หากคุณเป็นแฟนอาหารจีน เราเชื่อว่า Chai Jia Chai (ไชย เจีย ชัย) น่าจะเป็นชื่อที่คุณคุ้นหูอย่างแน่นอน เพราะที่นี่เป็นร้านอาหารจีนกวางตุ้งไฟน์ไดนิ่งโดย เชฟไช่ชื่อเหวย เชฟชาวไต้หวันผู้มีประสบการณ์ในร้านมิชลินมาถึง 23 ปี และยังตั้งใจนำเสนออาหารในรูปแบบโอมากาเสะแห่งแรกในประเทศไทยอีกด้วย
ล่าสุดเรามีโอกาสได้ร่วมดินเนอร์การกุศลที่เชฟตั้งใจรังสรรค์ขึ้น เพื่อส่งต่อน้ำใจช่วยบรรเทาภัยแผ่นดินไหวในไต้หวัน ซึ่งนับเป็นมหันตภัยครั้งรุนแรงที่สุดของไต้หวันในรอบ 25 ปี ผ่านความพิถีพิถัน 9 คอร์ส กับ Helping Hands for Taiwan: Earthquake Relief Charity Dinner โดยจะมอบรายได้ทั้งหมดหลังหักค่าใช้จ่ายให้กับรัฐบาลไต้หวัน เพื่อสนับสนุนการบรรเทาภัยพิบัติฟื้นฟูชีวิตและชุมชนในฮัวเหลียน ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
ความพิเศษของค่ำคืนนี้คือมิติใหม่ของอาหารจีน (Cantonese Cuisine) ในสไตล์ไต้หวันที่ได้รับแรงบันดาลใจจากวัตถุดิบและประเพณีท้องถิ่นอันเป็นที่รัก นำมาตีความใหม่ด้วยสัมผัสความทันสมัย รวมถึงหยิบยกเมนูสตรีทฟู้ดอันโด่งดังของไต้หวันมาผสานเทคนิคการปรุงอาหารชั้นเลิศแบบกวางตุ้งอีกด้วย
ประเดิมคอร์สแรกด้วย Beginnings Trio เมนูเรียกน้ำย่อย 3 อย่าง สลัดกุ้งแลงกูสทีน ที่เหมือนมากดปุ่มเปิดต่อมรับความสดชื่นกับสลัดผลไม้ตามฤดูกาลและผักย่าง ออนท็อปด้วยกุ้งหวานฉ่ำและคาเวียร์ Prunier Osciètre อกเป็ดรมควันกับไข่ปลากระบอก อกเป็ดดรายเอจ 14 วันจับคู่กับ Mullet Roe หรือไข่ปลากระบอก ที่เป็นดั่งอาหารชนชั้นสูงของไต้หวัน และ โรลปลาหมึกราดซอส 5 รส ปลาหมึกนุ่มยัดไส้กล้วย กระเทียม ผักชี และพริกไทย เคลือบด้วยซอส 5 รสแบบดั้งเดิม แนะนำให้เริ่มกินจากกุ้ง อกเป็ด และปลาหมึก เพื่อไล่ระดับรสชาติ
สะกดสายตาตั้งแต่ยกมาเสิร์ฟกับ หมี่กรอบหอยนางรม (Oyster Crispy Rice Noodles) ที่เสิร์ฟมาในพรีเซนเทชันที่ให้ฟีลดุจหีบของจักรพรรดิ หอยนางรมสดจากทะเลไทยบนเส้นหมี่กรอบ โรยหอมเจียว ปลาแห้ง และคาเวียร์ Prunier Osciètre 1 กระปุก เพิ่มความอูมามิแบบจุกๆ แน่นอนว่าหมี่กรอบหมดแล้วเราหลายๆ คนก็ยังเอ็นจอยกับคาเวียร์เพียวๆ แบบนั้น
แนะนำให้ลองจิบน้ำฟักเขียวที่ทางร้านทำเองไปด้วย แล้วจะรู้สึกสดชื่นสุดๆ
เพิ่มความอุ่นท้องด้วยคอร์สที่ 3 ที่ชวนให้สัมผัสประวัติศาสตร์กับ ซุป 4 สหาย (Four Gods Soup) ซุปรสเข้มข้นของการผสานส่วนผสมต่างๆ เช่น เคียมซิก เม็ดบัว และลูกเดือย เพิ่มเท็กซ์เจอร์ที่หลากหลายในน้ำซุปด้วยรังนก หอยเชลล์แห้ง และตังกุย ที่ล้วนดีต่อสุขภาพ
กิมมิกของการกินซุปถ้วยนี้คือ การคีบดอกบัวที่เสิร์ฟมาด้วยวางลงบนซุป แล้วดอกบัวจะคลี่ออกอย่างสวยงาม
