×

รีวิว Apple Watch Ultra 3 กับการอัปเกรดที่รู้สึกได้ โดยเฉพาะสายแอ็คทีฟ

25.11.2025
  • LOADING...
apple-watch-ultra-3-upgrade

ถ้าถามว่าสำหรับคนที่ใช้ชีวิตแบบไม่หยุดนิ่ง นาฬิกาที่ดีควรเป็นยังไง คำตอบของเราคงหนีไม่พ้นต้องใช้ได้จริงทุกสถานการณ์ ไม่ใช่แค่ดูดีบนข้อมือตอนใส่ทำงาน แต่ต้องทนทานพอที่จะลงสนามเทนนิสกลางแดด ดำน้ำในทะเล หรือวิ่งยาวๆ ในตอนเช้าได้ด้วย

 

สำหรับคนอย่างเราที่เป็นสายแอ็กทีฟ ออกกำลังกายเป็นประจำแทบทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นวิ่ง เวทเทรนนิ่ง ว่ายน้ำ HIIT เทนนิส หรือทำกิจกรรมกลางแจ้งต่างๆ การมีสมาร์ทวอทช์ที่ตอบโจทย์ได้ครบจบในตัวเดียวจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก มันต้องเป็นมากกว่าแค่เครื่องมือบอกเวลา แต่ต้องเป็นเหมือนผู้ช่วยส่วนตัวที่คอยดูแลสุขภาพ ติดตามผลการออกกำลังกาย การนอน การพักฟื้น และที่สำคัญคือต้องไม่เป็นภาระในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแบตที่ต้องชาร์จบ่อย หรือฟังก์ชันที่ซับซ้อนจนใช้ไม่ถนัด

 

Apple Watch Ultra 3

 

เมื่อ Apple ประกาศเปิดตัว Apple Watch Ultra 3 เราก็อดสงสัยไม่ได้ว่ามันจะแตกต่างจากApple Watch Ultra 2 ที่เราเคยใช้มาแค่ไหน เพราะถ้าดูจากภาพแรกๆ หน้าตาก็ยังเป็นเรือนไทเทเนียม 49 มม. ที่คุ้นตาดี แต่หลังจากได้ลองใช้งานจริงมาสักพัก ต้องบอกเลยว่า Apple Watch Ultra 3 คือการอัปเกรดที่ก้าวกระโดดของค่ายนี้

 

วันนี้เราเลยอยากพาทุกคนมาดูกันว่า Apple Watch Ultra 3 เปลี่ยนแปลงไปยังไง และมันคุ้มค่ากับการอัปเกรดหรือไม่สำหรับคนที่กำลังมองหานาฬิกาสปอร์ตตัวใหม่

 

จอภาพใหม่

 

สิ่งแรกที่สังเกตได้ทันทีคือจอภาพใหม่แบบ LTPO3 ที่ทำให้ขอบจอบางลงถึง 24% หน้าจอเลยดูใหญ่ขึ้น สว่างขึ้น และคมชัดขึ้น ทั้งๆ ที่ตัวเรือนยังขนาดเดิม ตอนเข้าคลาสฟิตเนสหรือวิ่ง แค่เหลือบมองข้อมือก็อ่านค่าต่างๆ ได้ง่ายมาก ไม่ต้องเงยข้อมือขึ้นมาดูตรงๆ แบบเดิม

 

ที่ชอบมากคืออัตรารีเฟรชของจอแบบ Always-On ที่ปรับลงมาอยู่ที่ 1Hz ทำให้เข็มวินาทีขยับแบบเรียลไทม์ ดูแล้วลื่นไหลดี ไม่กระตุกแบบเดิมที่อัปเดตทีละนาที พลังงานก็ประหยัดกว่าด้วย ถ้าเคยใช้รุ่นที่แล้วมาก่อน จะรู้สึกได้ชัดเลยว่าต่างกัน

 

Apple Watch Ultra 3

 

แบตเตอรี่ใช้งานได้นานขึ้น

 

