เอาใจคนรักความสะอาดแต่ไม่อยากทำเอง กับ 10 หุ่นยนต์ดูดฝุ่นตัวท็อปของแต่ละค่ายที่ซื้อในไทยได้
เราเชื่อว่าทุกคนคงชอบให้บ้านของตัวเองสะอาดตลอดเวลา เราอยากจะบอกว่าจุดเริ่มต้นที่ทำให้บ้านรู้สึกสะอาดคือการที่เราก้าวเท้าเข้าไปในบ้านแล้วพื้นบ้านไม่มีฝุ่น แค่นี้ก็รู้สึกดีมากๆ แล้ว แต่จะให้มากวาดถูเองตลอดเวลาก็คงจะไม่ไหว
ปัจจุบันบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายยี่ห้อ เริ่มพัฒนาหุ่นยนต์ดูดฝุ่นเพื่อมาเป็นตัวช่วยในการทำความสะอาดมากขึ้น แต่จะซื้อมาใช้งานทุกวันทั้งที ควรเจ็บแต่จบ! เพราะถ้าเราซื้อตัวที่ไม่เหมาะสมกับการใช้งาน หรือประสิทธิภาพในการทำความสะอาดไม่ดี บางทีคุณอาจจะต้องมาเหนื่อยกวาดพื้นถูพื้นซ้ำก็ได้ วันนี้เราจะพามาส่องตัวช่วยระดับท็อปที่จะทำให้พื้นบ้านของคุณสะอาดแบบที่คุณไม่ต้องเหนื่อยเลย
1. Samsung Jet Bot AI+ with Jet AI Object Recognition (ราคา 38,990 บาท)
ตัวแรกเป็นหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่เหมาะกับคนที่อยู่อาศัยในบ้านแบบมีสมาชิกหลายคน เพราะการมีสมาชิกหลายคนบางทีของอาจจะเยอะ เช่น ของเล่นเด็กชิ้นเล็กๆ หรือสายไฟ สายชาร์จต่างๆ ที่อยู่บนพื้น บอกเลยว่าไม่ต้องกลัวเพราะรุ่นนี้เขามีจุดเด่นที่การใช้ AI ตรวจสอบวัตถุข้างหน้า แม้ว่าจะชิ้นเล็กแค่ไหนก็เดินหลบได้ และยังสร้างแผนที่เพื่อทำความสะอาดที่แม่นยำได้อีกด้วย
2. Electrolux Purei9.2 (ราคา 22,900 บาท)
จุดเด่นที่เห็นได้ชัดมากๆ ของหุ่นยนต์รุ่นนี้คือรูปทรงสามเหลี่ยม ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการทำความสะอาดพื้นที่มุมห้องได้ การเคลื่อนที่ของรุ่นนี้จะใช้ระบบ 3D Vision System เพื่อนำทางและตรวจจับสิ่งกีดขวาง และสามารถเชื่อมต่อ WiFi ช่วยให้คุณควบคุมและสั่งงานหุ่นยนต์ดูดฝุ่นได้จากทุกที่
3. iRobot™ Roomba™ s9+ (ราคา 50,900 บาท)
รุ่นนี้เหมาะมากๆ สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องภูมิแพ้ เพราะตัวฐานที่ใช้เก็บขยะจากตัวเครื่องเขามีระบบช่วยดักจับสารก่อภูมิแพ้จากเชื้อราและละอองเกสรได้ถึง 99% และด้วยรูปทรงที่เป็นมุมเหลี่ยม ก็สามารถเข้าไปดูดฝุ่นที่มุมห้องได้เช่นกัน
4. Tefal X-PLORER SERIE 120 AI (ราคา 22,900 บาท)
หุ่นยนต์ตัวนี้ใช้ระบบนำทางด้วย AI และ Laser เพื่อตรวจจับสิ่งกีดขวาง และเพื่อการทำงานที่แม่นยำมากขึ้น ระบบทำความสะอาดเป็นแบบ 4-in-1 คือมีแปรงด้านข้าง 2 ด้านสำหรับมุมห้อง, แปรงตรงกลางสำหรับฝุ่น เศษขยะขนาดใหญ่, มอเตอร์สำหรับดูดฝุ่น และระบบ Aqua Force สำหรับถูทำความสะอาดพื้น
5. Dreame Bot W10 (ราคา 29,900 บาท)
จุดเด่นของหุ่นยนต์ตัวนี้คือ นอกจากจะดูดฝุ่นได้แล้ว ยังสามารถถูพื้นแบบที่ใช้แรงกดคล้ายกับการถูพื้นจริงๆ ของคน แต่ที่พิเศษสุดๆ คือ ที่บริเวณแท่นชาร์จ หุ่นยนต์ตัวนี้สามารถซักและอบผ้าถูพื้นเองได้
6. AUTOBOT Lazer 6 (ราคา 32,900 บาท)
หน้าตาหุ่นยนต์ตัวนี้อาจจะคล้ายกับหลายๆ แบรนด์ แต่ความพิเศษอยู่ที่การทำงานที่เขาบอกว่าของเขา 6 in 1 ทั้ง ดูดฝุ่น, ถูพื้นด้วยระบบสั่นแบบคนถู, ผลิตน้ำยาฆ่าเชื้อออร์แกนิก (น้ำอิเล็กโทรไลต์), ซักผ้าถู และอบผ้าถู ได้ในเครื่องเดียว
7. Roborock S8 Pro Ultra (ราคา 35,000 บาท)
เป็นอีกหนึ่งหุ่นยนต์ดูดฝุ่นถูพื้นที่ดูแลตัวเองได้ เพราะความสามารถของเขาคือ ดูดฝุ่น ถูพื้น และมาพร้อมกับแท่นชาร์จที่เก็บฝุ่น ซักผ้าถู เติมน้ำ และระบบชะล้างตนเอง อัตโนมัติ
8. HOBOT LEGEE 7 (ราคา 19,900 บาท)
รุ่นนี้จุดเด่นอยู่ที่การขัดพื้น คือจะใช้ระบบผ้า 2 ผืนที่มีแรงขัด 1.8 กิโลกรัมที่ 900 รอบ ผ้าหน้าสำหรับขัด ดันฝุ่น ซับน้ำ ผ้าหลังสำหรับขัดเงา และยังมาพร้อมคำสั่งเสียงผ่าน Siri และ Google Assistant ได้อีกด้วย
9. Mi Robot Vacuum-Mop 2 Ultra (ราคา 14,999 บาท)
หุ่นยนต์ตัวนี้ก็เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ที่เป็นบ้าน เพราะมีระบบหลบหลีกสิ่งกีดขวางที่แม่นยำแบบ 3 มิติ ป้องกันอุบัติเหตุจากการกระแทก สามารถข้ามสิ่งกีดขวางที่มีความสูงไม่เกิน 20 มิลลิเมตร ข้ามวงกบประตูและพรมได้ง่ายดาย แถมแบตเตอรี่ความจุสูงถึง 5,200 mAh ชาร์จครั้งเดียวทำความสะอาดได้ถึง 240 ตารางเมตร
10. Lydsto W2 (ราคา 26,990 บาท)
นี่เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คุ้มค่ามากๆ เพราะมีฟังก์ชัน ทั้ง ดูดฝุ่น, ถูพื้นแบบมีแรงกด, ซักผ้าถูพื้น, อบผ้าถูพื้น และยังสร้างน้ำยาถูพื้นเองได้อีกด้วย เรียกได้ว่าเครื่องเดียวครบทุกฟังก์ชัน
ภาพ: แบรนด์ / gettyimages