‘ดวงตา’ ไม่ได้เป็นเพียงอวัยวะที่ใช้ในการมองเห็น แต่ยังเป็นแม่เหล็กดึงดูดที่ทรงพลัง เมื่อมีรูปทรงที่สวยงามและสมดุลกับใบหน้า ก็ยิ่งช่วยเสริมเสน่ห์และบุคลิกภาพให้ดูดีขึ้นเป็นกอง
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมการทำศัลยกรรมตาสองชั้นจึงได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน
แน่นอนว่าใครที่กำลังตัดสินใจทำศัลยกรรมตาสองชั้นคงมีความรู้สึกกังวลแบบตุ้มๆ ต่อมๆ อยู่ไม่น้อย ต้องใช้เวลาเป็นเดือนกับการเสิร์ชหารีวิวและศึกษาข้อมูล พอเห็นเคสที่พัง ดูไม่เป็นธรรมชาติ หรือมีภาวะแทรกซ้อน ก็ยิ่งกังวลใจ ได้แต่ภาวนาว่าตัวเองจะไม่เจอแจ็กพอตแบบนั้น
คำถามคือ เคสที่พังเหล่านั้นเกิดจากฝีมือแพทย์อย่างเดียวหรือไม่…
วันนี้เราจะพามาไขทุกข้อสงสัยกับทีมผู้เชี่ยวชาญจาก Bright Vision Clinic คลินิกเวชกรรมจักษุเฉพาะทาง ก่อตั้งโดยหมอบิ๊ก-นพ. ยงยศ ทั่วจบ (ว.44014) จักษุแพทย์เฉพาะทาง อนุสาขาศัลยกรรมจักษุตกแต่งและเสริมสร้าง (Ophthalmologist and Oculoplastic Surgeon) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญที่มีเพียงร้อยกว่าคนในประเทศไทย และยังดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารชมรมศัลยกรรมจักษุตกแต่งแห่งประเทศไทยในปัจจุบัน
ด้วยความเชี่ยวชาญด้านโครงสร้างดวงตาของคนเอเชียโดยเฉพาะ ทำให้หมอบิ๊กไม่เพียงแต่จะสร้างสรรค์ชั้นตาใหม่ให้สวยงามเท่านั้น แต่ยังได้รับความไว้วางใจให้ดูแลเคสแก้ไขที่ซับซ้อนจากที่อื่นอีกด้วย
ความสำเร็จของการทำตาสองชั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยใดปัจจัยหนึ่ง
จริงอยู่ว่าสิ่งแรกที่เราคาดหวังคือ ‘ฝีมือแพทย์’ แต่ในความเป็นจริงแล้ว นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของภาพทั้งหมด เพราะผลลัพธ์จะออกมาสมบูรณ์แบบได้นั้นต้องอาศัยปัจจัยส่วนบุคคลของคนไข้ และที่สำคัญที่สุดคือ การวางแผนก่อนผ่าตัด ซึ่งเป็นจุดที่คนส่วนใหญ่มักมองข้ามไป
“ส่วนใหญ่พอคนไข้ดูรีวิวมาแล้วก็อยากจะพุ่งตัวเข้าไปปรึกษาเพื่อผ่าตัดเลย ซึ่งคลินิกทั่วไปก็มักจะโฟกัสที่การผ่าตัดเป็นหลัก โดยที่ไม่ได้เช็กลึกลงไปว่าจริงๆ แล้วสุขภาพตาของคนไข้เป็นอย่างไร” หมอบิ๊กกล่าว
การเร่งรัดข้ามขั้นตอนสำคัญนี้เองที่นำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนมากมายที่คนไข้ไม่ได้เตรียมใจรับมือ
“หลังผ่าตัด สิ่งที่คุณควรจะรู้คือค่าสายตามันจะเปลี่ยน ตาจะแห้งขึ้น ถ้าเป็นคนที่มีตาแห้งอยู่แล้วก็จะแห้งขึ้นอีก 50% คุณจะรู้สึกแสบตาเคืองตา สู้แสงไม่ได้ประมาณ 2-3 เดือน มีปิดตาไม่สนิทในช่วงแรก ต้องใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือน ตาจึงจะปิดสนิท”
นั่นหมายความว่า คนไข้จะไม่สามารถทำหัตถการใดๆ หลังผ่าตัดได้ในระยะหนึ่ง ซึ่งนำมาสู่บทสรุปว่า สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าการลงมีด คือการตรวจสุขภาพตาอย่างละเอียดเพื่อจัดการปัญหาที่ซ่อนอยู่ และทำให้การพักฟื้นหลังผ่าตัดเป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด
การสร้างรากฐานที่สมบูรณ์แบบคือหัวใจของ Bright Vision Clinic
สิ่งที่ทำให้ Bright Vision Clinic แตกต่างคือ การสร้างรากฐานที่ถูกต้องและครบถ้วน ทั้งการตรวจประเมินดวงตาอย่างละเอียด และการออกแบบเฉพาะบุคคล
1. ตรวจประเมินดวงตาอย่างละเอียด
จากการที่ได้มาพิสูจน์ด้วยตัวเอง กล้าพูดได้เต็มปากว่าที่ Bright Vision Clinic มีขั้นตอนการตรวจที่ละเอียดและลึกซึ้งมาก เหนือกว่าแค่การวัดค่าสายตา คือการตรวจสุขภาพและโครงสร้างของดวงตาทั้งระบบ
“ที่นี่ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีถึงหนึ่งชั่วโมงเป็นอย่างน้อย แล้วถ้าเกิดคนที่ตรวจลึกขึ้นก็ใช้เวลาประมาณ 1.30-2 ชั่วโมง” หมอบิ๊กเสริม
ขั้นตอนตรวจสุขภาพตาพื้นฐานของที่ Bright Vision Clinic มีด้วยกัน 8 ขั้นตอน ‘Eye Care Light’ และเป็นการตรวจโดยนักทัศนมาตร ผู้ชำนาญการด้านการตรวจวัดสายตาร่วมกับจักษุแพทย์เฉพาะทาง เพื่อประเมินสุขภาพดวงตาก่อนผ่าตัดได้อย่างละเอียด
เริ่มจากการวัดระยะการมองเห็น (Visual Acuity) ซึ่งเป็นการทดสอบพื้นฐานเพื่อวัดความคมชัดของการมองเห็น โดยให้เราอ่านตัวเลขบนชาร์ตจากระยะที่กำหนด
ตามด้วยการวัดสายตาและความโค้งกระจกตา ตรวจถ่ายภาพต่อมน้ำตาไมโบเมียน (Meibography) เพื่อหาต้นตอของภาวะตาแห้ง ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญหลังการผ่าตัด และวัดความหนากระจกตา (Pachymetry) ด้วยเครื่องระบบอัตโนมัติ Auto Ref-Keratometer
ต่อด้วยการวัดความดันลูกตา (Tonometry) เพื่อคัดกรองความเสี่ยงโรคต้อหินที่อาจซ่อนอยู่
มาถึงขั้นตอนการตรวจตาบอดสี (Color Vision Test) ที่เราคุ้นเคยกันดี ขั้นตอนนี้จะช่วยประเมินความสามารถของดวงตาในการแยกแยะเฉดสีต่างๆ โดยเฉพาะสีแดงและสีเขียว
จากนั้นวัดสายตาอย่างละเอียดด้วยเครื่อง Auto Phoropter ร่วมกับอุปกรณ์หน้าตาเท่ๆ อย่าง Retinoscopy เพื่อตรวจวัดสายตาด้วยวิธี Objective Test
ปิดท้ายด้วยการตรวจตาด้วยกล้องจุลทรรศน์ชนิดพิเศษ (Slit Lamp) ซึ่งเปรียบเสมือนด่านสุดท้ายของการคัดกรองความเสี่ยง จักษุแพทย์เฉพาะทางจะประเมินภาพรวมทั้งหมดเพื่อมองหาความผิดปกติเล็กๆ น้อยๆ หรือโรคตาที่ซ่อนอยู่ ทำให้มั่นใจได้ถึงความปลอดภัยสูงสุด
2. การออกแบบชั้นตาเฉพาะบุคคล (Personalization)
หลังจากที่ข้อมูลโครงสร้างดวงตาทั้งหมดถูกรวบรวม และปัญหาที่ซ่อนอยู่ได้รับการดูแลรักษาจนหายดีแล้วจึงเข้าสู่ขั้นตอนการออกแบบชั้นตาเฉพาะบุคคล โดยจักษุแพทย์เฉพาะทางจะนำองค์ประกอบทั้งหมดมาพิจารณาร่วมกัน
ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแรงของกล้ามเนื้อตา รูปทรงของเบ้าตา ไปจนถึงความต้องการและไลฟ์สไตล์ของคนไข้ เพื่อสร้างสรรค์ชั้นตาที่มีขนาดและความโค้งเหมาะสมกับโครงสร้างใบหน้าของคนไข้มากที่สุด
ผลลัพธ์ที่ได้จึงไม่ใช่ชั้นตาตามกระแสนิยม แต่เป็นดวงตาที่สวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ และส่งเสริมเอกลักษณ์เฉพาะตัวของคนไข้ให้โดดเด่นขึ้น
นอกเหนือจากรากฐานทางการแพทย์ที่แข็งแกร่งแล้ว Bright Vision Clinic ยังเชื่อว่า ‘ความสบายใจ’ ของคนไข้คือกุญแจสำคัญของความสำเร็จ
ทางคลินิกจึงมุ่งเน้นการสื่อสารที่โปร่งใสในทุกมิติ ตั้งแต่การพูดคุยและจำลองผลลัพธ์ที่คาดหวังได้ตามความเป็นจริง เพื่อให้คนไข้เห็นภาพตรงกัน ไปจนถึงการประเมินค่าใช้จ่ายแบบเบ็ดเสร็จ (Net Price) ที่ชัดเจนตั้งแต่วันแรก ทำให้คนไข้สามารถวางแผนได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายแอบแฝง
เมื่อเห็นผลลัพธ์ที่จะได้ก่อนทำ มีการเตรียมตัวอย่างดีรอบด้าน จิตใจที่สงบก็จะนำมาซึ่งการฟื้นตัวที่รวดเร็ว และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการเป็นคุณในเวอร์ชันที่ดีและมั่นใจที่สุด
Bright Vision Clinic
Address: 16 ซอยวิภาวดี 42 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ
Tel: 02 561 3655
Budget:
- แพ็กเกจตรวจสุขภาพตา 8 รายการ ราคาพิเศษ 1,950 บาท ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2025 (เหมาะสำหรับคนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป)
- อัตราค่าบริการศัลยกรรมตาสองชั้น เริ่มต้นที่ 50,000 บาท ต่อเคส
Website: https://brightvisionclinic.com/
Facebook: https://www.facebook.com/brightvision.th/
Instagram: https://www.instagram.com/brightvision.th/