เรื่องแบตก็ต้องยกนิ้วให้เพราะแน่นอนว่าทุกครั้งที่ออกรุ่นใหม่ มันมักจะอึดขึ้นเรื่อยๆ อย่างรุ่นนี้ เราใช้ได้ประมาณ 42 ชั่วโมงต่อเนื่อง ถ้าเปิดโหมดประหยัดพลังงานไปได้ 72 ชั่วโมงเลย เหมาะมากสำหรับคนที่ไม่ชอบชาร์จบ่อยๆ มักใช้ชีวิตกลางแจ้งหลายวัน หรือแม้แต่ไปพักต่างจังหวัด ก็ไม่ต้องเครียดเรื่องแบตหมด เพราะบางทีก็ไม่ได้พกสายชาร์จไปด้วย

 

ไม่ต้องพกมือถือไปทุกที่

 

การรองรับ 5G ก็เป็นอีกจุดที่ชอบมากเพราะเราสามารถดาวน์โหลดเพลง พอดแคสต์ หรือใช้แอปต่างๆ ไวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ที่สำคัญมีระบบปรับสัญญาณอัจฉริยะที่ทำให้แม้อยู่ในที่สัญญาณอ่อนก็ยังใช้งานได้เสถียร เราชอบวิ่งตอนเช้าหรือลงสระว่ายน้ำโดยไม่เอามือถือไปด้วย แต่จะเก็บไว้บนรถหรือล็อกเกอร์ แต่ยังฟังเพลงและรับสายได้ ปกติ รู้สึกอิสระและไม่มีภาระดี

 

Apple Watch Ultra 3

Apple Watch Ultra 3

 

ตัวช่วยด้านสุขภาพที่ฉลาดและเข้าใจ

 

ในเรื่องสุขภาพ ฟีเจอร์คะแนนการนอนหลับบน watchOS 26 ช่วยได้มาก เพราะมันวิเคราะห์จากข้อมูลของสถาบันด้านการนอนหลับระดับสากลและการศึกษากว่า 5 ล้านคืน ทุกเช้าตื่นมาก็จะได้คะแนนที่บอกว่าเรานอนดีแค่ไหน ควรปรับอะไรบ้าง ทำให้รู้สึกว่ามีคนคอยดูแลสุขภาพเราอยู่ เพราะคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ การพักฟื้นถือเป็นเรื่องสำคัญมาก บางทีเราก็ไม่รู้ว่าร่างกายล้าอยู่ขนาดไหน

 

Apple Watch Ultra 3

 

Workout Buddy ก็เจ๋งมาก เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ใช้ Apple Intelligence วิเคราะห์ข้อมูลฟิตเนสของเรา แล้วคอยให้คำแนะนำและเสียงโค้ชแบบเรียลไทม์ ต่างจากรุ่นก่อนหน้าที่แค่บอกตัวเลข ตรงนี้มันรู้สึกเหมือนมีเทรนเนอร์ส่วนตัวคอยดูแล ไม่ว่าจะวิ่ง เวทเทรนนิ่ง ว่ายน้ำ HIIT มันปรับคำแนะนำให้เหมาะกับแต่ละกิจกรรม นอกจากนี้ยังรองรับกิจกรรมเฉพาะทางอย่างดำน้ำ เดินป่า และกอล์ฟได้ดีมาก

 

Good for

 

Apple Watch Ultra 3

 

ถ้าถามว่าใครเหมาะกับ Apple Watch Ultra 3 ที่มีราคาเริ่มต้น 29,990 บาท คำตอบคือถ้าอยากได้ของใหม่รุ่นล่าสุดเลย รุ่นนี้คือที่สุดของสายแอ็กทีฟจริงๆ แต่ต้องทำใจไว้นิดนึงว่าหน้าตาหรือดีไซน์ภายนอกอาจจะไม่เปลี่ยนจาก Apple Watch Ultra 2 เท่าไรนัก แม้จะมาพร้อมสายดีไซน์ใหม่ก็ตาม แต่ความต่างอยู่ที่ประสบการณ์การใช้งาน ฟีเจอร์ใหม่ และประสิทธิภาพที่ดีขึ้นกว่าเดิม แต่ก็อาจต้องเป็นคนที่ใช้งานทุกฟังก์ชันเด่นที่เล่าไปเป็นประจำจริงๆ จึงจะคุ้มค่ากับการอัปเกรด

 

คลิกอ่านเพิ่มเติมเรื่อง Sleep Score  

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising