้านการเรียน เราก็เลยเอาสองอย่างมาแมตช์ด้วยกัน การเรียนอะไรที่สามารถเอามาใช้ในแง่ของศิลปะตอนนั้นก็คือชีววิทยา ต้องวาดรูป มองเห็นภาพเซลล์ มองเห็นภาพสิ่งแวดล้อม มันเลยทำให้เรารู้สึกว่าเราจะทำอะไรที่มันได้ทั้งความรู้ในสิ่งที่เราจะก้าวไปข้างหน้า แล้วก็เอาศิลปะเข้ามารวบไปด้วยกัน ตอนนั้นก็ไม่เคยคิดเลยค่ะว่าอยากจะเป็นหมอ แต่สุดท้ายสังคมมันพาไป แล้วอันนี้ก็เวิร์กกว่าการไปเรียนวิศวะ เพราะเราไม่ชอบตัวเลขขนาดนั้น

 

พญ.อรุณี กับความสุขจากการเติมพลังของตัวเอง

 

จู่ๆ มาเป็นหมอสายความงามได้อย่างไร

 

หมอออย: ต้องบอกก่อนว่าปกติแล้วการเรียนหมอมันไม่ใช่ว่าเรียนไปแล้วเราจะรู้ว่าเราจะจบมาเป็นอะไรนะคะ ในระหว่างที่เราเรียนไปทุกๆ ชั้นปี เราก็จะเริ่มค่อยๆ เห็นการเปลี่ยนแปลง คือช่วงประมาณปี 4, ปี 5, ปี 6 ที่จะเริ่มเห็นแล้วว่าหมอแต่ละวอร์ดหรือหมอแต่ละวิชาชีพ เขาทำอะไรบ้าง

 

ตอนนั้นมีโอกาสได้ไปเรียนแผนกผิวหนัง จะบอกว่าแผนกผิวหนังความรู้สึกเหมือนเราเล่นจับผู้ร้าย มันจะต้องหาทริก หาคำใบ้โดยการไม่ต้องซักถาม มองปุ๊บ เอ๊ะ หน้าตาผื่นแบบนี้ มีลักษณะแบบนี้ มีองค์ประกอบแบบนี้ เรานึกถึงอะไร ตอนนั้นก็เลยรู้สึกว่า โอ้โห คนไหนที่ช่างสังเกต ช่างทาย ช่างเดา แล้วก็มีประสบการณ์มาก่อน มันก็อาจจะเดาถูก แล้วพอเดาถูกก็เฮ้ย เจ๋งอะ

 

เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้รู้สึกอินด้วย

 

หมอออย: ใช่ เวลาเรามองเห็นโรคผิวหนัง เราจะมองว่ามันไม่น่าดูเลย มันดูน่ารังเกียจ มันดูเป็นแดงๆ ขุยๆ บางทีก็เป็นโรคติดเชื้ออะไรอย่างนี้ แต่ ณ ตอนนั้นที่เราได้เรียนไปเรื่อยๆ เราจะเริ่มรู้สึกว่ามันมีศาสตร์อื่นอีกนะ ในด้านของผิวหนัง คือนอกจากการทำให้คนหายจากโรคบางอย่างที่มันดูไม่สวยงาม มันสามารถทำให้คนดูสวย ดูดีขึ้นได้ด้วย

 

พญ.อรุณี กับความสุขจากการเติมพลังของตัวเอง

 

ในยุคนั้นหมอออยเคยมีประสบการณ์เข้าคลินิกบ้างไหม

 

หมอออย: มีค่ะ เราก็จะต้องมีเรื่องของสิวนะคะ รอยสิว ก็เคยเข้าไปปรึกษาคุณหมอว่าจะรักษาอย่างไรอะไรแบบนี้

 

ตอนนั้นหมอออยมีมุมมองกับหัตถการความงามอย่างไร

 

หมอออย: เมื่อก่อนเวลาคนเขาจะมาคลินิกต้องแอบๆ กันมา เขาไม่อยากให้ใครรู้ว่าบางทีเราไปทำอะไรมา มันยังดูเป็นสิ่งที่ต้องปกปิด แบบว่าอยากสวย อยากดูดี เป็นธรรมชาติ แต่ไม่อยากให้ใครรู้ว่าฉันต้องผ่านการทำเครื่อง ไปจิ้ม ไปทำอะไรมา

