เชื่อว่าใครที่ได้แวะเวียนไปเดินเล่นย่านเมืองเก่าโซนป้อมปราบศัตรูพ่ายในช่วงนี้อาจจะเคยสะดุดตากับร้านตกแต่งด้วยกำแพงปูนสีครีมสะอาดประดับป้ายชื่อร้าน ‘BIMBO’ สีทองเด่น และประตูไม้กลอนทองริมถนน จนต้องมองลอดผ่านหน้าต่างว่ามันคือร้านอะไรกันแน่
และเชื่อว่าใครที่ได้เห็นสิ่งที่อยู่เบื้องหลังหน้าต่างบานนั้นล้วนเป็นต้องประหลาดใจกับดีไซน์การตกแต่งด้านในสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนที่ช่างคอนทราสต์กับบรรยากาศด้านนอก และนั่นก็เป็นความตั้งใจของ อู้-นพปฎล พหลโยธิน ผู้ก่อตั้งและมันสมองผู้อยู่เบื้องหลังร้านดังกล่าว ใช่แล้ว นี่คือการเดินทางบทใหม่ของอู้ในแวดวงร้านอาหารอีกครั้งหลังจากประสบความสำเร็จไปเรียบร้อยจากร้าน CONTENTO ที่อยู่ในย่านเดียวกัน
The Vibe
BIMBO เป็นเหมือนกระจกที่สะท้อนแพสชันของอู้ที่มีต่อเมดิเตอร์เรเนียนอย่างชัดเจน
“BIMBO คือ Life’s favourite moment ทุกปีที่ไปเมดิเตอร์เรเนียนมันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของชีวิตของผม” อู้เล่าให้เราฟังพร้อมแววตาที่เป็นประกาย การได้เดินทางไปเที่ยวเมดิเตอร์เรเนียนในแต่ละครั้งทำให้อู้ตกหลุมรักในเสน่ห์ของเมืองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ว่าจะเป็นความหลากหลายของอาหาร กลิ่นอายของเกาะ ทะเล ที่ให้ความสบายกายสบายใจ
BIMBO เลยถูกถ่ายทอดออกมาด้วยภาพของเมดิเตอร์เรเนียนตามความทรงจำในแบบของอู้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ทรายผสมกับปูนแล้วโบกไปแบบนั้น เราจึงเห็นได้ถึงโทนสีที่ไม่ได้ตรงเป๊ะ ซึ่งนั่นคือความเป็นธรรมชาติที่อู้อยากคงไว้
โคมต่างๆ ที่เห็นในร้านล้วนสั่งผลิตใหม่จากบาหลี ส่วนภาพบนผนังล้วนเป็นภาพที่อู้หิ้วมาจากอิตาลีด้วยตัวเอง “ผมเป็นคนชอบอาร์ต พวกนี้มาจากเมืองหมู่บ้านเล็กๆ อยู่ข้างนอกของเวนิสไปสักประมาณชั่วโมงหนึ่ง”
ในส่วนของชื่อร้านนั้น อู้เล่าถึงความหมายและแรงบันดาลใจแบบตรงๆ ไม่อ้อมค้อม
“สำหรับชาวเมดิเตอร์เรเนียน Bimbo แปลว่า Little Boy เหมือนกับลูกชายคนใหม่ แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าคุณเป็นอเมริกันหรืออังกฤษเนี่ย คำนี้แปลว่า ผู้หญิงที่สวยใสไร้สมอง ซึ่งบางคนก็อาจมองว่าเหมือนเป็นการดูถูก
