รีวิว Anantara Dhigu Maldives เปิดประสบการณ์วิลล่าเหนือน้ำโฉมใหม่

ถ้าพูดถึงมัลดีฟส์ในช่วงนี้ก็ต้องบอกว่าที่นี่ยังคงเป็น Dream Destination ในหมู่นักเดินทางชาวไทยที่แม้จะเคยไปแล้วแต่ก็ยังกลับไปได้เรื่อยๆ ล่าสุดเรามีโอกาสไปเยือน Anantara Dhigu Maldives หลังรีโนเวตครั้งใหญ่ที่เพิ่งเสร็จสิ้นไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ครั้งนี้นอกจากการจะอัปเกรด Over Water Villa ทั้ง 40 หลังให้สวยยิ่งกว่าเดิมแล้ว ยังมาพร้อมการเปิดตัว Pool Villa ที่จะทำให้เราหลงรักมัลดีฟส์มากกว่าที่เคย

เพราะในยุคที่ผู้คนกำลังมองหาจุดหมายปลายทางที่ให้มากกว่าที่พัก Anantara Dhigu จึงไม่เพียงให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายของห้องพักเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมไฮไลต์อื่นๆ เพื่อเพิ่มประสบการณ์การท่องเที่ยวระดับลักชัวรี ที่ผสมผสานความหรูหราเข้ากับเสน่ห์ของท้องทะเลมัลดีฟส์ได้อย่างลงตัว

Deluxe Sunset Over Water Pool Villa

Why here?

Anantara Dhigu ตั้งอยู่บนเกาะปะการังรูปวงแหวนทางตอนใต้ของมาเล (South Malé Atoll) ล้อมรอบด้วยน้ำทะเลใส การเดินทางก็สะดวกด้วยสปีดโบ๊ตเพียง 30 นาทีจากสนามบินนานาชาติเวลานา โดดเด่นด้วยวิลล่าเหนือน้ำที่เพิ่งผ่านการรีโนเวตครั้งใหญ่ภายใต้แนวคิด ‘ความสงบของเรือใบ’ โดย Stephen O’Dell นักออกแบบที่นำแรงบันดาลใจจากเรือท้องถิ่นของชาวมัลดีฟส์มาผสมผสานกับความหรูหราร่วมสมัย

วิลล่าเหนือน้ำ

ทุกวิลล่าได้รับการออกแบบให้กลมกลืนกับธรรมชาติ ใช้โทนสีอบอุ่นตัดกับสีฟ้าอ่อน มีเปลญวนให้นอนเอกเขนกเหนือทะเล และที่เด็ดสุดคือจากจุดนี้สามารถมองเห็นวิวพระอาทิตย์ขึ้นและตกแบบไม่มีอะไรบดบัง

ภายในห้องพัก Deluxe Sunset Over Water Pool Villa

ที่นี่มีกิจกรรมให้เลือกทำมากมาย รับรองว่าต้องถูกใจสายกิจกรรม เช่น Nurse Shark Snorkelling การดำน้ำดูฉลามวาฬกับ Aquafanatics ที่รับรองว่าเจอฝูงฉลามแน่ๆ หรือจะโต้คลื่นในช่วงฤดูเล่นเซิร์ฟกับผู้เชี่ยวชาญของรีสอร์ตอย่าง Tropicsurf ตลอดจนเทนนิส, วอลเลย์บอล, แบดมินตัน และกีฬาทางน้ำต่างๆ

สปาที่มีสระน้ำอุ่นและน้ำเย็นให้แช่ตัว

Worth it

Deluxe Sunset Over Water Pool Villa อย่างที่บอกว่านี่คือไฮไลต์ใหม่ล่าสุด วิลล่าแต่ละหลังมีขนาด 129 ตารางเมตร กว้างขวาง มาพร้อมสระว่ายน้ำอินฟินิตีที่มองเห็นวิวพระอาทิตย์ตกดิน มีความเป็นส่วนตัวสูง สามารถเดินลงทะเลได้เลย และที่พลาดไม่ได้คือห้องน้ำของที่นี่ซึ่งสวยปังมาก เหมาะกับการแช่ตัว ชมวิว จิบแชมเปญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่ชอบถ่ายรูปสวยๆ ตอนเย็น

โซนห้องอาบน้ำและระเบียงของ Deluxe Sunset Over Water Pool Villa

Two Islands, One Paradise เราชอบที่ Anantara Dhigu อยู่ติดกับ Anantara Veli Maldives Resort (อยู่ในเครือ Anantara เช่นกัน) ที่มีความเงียบสงบมากกว่า ทำให้สามารถนั่งเรือข้ามไปมาได้สะดวก เพราะเราสามารถข้ามไปใช้บริการฝั่ง Anantara Veli ได้ด้วย เช่น ร้านอาหาร หรือสปาที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวกว่า รวมถึงลานกิจกรรมกีฬาต่างๆ ทำให้เรามีตัวเลือกที่หลากหลาย ไม่จำเจ ไม่ต้องกลัวเบื่อหากจะต้องอยู่ยาว

ร้านอาหาร Cumin และวิวจาก Anantara Veli Maldives Resort

Culinary Journey ที่นี่ให้ความสำคัญกับเรื่องอาหารมาก จะเห็นว่ามีห้องอาหารให้เลือกเยอะมาก เริ่มจาก Sea.Fire.Salt เน้นเมนูย่างและซีฟู้ดสด, Aqua สำหรับคนรักอาหารอิตาเลียน, Fushi Café บุฟเฟต์อาหารเช้าและดินเนอร์ธีมต่างๆ ส่วนที่ Anantara Veli มี Origami ร้านอาหารญี่ปุ่นฟิวชัน, Cumin เน้นอาหารอินเดีย-ศรีลังกา และมื้อเช้า, Baan Huraa กับอาหารไทยดั้งเดิมที่รสชาติจัดจ้านมาก ปิดท้ายด้วย Dhoni Bar เสิร์ฟทาปาสสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน

Origami ร้านอาหารญี่ปุ่นฟิวชัน และซีฟู้ดจาก Sea.Fire.Salt

Baan Huraa กับอาหารไทยดั้งเดิม

ล่าสุดทางรีสอร์ตเปิด The Yellow Fin Club บาร์ค็อกเทลและไวน์ที่มองเห็นวิวพระอาทิตย์ตกสวยมาก แถมถ้าคุณโชคดีอาจมีโอกาสเห็นฝูงโลมาจากบาร์แห่งนี้ด้วย

แนะนำว่าสนใจร้านไหนให้จองล่วงหน้า โดยเฉพาะร้านดังๆ อย่าง Baan Huraa และ Origami ที่มักเต็มเร็วเป็นพิเศษ

The Yellow Fin Club บาร์ค็อกเทล

Good for

คนที่ไม่อยากนั่งเครื่องบินเล็ก และมองหารีสอร์ตที่อยู่ไม่ไกลจากท่าเรือ เหมาะกับการพักผ่อนระดับลักชัวรีที่มีความเป็นส่วนตัว ทั้งกับคู่รักที่ต้องการฉลองโอกาสพิเศษ หรือครอบครัวที่อยากมีกิจกรรมให้ทำหลากหลาย เซอร์วิสดี พื้นที่ส่วนกลางสวย ทันสมัย รับรองว่ามาแล้วไม่มีคำว่าเบื่อแน่ๆ