 

แต่ปัจจุบันคนยอมรับมากขึ้นนะ ถ้าสังเกตโฆษณาเต็มไปหมด บางคนเขาภูมิใจในการที่จะเข้าไปทำคอนเทนต์ในสถานเสริมความงาม รู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่อยากให้คนได้รับรู้ อยากให้คนได้รู้ว่าฉันได้ทำนะ ลองแล้วไปรีวิวซิว่าเป็นอย่างไร คือตอนนี้โลกมันมองกลับกันหมด เราก็เลยรู้สึกว่าเป็นอะไรที่เปิดมากขึ้น แล้วคนก็พร้อมที่จะอยากดูดี ดูสวยมากขึ้นค่ะ

 

แล้วสมัยนี้คือเทคโนโลยีมันไปไกลมาก เมื่อก่อนคนอาจจะกลัวว่ามันจะต้องเจ็บ ต้องยอมทน ยอมทรมาน เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีต่างๆ มันมีทั้งง่ายและเร็ว รวมทั้งเห็นผลชัด ไม่ต้องพักหน้าเยอะ Lunch Time Beauty ก็มีนะ เหมือนกับพอเบรกกลางวันเราก็แวบไปแป๊บหนึ่ง ทำสวยเสร็จกลับมาทำงานต่อได้แล้ว ใช้ชีวิตง่ายค่ะ

 

พญ.อรุณี กับความสุขจากการเติมพลังของตัวเอง

 

วันที่เราได้มาเป็นหมอเต็มตัว ตอนนั้นรู้สึกอย่างไร

 

หมอออย: จะบอกว่าไม่เคยคิดว่าจะเป็นหมอผิวหนังตั้งแต่แรก ต้องยอมรับก่อนว่าในประเทศไทยจริงๆ หมอผิวหนังเป็นตำแหน่งที่มันน้อยนะคะ คือทุกคนก็อยากจะมาเป็น

 

ครั้งแรกที่ก้าวเข้ามาทำงานในคลินิกเสริมความงาม ปกติเราก็ไม่เคยได้คุยกับคนไข้ในรายละเอียดถึงความทุกข์กับสิ่งที่เขาเห็นบนผิว คือเราก็เข้าใจทั่วไปแหละว่า โอเค มีสิว อยากรักษาสิว มีผื่น อยากรักษาผื่น แต่ในบางครั้งคนไข้ที่เข้ามาเขามีปัญหาลึกไปกว่าสิ่งที่เราเห็น อันนั้นเป็นอันหนึ่งที่รู้สึกว่าเคยใช้เวลาคุยกับคนไข้เคสแรกๆ เป็นชั่วโมง แค่คุยกับประเด็นของเขาที่แบบว่า เออ อันนี้มันไม่ใช่แค่สิวกับสิ่งที่มันเกิด มันเกิดจากความเครียด การไม่ได้นอน เพราะมีปัญหากับที่บ้าน ทะเลาะกันมา แล้วก็มีเรื่องค่าใช้จ่ายโน่นนี่นั่น

 

พญ.อรุณี กับความสุขจากการเติมพลังของตัวเอง

 

หนึ่งปัญหาที่เราเห็นมันเป็นที่มาของปัญหานานัปการ บางทีเวลาเราแงะๆ แคะๆ เข้าไป ไม่ต้องรักษาอะไรเลยก็ได้ แค่คุยกับเขา เขาหาย เชื่อไหมเขาสามารถกลับมาใช้รูทีนของเขาที่ดีขึ้นแล้วก็หายได้ คือหลายๆ ครั้งหมอเจอ น้องหลายๆ คนแรกๆ ที่เข้ามาทำก็ไม่มี Budget ในการทำหน้ามากมาย ทุกคนก็มาด้วยความที่เป็นเด็กนักเรียน บางทีมีปัญหาเล็กๆ น้อยๆ พอปรึกษา ถามไปถามมา สิ่งที่เกิดขึ้น อ๋อ มันเกิดจากการใช้รูทีนผิดๆ เช่น การใช้น้ำยาล้างหน้าที่ไม่เหมาะกับผิวเรา หรือว่าการไปทดลองครีมใหม่ แค่บอกให้เขาหยุดแล้วก็กลับมาดูแลเบสิกสกินแค่นั้นเลย

 

วันนั้นก็คือแทบไม่ได้ทำอะไร นั่งคุยก็ทำให้คนคนหนึ่งกลับมาใช้ชีวิตได้ดีขึ้น นั่นก็คือเป็นความสุขอย่างหนึ่งของการเป็นหมอเหมือนกันค่ะ

 

ดูเหมือนจริงๆ แล้วมันไม่ได้แปลว่าคุณจะต้องพึ่งเข็ม พึ่งหัตถการอะไร สุดท้ายมันคือการดูว่าปัญหาลึกๆ ในใจเขาคืออะไรด้วย

 

หมอออย: ใช่ จริงๆ แล้วคนเรามันมีที่มาของการที่จะเกิดปัญหาหลายอย่าง บางอย่างไม่ต้องไปใช้อุปกรณ์อะไรเลย มันแค่กลับไปจัดการที่ตัวเราเอง อาจต้องการใครสักคนที่คุยแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองดีขึ้น ซึ่งนั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่จะบอกว่าอาชีพนี้มันให้ได้ มันสามารถที่จะทำให้คนอื่นดีขึ้นได้

 

จะว่าไปก็เหมือนหมอด้าน Mental Health เหมือนกัน

 

หมอออย: แน่นอนค่ะ หมอเชื่อว่าหมอทุกแผนกที่ต้องสัมผัสกับคนจะต้องรู้ว่าอีกคนเขาคิดอย่างไร แล้วเราก็จะหาวิธีการคุย มันเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ เลยค่ะ

 

จากประสบการณ์ในหัตถการหลายรูปแบบ หมอออยชอบทำอะไรมากที่สุด

 

หมอออย: จริงๆ แล้วในอาชีพหมอมันได้ลองทุกแบบเลยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นการรักษาโรคผิวหนังทั่วไป ดูแลผิวเบื้องต้น จนถึงการแก้ไขโครงสร้างของผิวหน้า ซึ่งจะบอกว่าอันที่ยากที่สุดก็คืออันนี้ คือการปรับโครงหน้า นอกจากอายุที่เพิ่มขึ้น บางคนมีปัญหาบางอย่างที่เป็นมาตั้งแต่แรกเกิด การที่ปรับเขานิดๆ หน่อยๆ ทำให้เขาดูดี มั่นใจในแบบที่เป็นตัวเขาเอง อันนี้มันส่งเสริมให้เขาดีขึ้น แล้วก็ส่งเสริมให้เรามีความสุขกับฟีดแบ็กที่เขาบอกกลับมาด้วยค่ะ

 

พอเรามั่นใจ มันก็สะท้อนไปถึงความสวยข้างนอกด้วย

 

หมอออย: ใช่ ความมั่นใจมันส่งพลังออกมาเหมือนกัน เคยสังเกตไหม บางคนหน้าตาอาจจะไม่ได้สวยมาก แต่ว่าถ้าเขาได้พูดหรือสื่อสารอะไรออกมา เขาสวยขึ้น บุคลิกเขาหรือหลายๆ อย่างทำให้เขาสวยขึ้น กับบางคนที่เครียด ดูไม่อยากจะพูดอะไร แต่หน้าตาคือสวยมากเลยนะ แต่พอพูดปั๊บหมองเลย มันมีหลายแบบ

 

เพราะฉะนั้นการที่เราจะ Inside-Out, Outside-In มันเป็นสิ่งที่จำเป็นจริงๆ นอกจากภายนอกกับภายในตรงกัน มันยังทำให้เรารู้สึกว่าคนนี้เป็นคนจริงใจ เราอยากคุยด้วย

 

พญ.อรุณี กับความสุขจากการเติมพลังของตัวเอง

 

นิยามความงามในแบบฉบับของหมอออยคืออะไร

 