นี่ก็เป็นอีกมุมมองว่าร้านอาหารหลังๆ ส่วนใหญ่มีสตอรีเยอะมาก อาหาร 20 คอร์สมาทีไม่ได้คุยกับเพื่อนเลย เพราะว่ามัวแต่มานั่งฟังข้อมูลว่าร้านทำแบบนั้นแบบนี้ มีความพิถีพิถัน เฟ้นหาวัตถุดิบที่ดีที่สุด ทำมาอย่างยากเย็น ซึ่งผมในฐานะผู้บริโภคไม่ได้ต้องการฟัง…เราอยากเอ็นจอย อยากไปใช้โมเมนต์ดีๆ กับเพื่อน ครอบครัว อยากจะคุยกันเอง”
อู้เสริมถึงแนวคิดในการทำร้านของตัวเอง “ที่สำคัญที่สุดคือ เราไม่อยากจะมานั่งอวยตัวเอง ไม่อยากจะมานั่งเล่าให้ลูกค้าฟังว่าเราทำอะไรบ้าง เราใช้สมองคิดแต่ละเมนูให้หมดแล้ว คุณมานั่งเอ็นจอยอย่างเดียวได้เลย”
นอกจากตัวร้านชั้นล่างแล้ว ชั้นสองของที่นี่ยังถูกเนรมิตเป็นไวน์บาร์ ในขณะที่ชั้น 3 เป็นครัว และรูฟท็อปในชั้น 4 “ข้างบนก็เป็นค็อกเทลบาร์ แต่ว่าอาหารก็เสิร์ฟทุกชั้น แล้วแต่คนอยากจะได้ไวบ์ไหน ส่วนรูฟท็อปเราอยากเปิดให้ได้รับบรรยากาศชิลๆ เพราะว่าโลเคชันค่อนข้างดี มันจะมีลมโชยตอนช่วงค่ำด้วย” ใครที่อยากออกกำลังกายก็สามารถเดินขึ้น-ลงด้วยตัวเองได้ แต่ถ้าเหนื่อยทางร้านก็ยังมีลิฟต์โดยสารสไตล์วินเทจสุดเก๋ไว้บริการเช่นกัน
The Taste
แน่นอนว่าเรื่องของอาหารภายในร้านก็ได้รับแรงบันดาลใจจากรสชาติที่อู้ได้ลิ้มลองไปเต็มๆ แต่มีการฟิวชันความเป็นเอเชียนเข้าไปด้วยเพื่อให้ถูกปากคนไทย
เริ่มเรียกน้ำย่อยด้วย Lingue, Kale Pesto (280 บาท) แคร็กเกอร์สไตล์เมดิเตอร์เรเนียนทาเพสโต้เคล โรยด้วยไข่แดงเค็มโฮมเมดและผิวเลมอน เป็นจานกินเล่นที่เหมาะจะมาแชริ่งกับเพื่อน กินไปคุยไปเพลินๆ แบบไม่ต้องห่วงว่าจะหนักท้อง
ต่อด้วย Roasted Cauliflower, Edamame Mousse (350 บาท) ดอกกะหล่ำย่างหอมกระทะกำลังดี ทีเด็ดคือมูสถั่วแระญี่ปุ่นที่มีการผสมวาซาบิลงไปด้วย ยกให้เป็นจานติดดาวสำหรับเราตั้งแต่คำแรกที่เข้าปากเลยจริงๆ จะหักเอาแคร็กเกอร์จานก่อนหน้ามาจิ้มกับมูสจานนี้ก็อร่อยเหมือนกัน
Baba & Puccia – whipped smoked eggplant, pillow bread (320 บาท) อีกจานโปรดของเรา และเป็นจานโปรดของอู้ด้วยเช่นกัน ขนมปังหน้าตาฟูพองเหมือนหมอนที่ทำด้วยวิธีการเผากับไฟถ่าน เสิร์ฟกับดิปมะเขือม่วงเนื้อเนียนนุ่มราดน้ำมันมะกอกหอมๆ
ตัวดิปจะเสิร์ฟแบบเย็น แนะนำให้กินตอนขนมปังเสิร์ฟร้อนๆ ทันทีจะยิ่งอร่อย แต่จากใจ กินตอนที่ขนมปังเย็นแล้วก็ยังอร่อย
มาถึงอีกหนึ่งไฮไลต์ของทางร้านซึ่งก็คือ ‘พิซซ่า’ หากกวาดตามองไปยังเคาน์เตอร์ที่ติดกับประตูทางเข้าก็จะเห็นเตาอบพิซซ่าไซส์ใหญ่พร้อมเชฟที่ง่วนกับการนวดแป้งอย่างขะมักเขม้น ทางร้านเรียกมือพิซซ่าผู้นี้กันอย่างติดปากว่า ‘ป๋า’ หรือ ‘ป๋าวิรุตม์’
