การเติบโตของเมืองไม่ได้หยุดแค่ที่ตึกสูงระฟ้าและถนนที่พลุกพล่าน แต่ยังสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างของครอบครัวด้วยเช่นกัน ในยุคที่ครอบครัวไทยเริ่มกลับมาอยู่ร่วมกันแบบหลายเจเนอเรชัน ทั้งผู้สูงวัย พ่อแม่ และเด็กเล็ก บ้านที่สามารถตอบรับความหลากหลายเช่นนี้ได้จึงกลายเป็นคำตอบของการใช้ชีวิตในเมืองอย่างแท้จริง
BAAN KLANG KRUNG จึงไม่ใช่แค่บ้านที่สูงขึ้น แต่คือแนวคิดของ ‘Multi-Level Living’ ที่คิดลึกลงไปในเรื่องของการใช้ชีวิตจริง ทั้งเรื่องความเป็นส่วนตัว ความสะดวกสบาย การเข้าถึง และความเชื่อมโยงทางใจระหว่างสมาชิกในบ้าน เพื่อสร้างสมดุลระหว่างความเป็น ‘พื้นที่ของตัวเอง’ และ ‘ความผูกพันของครอบครัว’ ในรูปแบบที่เหมาะกับคนเมือง
Private Space ที่เข้าใจทุกช่วงวัย
บ้านแต่ละหลังในโครงการ BAAN KLANG KRUNG มีความสูงตั้งแต่ 5-6 ชั้น
พร้อมพื้นที่ใช้สอยมากถึง 403 – 915 ตารางเมตร และมีห้องนอนตั้งแต่ 3–5 ห้อง ซึ่งถือเป็นขนาดที่รองรับการอยู่อาศัยของครอบครัวขนาดกลางถึงใหญ่ได้สบายๆ
สิ่งที่น่าสนใจคือการออกแบบให้แต่ละชั้นสามารถแปลงเป็น ‘เพนต์เฮาส์ส่วนตัว’ สำหรับสมาชิกแต่ละคนได้จริง ไม่ว่าจะเป็นห้องนั่งเล่น ห้องอ่านหนังสือ หรือโฮมออฟฟิศ นี่คือพื้นที่ที่ให้สมาชิกแต่ละวัยได้ใช้เวลาและใช้ชีวิตตามจังหวะของตัวเอง โดยมีพื้นที่เป็นของตัวเองและอยู่ร่วมกันอย่างลงตัว
Connecting Space ที่เชื่อมทุกวัยอย่างกลมกลืน
แม้แต่ละชั้นจะมีฟังก์ชันที่สามารถเป็นโลกส่วนตัวได้ แต่ BAAN KLANG KRUNG ก็ไม่ลืมที่จะออกแบบพื้นที่ ‘เชื่อมโยง’ กันอย่างนุ่มนวลผ่านลิฟต์ภายในบ้าน ที่รองรับได้มากถึง 5 คน ซึ่งไม่ใช่แค่ช่วยให้ผู้สูงวัยหรือเด็กเล็กขึ้นลงสะดวก แต่ยังเป็นการส่งเสริมการมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันอย่างไม่รู้ตัว
ในบ้านหลังเดียวกัน ความสัมพันธ์ระหว่างวัยคือสิ่งสำคัญ บางทีแค่การขึ้นลิฟต์ไปกินข้าวพร้อมกัน หรือแวะไปห้องพ่อแม่ตอนเย็น ก็เพียงพอที่จะรักษาความใกล้ชิดไว้ได้อย่างไม่ลำบาก และลิฟต์ที่ออกแบบให้เป็นส่วนหนึ่งของบ้านอย่างเป็นธรรมชาตินี้เองที่เป็นสื่อกลางของความสัมพันธ์
ที่จอดรถในแนวคิด Vertical Efficiency
หนึ่งในปัญหาหลักของบ้านในเมืองคือที่จอดรถ โดยเฉพาะในครอบครัวที่มีรถหลายคัน BAAN KLANG KRUNG ตอบโจทย์นี้ด้วยการจัดสรรพื้นที่จอดรถแนวตั้งอย่างชาญฉลาด แต่ละยูนิตมีที่จอดรถถึง 5 คัน และในบางแบบบ้านสามารถรองรับได้มากกว่านั้น
แนวคิด Vertical Parking ไม่ได้หมายถึงเพียงแค่มีที่จอดพอ แต่หมายถึงการจัดโครงสร้างบ้านให้พื้นที่จอดรถอยู่ในจุดที่เชื่อมต่อกับตัวบ้านได้สะดวก ปลอดภัย และยังคงสอดคล้องกับดีไซน์โดยรวมของบ้าน ไม่ทำลายความสวยงาม หรือรบกวนฟังก์ชันการอยู่อาศัยอื่นๆ
ในบริบทของเมืองที่พื้นที่ทุกตารางเมตรมีความหมาย การออกแบบที่ทำให้รถไม่เป็นภาระต่อการอยู่อาศัยจึงเป็นอีกหนึ่งความใส่ใจที่ไม่ควรมองข้าม
Universal Design ที่มองไปไกลกว่าวัย
บ้านที่ดีไม่ใช่แค่ตอบโจทย์วันนี้ แต่ต้องเผื่อไปถึงอนาคต BAAN KLANG KRUNG ใช้แนวคิด Universal Design มาเป็นแนวทางในการออกแบบ โดยเฉพาะการออกแบบให้สอดคล้องกับการใช้งานของผู้สูงวัย และผู้ที่มีข้อจำกัดทางการเคลื่อนไหว
เพียงการมีลิฟต์ภายในบ้าน พื้นที่ทางเดินกว้าง พื้นราบไม่มีสเต็ป และห้องน้ำที่ปรับได้ ล้วนช่วยให้สมาชิกในบ้านสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเป็นอิสระ และปลอดภัยมากขึ้น
Universal Design จึงไม่ใช่เพียงการออกแบบเพื่อวัยใดวัยหนึ่ง แต่คือการเตรียมบ้านให้พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงในทุกช่วงชีวิตของสมาชิกในครอบครัว
Multi-Level Living = ความยืดหยุ่นของชีวิตในทุกระดับ
สุดท้าย บ้านที่ดีไม่ใช่แค่การออกแบบที่สวยงาม แต่ต้องมีความยืดหยุ่นพอให้ชีวิตปรับตัวได้ตามกาลเวลา ทุกฟังก์ชันใน BAAN KLANG KRUNG ถูกออกแบบให้สามารถปรับเปลี่ยนได้
Multi-Level Living จึงหมายถึง การออกแบบที่มองเห็นภาพรวมของชีวิต เห็นจังหวะการเติบโตของครอบครัว และให้พื้นที่นั้นพร้อมสำหรับทุกจังหวะอย่างแท้จริง
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://apth.ly/m1vh
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- THE PALAZZO: มาสเตอร์พีซแห่งบ้านเดี่ยวระดับ Ultra Luxury ที่สมบูรณ์แบบทั้งความงามและฟังก์ชัน
- ปรัชญาการอยู่อาศัยยุคใหม่ เมื่อความหรูหราหลอมรวมกับธรรมชาติอย่างสมดุลในบ้านเดี่ยวระดับ Ultra Luxury จาก AP Thai
- Majestic Collection: ความงามเหนือกาลเวลา ผสานกับฟังก์ชันสุดพิถีพิถันแห่งการอยู่อาศัยที่เหนือระดับ กับที่สุดของบ้านเดี่ยวระดับ Ultra Luxury จาก AP Thai