ต่อกันด้วย กระเพาะปลาตุ๋นกับหมู (Braised Fish Maw with Pork) หมูสามชั้นนุ่มละมุนกับกระเพาะปลาเนื้อพรีเมียมตุ๋นในน้ำซอสเข้มข้นกลมกล่อม พร้อมเห็ดทรัฟเฟิลดำและเผือกนุ่มๆ ด้านล่างที่เปรียบเสมือนข้าว กินพร้อมกันทุกเลเยอร์คือฟิน รสชาติเข้มข้น กลมกล่อม อย่างลงตัว
คั่นระหว่างมื้อด้วย Palate Cleanser ผลไม้เชื่อมและชะเอมเทศที่เข้ากันอย่างลงตัวกับความหวานของลูกพรุนอบแห้ง มะเขือเทศ และเถาเจียว หรือน้ำตาลดอกท้อ (Peach Gum) ที่ให้เท็กซ์เจอร์เหมือนเยลลี่กินเพลินๆ
สานต่อความสุขให้แก่คนรักเนื้อกับคอร์สที่ 6 เนื้อสันใน A5 ตุ๋น (Braised A5 Fillet) เนื้อสันในวากิว A5 จากคาโกชิมะนุ่มๆ ที่ถูกทวีรสชาติให้เข้มข้นขึ้นด้วยน้ำซอสเนื้อวัวสไตล์ไต้หวัน เสิร์ฟพร้อมหน่อไม้จีนดองและหน่อไม้โรลเป็นชิ้นเล็กๆ พอดีคำ
สร้างความตื่นตาตื่นใจตั้งแต่ยังเสิร์ฟกับเมนูซิกเนเจอร์ของทางร้านอย่าง ข้าวต้มล็อบสเตอร์ (Lobster Porridge) เพราะทางร้านได้นำเอาล็อบสเตอร์ตัวเป็นๆ ที่จะใช้ประกอบอาหารมาให้แขกได้เห็นกันชัดๆ กลับมาอีกทีคือเป็นหม้อข้าวต้มส่งกลิ่นหอมฉุยไปทั้งห้อง
ในคอร์สเราจะได้กุ้งคนละครึ่งตัวเสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียง 3 อย่าง ซึ่งถ้าใครอยากเพิ่มรสชาติความแซ่บจัดจ้านก็สามารถเติมได้เต็มที่ ส่วนตัวเราว่ากินแบบไม่ปรุงก็อร่อยด้วยรสชาติมันกลมกล่อมของมันกุ้งอยู่แล้ว
นอกจากอาหารที่พิถีพิถันแล้ว เชฟไช่ยังเพิ่มความพิเศษด้วยการแพริ่งค็อกเทลสุดพิเศษจาก เกาเหลียง (Kaoliang) และ คาวาลาน (Kavalan) เครื่องดื่มอันโด่งดังและเป็นสัญลักษณ์ของไต้หวันที่เข้ากันอย่างลงตัวกับอาหารแต่ละคอร์สอีกด้วย
อิ่มแค่ไหนก็ยังมีพื้นที่ให้ของหวานเสมอ ซึ่งขนมหวานในมื้อนี้ยังได้เชฟชื่อดังอย่าง เชฟคณิน บุญตันบุตร เชฟขนมจาก Potong (โพทง) ร้านอาหารไทย-จีนชื่อดังและได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ 1 ดาว มารังสรรค์ความอร่อยให้อีกด้วย
เมนูขนมหวานซิกเนเจอร์ Famous เสิร์ฟเป็นไอศกรีมนมหอมละมุน กินคู่กับผลไม้เมืองร้อนอย่างสับปะรด มะพร้าว และมะม่วง ที่ให้ความสดชื่นเป็นอย่างดี
และ Petit Four ที่ถูกนำเสนออย่างสวยงามอลังการอีกเช่นกัน
ใครที่อยากสัมผัสกับอาหารจีนในรูปแบบใหม่ พร้อมเพลิดเพลินกับการนำเสนอที่สวยงาม สอดแทรกไปด้วยศิลปะและวัฒนธรรมน่ารู้ผ่านวิสัยทัศน์ของเชฟไช่ชื่อเหวย ต้องลองแวะมาที่ Chai Jia Chai กันดูสักครั้ง
ภาพ: Courtesy of the Brand
Chai Jia Chai
Open: ทุกวัน เวลา 12.00-14.00 น. และ 17.00-22.00 น. (วันพุธเปิดเวลา 05.00-22-00 น.)
Budget: 6,000 บาท
Instagram: https://www.instagram.com/chaijiachai.bkk
Map: https://maps.app.goo.gl/FXvt2p4j5nkwv5yLA