หากนั่งรถผ่านซอยสาทร 12 โดยที่ไม่ได้สังเกตก็คงไม่รู้ว่ามีบ้านหลังเก่าแก่อยู่ในย่านนี้ มองไปยังตัวบ้านชั้นแรกแบบผิวเผินก็คงคิดว่าเป็นบ้านส่วนตัวของผู้ดีตระกูลหนึ่ง พอเหลือบไปเห็นป้าย ‘Botti Wine Bar’ ก็ถึงกับเซอร์ไพรส์ว่าชั้นสองของที่นี่มีไวน์บาร์อยู่ด้วย!
บ้านเก่าอายุกว่า 140 ปีนี้ เดิมทีเป็นของนายพลทหารอังกฤษ ซึ่งถือว่าเป็นหลังสุดท้ายในย่านนี้แล้วก็ว่าได้ โจ้-สรวิช สนธิจิรวงศ์ หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Botti Wine Bar เล่าให้เราฟังถึงจุดเริ่มต้นของบาร์สุดลับแห่งนี้ ด้วยความที่ธุรกิจของตระกูลคือเครื่องครัวเลยทำให้เขามีโอกาสได้ไปชมงานแฟร์ต่างประเทศบ่อยๆ และการได้เห็นเครื่องครัวแบรนด์ใหม่รวมถึงนวัตกรรมต่างๆ ได้จุดประกายให้โจ้เกิดความคิดที่ว่า ‘เราลองทำโชว์รูมที่รวมเครื่องครัวไฮเอนด์ดีไหม?’ ชั้นล่างของบ้านเก่าหลังนี้จึงถูกเนรมิตเป็น Cucina Galleria โชว์รูมที่มัดรวม 4 แบรนด์เครื่องครัวระดับไฮเอนด์ไว้ด้วยกัน โดยมีการตกแต่งภายในราวแกลเลอรีสมชื่อ แต่ด้วยความที่ไม่อยากให้โชว์รูมดูนิ่งจนเกินไป เลยเหลือพื้นที่ชั้นบนและด้านข้างไว้สำหรับธุรกิจอื่น
ด้านข้างถูกเนรมิตพื้นที่เป็นร้านกาแฟ Brave Roasters ที่คอกาแฟคงคุ้นกันดี ส่วนพื้นที่ชั้นบนที่กลายมาเป็น Botti Wine Bar ในวันนี้ เกิดจากแพสชันที่มีต่อการดื่มของ แจน-ญาณิศา สนธิจิรวงศ์ พี่สาวของโจ้ ผู้ซึ่งปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ที่ Le Cordon Bleu (เลอ กอร์ดอง เบลอ) แน่นอนว่าเธอสวมหมวกเชฟ อีกทั้งเป็นผู้อยู่เบื้องหลังลวดลายโลโก้และอาร์ตเวิร์กต่างๆ ของทางร้านอีกด้วย
โจ้เสริมว่าก่อนที่จะได้บ้านหลังนี้มา เขามีโอกาสได้ไปดูพื้นที่สำหรับโชว์รูมในย่านทองหล่อ-เอกมัยที่มีความหรูหรา ตรงโจทย์ระดับของแบรนด์อุปกรณ์เครื่องครัวที่เขาเฟ้นหามาทุกประการ แต่ก็ยังไม่ถูกใจ แต่ดันมาถูกชะตากับบ้านไทยหลังนี้ ซึ่งภาพลักษณ์ก็ดูขัดกับอุปกรณ์เครื่องครัวที่มีความโมเดิร์นอยู่พอควร แต่พอได้ทำการบ้านกับสถาปนิกอย่างหนักหน่วงแล้วก็พบว่าไวบ์มันไปด้วยกันได้จริงๆ
The Vibe
เพียงก้าวเข้ามาในตัวบาร์ก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศแสนคลาสสิกด้วยพื้นที่โดยรอบที่เป็นไม้ ห้องที่มืดสลัว มีเพียงความสว่างจากโคมไฟบนโต๊ะอาหารและมุมห้อง มอบความรู้สึกเป็นส่วนตัวด้วยจำนวนโต๊ะที่จำกัด รับลูกค้าได้เพียง 20 ที่นั่งต่อวันเท่านั้น
หากคุณต้องการที่จะจัดไพรเวตปาร์ตี้ที่นี่ก็ต้อนรับเช่นกัน และยังสามารถสั่งอาหารจากเมนูพิเศษที่รังสรรค์โดยเชฟแจนได้อีกด้วย
อีกสิ่งที่ต้องตาเราคือทางร้านฉายการ์ตูนขาวดำในยุคก่อนที่หาดูได้ยากอยู่ตลอด เพิ่มความเพลิดเพลินระหว่างการจิบเครื่องดื่มของที่นี่เป็นอย่างดี
The Taste
ที่นี่จะโดดเด่นเรื่องเนเชอรัลไวน์และวินเทจไวน์หายาก ทั้งไวน์แดง ไวน์ขาว สปาร์กลิง ซึ่งจะเวียนเปลี่ยนแบรนด์ไปตามฤดูกาล แต่ตัวที่จะอยู่ยงติดเชลฟ์เสมอคือวินเทจไวน์ของฝรั่งเศสที่ทางร้านเรียกติดปากว่า ‘ไวน์น้องหมี’
ในส่วนอาหารของที่นี่จะมีความเรียบง่าย แชร์กันกินกับเพื่อนๆ ได้สบาย ทั้งอาหารกินเล่นอย่าง Edamame (70 บาท) ถั่วแระญี่ปุ่นที่กินเพลินได้ทั้งคืน, Truffle Cheese & Cold Cut (599 บาท) ที่นำมาแพริ่งกับไวน์ได้ทุกตัว จุดเด่นของถาดนี้คือทรัฟเฟิลชีสยืดรสเข้มข้นที่นำมาปาดลงแครกเกอร์ จิ้มกับน้ำผึ้งสักหน่อยคืออร่อยเพลิน มันปาก
Mixed Sausage (290 บาท) ไส้กรอกหมูรวมที่มีทั้งรสชีส รสกระเทียม Bratwurst และรสพริกของที่นี่มีความกรอบเด้งสู้ส้อมสู้มีดเวลาหั่นจริงๆ (ถาดรองมีปลิว) ตัวไส้กรอกมีรสเข้มข้นจัดจ้าน ถ้ากินคู่กับไวน์ขาวแบบดรายหรือไวน์แดงแบบ Light-Medium Bodied คือเหมาะเลย
ส่วนอาหารจานหลักของที่นี่มี Spaghetti Bolognese (250 บาท) สปาเกตตี้ซอสเนื้อรสกลมกล่อม เข้ากันดีกับไวน์น้องหมีที่เราลองในวันนี้
ส่วน Curry Rice & Bratwurst (250 บาท) ข้าวแกงกะหรี่ไก่สไตล์ญี่ปุ่นที่มีความโฮมมี่แบบรสมือคุณแม่ เหมาะจะนำมาแพริ่งกับสปาร์กลิงไวน์หรือไวน์ขาวแบบดราย
Good for…
ใครอยากหาที่จิบไวน์ โดยเฉพาะเนเชอรัลไวน์ในบรรยากาศแปลกใหม่ กลิ่นอายบ้านไทยๆ ที่มีความเป็นส่วนตัวสูง ไม่พลุกพล่าน และยิ่งถ้าคุณชอบอุปกรณ์เครื่องครัวสุดหรูแล้วด้วยยิ่งต้องมาเช็กอินที่นี่ เพราะนอกจากคุณจะได้ลิ้มรสไวน์ที่หลากหลายพลางซึมซับกลิ่นอายบ้านเก่าหาดูได้ยากแล้ว คุณยังสามารถแวะไปดูเครื่องครัวดีไซน์ล้ำเพลินๆ ได้ ซึ่งทางร้านแอบกระซิบว่าในอนาคตอาจจะทำเป็น Botti’s Corner ในโชว์รูม เพื่อรองรับลูกค้าที่ชื่นชอบประสบการณ์กินไปดูเชฟทำอาหารไปแบบใกล้ๆ อีกด้วย
Open: Botti Wine Bar เวลา 18.00-00.00 น. ปิดทุกวันอังคาร, Cucina Galleria เวลา 10.00-19.00 น.
Address: ซอยสาทร 12
Instagram: https://www.instagram.com/botti.bkk/
Budget: อาหารเริ่มต้นที่ 70 บาท, ไวน์เริ่มต้นที่ 1,390 บาท
ภาพ: ปวรุตม์ งามเอกอุดมพงศ์