หมอออย: จะบอกว่าจริงๆ แล้วความงามสำหรับหมอมันไม่มีนิยามแหละ มันเป็นการมองโลกของแต่ละคนมากกว่า อย่างของหมออาจจะมองว่าแบบนี้คือสวย ของคนอีกคนหนึ่งก็อาจจะมองว่าอีกแบบหนึ่งคือสวย เพราะฉะนั้นความสวยมันคือความพึงพอใจของตัวเราเองหรือว่าของคนอื่นที่มองเรา

 

ถ้าบางคนไม่ได้แคร์ตัวเอง แคร์ภาพที่คนอื่นมองเรา เราก็จะไปแคร์ว่าความสวยแบบที่เขามองนี่แหละคือความสวยแบบที่ฉันอยากได้ เพราะฉะนั้นความสวยมันก็เลยไม่มีขีดจำกัดหรือว่า Definition ขึ้นอยู่กับความพอใจของตัวเราเอง

 

พญ.อรุณี กับความสุขจากการเติมพลังของตัวเอง

 

Beauty Privilege มีจริงไหม

 

หมอออย: เวลาเราหน้าตาดีเขาบอกว่าโลกจะใจดีกับเรา เวลาเราหน้าตาดีเรามีโอกาสหรือมีสิทธิ์ที่จะได้รับเข้าทำงานมากกว่าอีกคน ในคนที่มีความสามารถเหมือนกัน จริงไหมคะ เราสามารถจะทำให้อีกคนเซย์เยสกับเราได้ง่ายมากขึ้น อันนี้ต้องบอกเลยว่าเป็นเรื่องจริงนะ

 

คิดว่าแฟร์ไหมที่โลกใบนี้ให้ Privilege กับคนสวย

 

หมอออย: จะว่าไปมันก็เหมือนไม่แฟร์ แต่อย่าลืมว่าเราสามารถสร้างได้ มันก็แฟร์ได้เหมือนกัน

 

เคยมีเคสไหนที่หมอออยรู้สึกประทับใจหรือจำได้ไม่ลืมบ้างไหม 

 

หมอออย: ส่วนใหญ่มันจะเป็นเคสที่พอเราทำแล้วมันอิมแพ็กต์กับชีวิตเขาเยอะๆ หลายๆ ครั้งก็จะเคยเจอเคสที่แบบว่ามีความพิการบางอย่างแต่กำเนิดที่มันแสดงออกมาให้เห็นบนใบหน้า ทำให้กระดูกหน้าไม่เท่ากัน มีความหน้าเบี้ยวมาก หรือว่าอาจจะมีโรคบางอย่าง อย่างเช่น โรคปากแหว่งเพดานโหว่ ที่อาจซ่อมแล้วแต่มีแผลเป็น ทำให้เวลาพูดหรือยิ้มมันมีปากที่ไม่เท่ากัน

 

เวลาที่เราได้ทำหรือว่าช่วยเขาให้หน้ามีความ Symmetry มากขึ้น ความ Symmetry มันเป็นส่วนหนึ่งของความสวยแหละ เราแค่ปรับให้มันมาได้ในเรื่องของสัดส่วน ได้โครงหน้าที่เป็นแบบธรรมชาติ แล้วก็ทำให้หน้ามีความ Positive ในแง่ของโทน แล้วก็ทุกๆ อย่าง มันทำให้เราดูเด็กแล้วก็ดูดีขึ้นนะคะ ดูสวยขึ้นแบบนั้นเลย

 

พญ.อรุณี กับความสุขจากการเติมพลังของตัวเอง

 

ตอนที่ทำเสร็จ พอเขาเห็นตัวเอง เชื่อไหมว่าเขายกกระจกขึ้นมาแล้วเขาน้ำตาไหล เราอยากร้องไห้ตามเลย คือเขารู้สึกจริงๆ เขารู้สึกขอบคุณแบบไม่ต้องพูดเลยค่ะ พอเขากลับไปใช้ชีวิต เขาบอกเลยว่ามันทำให้เขาสามารถที่จะกล้าไปคุย ได้โอกาสในเรื่องของงานมากขึ้น แล้วก็รู้สึกว่าเปลี่ยนบุคลิกของตัวเองไปได้เพราะแค่หมอทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ แค่นั้นเอง เราบอกว่าจริงเหรอ  มันดีจังเลยเนอะ

 

หลังจากนั้นมันเลยทำให้เรารู้สึกว่าเราสามารถต่อยอดความคิดนี้ไปได้เรื่อยๆ เรายิ่งทำ ยิ่งให้ เราส่งทั้งพลัง ส่งทั้งความรู้สึกในการทำทุกๆ เคส รู้สึกว่าคนไข้มีความเข้าใจ แล้วเขาก็รู้สึกเห็นด้วย

 

ทุกครั้งเราก็เลยดูแลคนไข้เหมือนเป็น Journey เราดูแลกันไปเรื่อยๆ เขาเข้ามาบางที นอกจากเรื่องของการดูแลผลลัพธ์บนใบหน้าแล้ว เขาก็ได้มีเพื่อนเพิ่มอีกหนึ่งคน เพื่อนที่จริงใจ เพื่อนที่พร้อมจะดูแลในเรื่องอื่นที่นอกเหนือจากแค่การทำหน้า

 

พญ.อรุณี กับความสุขจากการเติมพลังของตัวเอง

 

การที่หมอออยได้รักษาคนไข้ มันเหมือนได้ให้และเติมกำลังใจให้คุณหมอด้วย

 

หมอออย: นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุดค่ะ ยิ่งเราอยู่ในจุดที่เราทำแล้วคนไข้บอกต่อนี่บอกเลยว่าเป็นอะไรที่มีความสุขมากๆ เพราะรู้สึกได้เลยว่ามันต้องทัชเขาระดับหนึ่ง เพราะเราไม่เคยบอกเขาว่าต้องบอกต่อหน่อยนะ เอามาถ่ายรีวิวหน่อยนะ ส่วนใหญ่จะไม่ใช่สไตล์นั้น เพราะว่าเราจะเป็นคนค่อนข้างให้ความมั่นใจกับคนไข้สูงมากเหมือนกัน

 

คนที่ถูกแนะนำมาส่วนหนึ่งเป็นคนไข้ที่ใหม่มาก แล้วบางทีใหม่ต่อวงการความงามด้วย จะจิ้มอย่างหนึ่ง จะเครื่องอย่างหนึ่ง กลัวไปหมด ไม่กล้าไปหมด ยากที่สุดก็คือการเปิดใจคนไข้ค่ะ เปิดใจเสร็จแล้ว พอเขาเชื่อใจ เริ่มมั่นใจกับเรา แค่ Session แรกๆ ทำเสร็จเห็นผล หลังจากนั้นก็คือเป็นเพื่อนกันไปเลย หมออยากทำอะไรทำ

 

ส่วนใหญ่เวลาหมอทำงานหนึ่งงานก็จะมองก่อนว่าอะไรคือปัญหาของเขาที่เขากังวลมากที่สุด แล้วเราค่อยมองหาว่าระหว่างทางเราใช้อุปกรณ์หรือใช้อะไรที่จะแก้ไขให้เขาได้บ้าง เพราะฉะนั้นเราก็จะเลือกในสิ่งที่เรียกว่าเหมาะสมที่สุด Budget ต้องได้ด้วย อย่าหนักเกินไป เลือกแค่อย่างถึงสองอย่าง พอเขาเริ่มได้ผลลัพธ์ที่ดีแล้วเริ่มเปิดใจ อันนั้นแหละมันจะทำให้เขาเริ่มก้าวไปสู่จุดถัดไปเรื่อยๆ

 

เพราะฉะนั้นหมอว่าการแชร์หรือการพูดกับเขาตรงๆ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดว่าปัญหาเขามีอะไรบ้าง แล้วเริ่มแก้จาก First Priority ที่คนไข้กังวลที่สุด เขาก็จะเริ่มเห็นตัวเองแล้วว่าเราดีขึ้นได้

 

พญ.อรุณี กับความสุขจากการเติมพลังของตัวเอง

 

จากที่หมอออยเองก็เป็นทั้งคุณแม่ คอนเทนต์ก็ต้องทำ เคสคนไข้ก็ต้องดูแล เคยมีโมเมนต์ที่อยากพักหรือวางมือบ้างไหม

 

หมอออย: จริงๆ แล้วมันจะเป็นอารมณ์ที่แวบขึ้นมาตลอดทุกครั้งที่เหนื่อย แต่ความยากก็คือ เมื่อไรก็ตามที่เราต้องเข้าไปนั่งต่อหน้าคนไข้หนึ่งคนที่เข้ามาแล้วเขาคาดหวังสิ่งที่เขาจะได้จากเรา ความเหนื่อยอันนั้นเราต้องยกหายไปเลย แต่มันก็จะถูก Overwhelm มากขึ้นจากสิ่งที่คนไข้เขาตอบกลับเวลาที่เขาได้ผลลัพธ์ที่ดี

 

ปัจจุบันการทำเรื่องของความสวย นอกจากทำให้เขาดูสวยแล้ว เรายังรู้สึกว่ามันเป็นการเติมพลังตัวเอง เติมใจ เติมเชื้อเพลิง คือเติมกันไปเติมกันมา เหมือนเพื่อนกัน เป็น Journey ของการดูแลคนไข้ที่ดี เป็น Journey ของการเจอเพื่อนใหม่ เป็น Journey ของการมีคอนเน็กชันใหม่ๆ บางทีเราก็ได้เจอคนไข้ที่มีลูก ก็มาคุยแลกเปลี่ยนกัน นี่คือสิ่งที่เราได้นอกเหนือจากการทำงานค่ะ

 

พญ.อรุณี กับความสุขจากการเติมพลังของตัวเอง

 

ดูเป็น Journey ที่น่าจะให้อะไรหมอเยอะเลยทีเดียว ถ้าถามตัวเอง ณ ปัจจุบันนี้ คิดว่าสิ่งที่หมอออยได้เรียนรู้จากการเป็นหมอด้านความงามคืออะไร

 

หมอออย: จริงๆ แล้วเรื่องของการดูแลคนไข้มันก็เป็นหน้าที่เนอะ มันเป็นการงานใช่ไหมคะ แต่เราไม่เคยมองงานว่าเป็นงาน

 

พอเรามองงานเป็นสิ่งที่เราทำแล้วมีความสุข เราจะเห็นคนไข้ที่จริงๆ แล้วอาจจะเป็นแค่คนที่มารู้จักกันแค่หนึ่งวันแล้วผ่านไป กลายเป็นคนที่จะต้องมีปฏิสัมพันธ์กันไปในระยะยาว เราเห็นพัฒนาการชีวิตเขา เขาเห็นการเติบโตของเรา เห็นตั้งแต่ลูกเรายังไม่เกิด จนตอนนี้ 2 คนแล้ว คนไข้นี่คือยิ่งกว่าเพื่อนนะคะ เราดูแลกันไปทั้งในแง่ของการดูแลผิว แล้วก็ดูแลความรู้สึกของกันและกัน

 

เพราะฉะนั้นการทำงานในทุกวันมันเป็นการเติมความสุข เรียกว่าการทำหน้าเป็นแค่เสี้ยวเล็กๆ ดีกว่า ชีวิตจริงคือการมาหาความสุขในที่ทำงาน

 

พญ.อรุณี กับความสุขจากการเติมพลังของตัวเอง

 

หมอออยคิดว่าอะไรคือสิ่งที่สะท้อนความมั่นใจของตัวเอง

 

หมอออย: จริงๆ แล้วมันก็ต้องเกิดมาจากทั้งภายในและภายนอก ต้องบอกก่อนว่าการเป็นหมอหน้าเนี่ย คนไข้เขามองหน้าเราก่อนเป็นสิ่งแรก เขาก็ต้องดูก่อนว่าที่หมอแนะนำไปหมอได้ทำไหม หมอทำได้ไหม แล้วมันเห็นผลลัพธ์จริงบนหน้าหมอด้วยหรือเปล่า

 