ซึ่งเตาที่เห็นนั้นเป็นของ Moretti Forni ที่ถือเป็นเตาสัญชาติอิตาลีระดับท็อปของโลก และรุ่นที่ทางร้านใช้ก็ยังมีมูลค่าสูงถึง 7 หลักเลยทีเดียว ซึ่ง BIMBO ถือเป็นร้านแรกและร้านเดียวในไทย ณ ตอนนี้ที่นำเตาสุดพรีเมียมนี้มาใช้
ข้อดีของเตาดังกล่าวคืออุณหภูมิที่เสถียร ใช้เวลาวอร์มเตาไวภายใน 2 ชั่วโมง และความร้อนเองก็ไม่ระอุ ชนิดที่เราสามารถนำมือไปนาบด้านข้างเตาได้เลย ถือเป็นอีกหนึ่งเวย์ที่ทางร้านเลือกลงทุนเพื่อประหยัดพลังงานในระยะยาว เพราะไม่ต้องเปิดแอร์แข่งกับความร้อน
ในส่วนของหน้าพิซซ่าที่ทางร้านนำเสนอในวันนี้คือ Supreme (460 บาท) ซาลามีรสเผ็ด พริกย่าง และน้ำมันพริกจาลาปิโน ที่โดยรวมให้รสจัดจ้านกำลังดี จุดเด่นของแป้งที่นี่คือความบางกรอบสุดๆ ไม่หนักท้อง ทำให้เราสามารถเอ็นจอยกับเมนูอื่นๆ อีกได้สบาย
มาในส่วนของค็อกเทลกันบ้าง หากใครไม่รู้ว่าจะสั่งอะไรให้จิ้มจากหมวด Signature Cocktail (350 บาท) ได้เลย ถ้าใครที่ชอบพริกเม็กซิกันต้องลอง Jalapeño Sour ที่ใช้น้ำฆาลาเปญโญคั้นสดมิกซ์กับจินและน้ำสับปะรด ถือเป็นแก้วที่สดชื่นและกินง่ายเลยทีเดียว ส่วน Casa Bimbo มีเบสเป็น Mezcal และ Triple Sec เพิ่มความสดชื่นด้วยน้ำส้มและน้ำทับทิม ขอบแก้วยังมีพริกเกลือเพิ่มรสเผ็ดเบาๆ
ส่วนใครชอบแนวฟรุตตี้ฟลอรัลต้องลอง Violetta ค็อกเทลจินเบสมิกซ์กับลิเคียวแพร์และไซรัปดอกไม้ที่ทางร้านทำเอง จิบแล้วชวนให้นึกถึงขนมเยลลี่ที่เราต่างชื่นชอบในวัยเด็ก
ปิดท้ายด้วย Dark Beer Chocolate Lava Cake (320 บาท) ขนมหวานจานใหม่ที่ยังไม่อยู่ในเมนู ณ วันที่เราไป สายช็อกโกแลตก็คงถูกใจไม่น้อยกับเค้กเบียร์ดำเสิร์ฟร้อนๆ เจาะปุ๊บก็จะเจอกับไส้ช็อกโกแลตลาวาเยิ้ม ตัวเค้กหอมกลิ่นเบียร์อ่อนๆ ตักกินกับไอศกรีมวานิลลาเย็นๆ แล้วฟิน
Good for
เป็นร้านอาหารที่ถ้าแวะมาบรันช์ก็จะได้ไวบ์ที่ชิลในบรรยากาศเดย์ไลต์สวยๆ Photogenic ทุกมุม และถ้าใครเป็นสาย Carb Lovers ก็ยิ้มได้เลย แนะนำให้ชวนก๊วนเพื่อนมากันหลายๆ คน เพราะเชื่อเถอะว่าคุณจะไม่หยุดสั่งแค่จานสองจานแน่
BIMBO
Open: วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00-23.00 น., วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 11.00-23.00 น.
Address: 149 ถนนพระรามที่ 4 ป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ
Instagram: https://www.instagram.com/bimbo.bkk
Facebook: https://www.facebook.com/bimbo.bkk
Budget: อาหารเริ่มต้นที่ 160 บาท