หลายครั้งคนไข้เคยแชร์กับเราว่า บางทีถ้าเกิดเป็นหมอที่เขาไม่โอเค ไม่ใช่ไทป์ของเขา เขาก็โอเค ไม่ไปต่อ แต่ถ้าครั้งที่เขาเจอหมอแล้วขอสักครึ่งหนึ่งของหมอแล้วกัน อันนี้แหละมันเลยสะท้อนว่าสิ่งที่เราทำอยู่มันต้องเกิดกับตัวเราด้วย แล้วมันก็ส่งต่อไปถึงคนไข้เราเหมือนกัน มันต้องเป็นความมั่นใจที่เกิดจากภายในส่งต่อไปถึงเขา

 

พญ.อรุณี กับความสุขจากการเติมพลังของตัวเอง

 

ซึ่งหมอก็เชื่อว่าทุกคนก็ดูดีในแบบของตัวเองได้แน่นอน 

 

หมอออย: ทุกคนมีความสวยในแบบของตัวเอง ทุกคนมีค่ะ รับรองว่ามี เชื่อสิ แล้วลองมาทำให้สิ่งที่มีอยู่แล้วมันสวยงามมากยิ่งขึ้น ปรับนิดๆ หน่อยๆ หรือว่าอย่างน้อยสิ่งที่ไม่มี สิ่งที่มันไม่ดี สิ่งที่เราต้องแก้ สิ่งที่เป็นจุดด้อย แค่แก้ให้มันดีขึ้น ให้มันดู Harmonize ให้มันดูสมูทไปทั้งหมด มันจะทำให้ภายนอกของเราดูมั่นใจมากยิ่งขึ้น แล้วมันก็จะส่งต่อเข้าไปถึงภายในให้เรามีความมั่นใจในตัวเอง

 

‘For the Better You’ ในแบบฉบับของหมอออยคืออะไร

 

หมอออย: For the Better You คือการเป็นคุณในรูปแบบที่ดีกว่าเดิม หมอว่ามันไม่ใช่แค่จากภายในที่เรามั่นใจขึ้นอย่างเดียว ภายนอกที่ส่งเสริมก็ทำให้เรามั่นใจขึ้นไปอีก มันก็เลยเป็นเสี้ยวที่สำคัญ เหมือนที่บอกว่า Beauty Privilege เราอยากให้โลกใจดีกับเรา แค่ปรับตัวให้สวยมากยิ่งขึ้นไปอีกนิดหนึ่ง ก็ทำให้เรามั่นใจจากภายในสู่ภายนอกได้เลย

 

พญ.อรุณี กับความสุขจากการเติมพลังของตัวเอง

 

อยากให้โลกใจดีกับเรา เราต้องใจดีกับตัวเองด้วย

 

หมอออย: ใช่เลยค่ะ การใจดีกับตัวเองคือการเริ่มต้นหันกลับมารักตัวเองก่อน หันกลับมาเห็นว่าตัวเราก็มีมุม มีความสวย ที่เราอยากจะเสริมให้มันเด่นขึ้นหรือว่าโดดเด่นมากยิ่งขึ้น แล้วเราก็ให้เวลาในการปรับแก้ไข อย่าเพิ่งยอมแพ้นะคะว่าเราไม่สวย เราสวยสิคะ เพราะว่าเราก็มีจุดดีของตัวเราเองเหมือนกัน ขอแค่เสริมให้ถูกต้องแค่นั้นเองค่ะ

 

เราต้องเลิกคิดว่าฉันไม่สวยและไม่มีวันดีขึ้น

 

หมอออย: ถูกต้องค่ะ เราต้องรักตัวเองให้มาก เรียกว่าให้โอกาส ให้กำลังใจตัวเองก่อน หลังจากนั้นเราก็ลองได้ทำมัน พอทำมันเสร็จ ผลลัพธ์มันเกิดปุ๊บ เราก็จะได้ไม่เสียดายว่าไม่ได้ทำ

 

พญ.อรุณี กับความสุขจากการเติมพลังของตัวเอง

 

Romrawin Clinic

Open: ตรวจเวลาทำการได้ทางเว็บไซต์ Romrawin Clinic

Address: ตรวจสอบสาขาได้ทางเว็บไซต์ Romrawin Clinic

Tel: 08 0153 9000, 08 0154 9000

Website: https://www.romrawin.com

Instagram: https://www.instagram.com/romrawinclinic 

Facebook: https://www.facebook.com/RomrawinClinic

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising