เมื่อร่างกายไม่สมบูรณ์พร้อมเหมือนผู้อื่น หากชีวิตยังคงต้องก้าวเดินต่อไป สิ่งสำคัญที่จำเป็นต้องมีคือกำลังใจ และพลังที่จะคอยช่วยเหลือประคองให้ลุกขึ้นมาเสริมสร้างชีวิตให้ดำเนินต่อ รู้กันหรือไม่ว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีคนพิการจำนวนมากถึงกว่า 3 ล้านคน โดยครึ่งหนึ่งเป็นผู้พิการทางการเคลื่อนไหวร่างกาย ที่ต้องการความช่วยเหลือทั้งในด้านร่างกายและจิตใจ เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้สะดวกมากขึ้น รวมถึงใช้ความสามารถประกอบอาชีพ ให้เป็นผู้มีรายได้พึ่งพาตนเอง และเป็นที่ยอมรับของสังคม ซึ่ง THE STANDARD ได้รับทราบเกี่ยวกับโครงการดีๆ ที่สร้างสรรค์ดำเนินการเพื่อให้ชีวิตของคนพิการดีขึ้น และพร้อมจะมีพลังก้าวเดินต่อไป จึงอยากจะนำมาบอกต่อให้ทุกๆ คนได้ฟัง
เพชร โอสถานุเคราะห์
ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน)
“ดีเอ็นเอที่อยู่คู่กับโอสถสภามาอย่างยาวนานคือแนวคิดการทำธุรกิจที่มุ่งคืนกำไรกลับคืนสู่สังคม โดยเน้นสร้างเครือข่ายความช่วยเหลือ เพื่อส่งมอบความช่วยเหลือที่ยั่งยืนที่สุด โครงการ Life Must Go On…พลังเพื่อก้าวต่อไป จึงสร้างเครือข่ายที่เข้มแข็ง รวมพลังจากภาคส่วนต่างๆ เพื่อช่วยเหลือคนพิการให้กลับมามีพลังก้าวต่อ พร้อมฝ่าฟันทุกอุปสรรคด้วยใจที่เข้มแข็ง” เพชร โอสถานุเคราะห์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) เล่าถึงแรงบันดาลใจในการริเริ่มโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม โดยเฉพาะคนพิการโครงการนี้
ด้วยวิสัยทัศน์ ‘Power to Enhance Life’ หรือ ‘พลังเพื่อเสริมสร้างชีวิต’ ของบริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) โครงการ Life Must Go On…พลังเพื่อก้าวต่อไป จึงมีเป้าหมายที่จะให้ความช่วยเหลือคนพิการในด้านต่างๆ อย่างครบทุกมิติ ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ให้พร้อมที่จะสามารถพึ่งพาตัวเองและก้าวเดินต่อไปได้ โครงการนี้จะสำเร็จไปไม่ได้หากไม่มีสามพลังสำคัญที่มาร่วมมือกัน ได้แก่ พลังจากหน่วยงานท้องถิ่น เช่น หน่วยงานด้านการปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานด้านสาธารณสุขในพื้นที่ พลังจาก ‘OSP Hero’ หรือพนักงานจิตอาสาของโอสถสภาและบริษัทในเครือ ซึ่งมีจำนวนมากถึง 900 ชีวิต และพลังจากคนพิการเอง ที่จะลุกขึ้นมาเพื่อปลุกศักยภาพ สร้างเสริมกำลังใจให้กับตนเอง
คนพิการในโครงการจะได้รับความช่วยเหลือทั้งในด้านการปรับสภาพบ้านให้สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ด้วยตัวเอง และยังช่วยเสริมสร้างพลังชีวิตให้พวกเขากลับมามีความภูมิใจในตนเองได้อีกครั้ง ตามแนวคิด ‘ให้เบ็ดดีกว่าให้ปลา’ ซึ่งมุ่งเน้นให้คนพิการสามารถประกอบอาชีพหาเลี้ยงชีพตัวเองได้ โดยไม่ต้องสูญเสียความมั่นใจในการใช้ชีวิตไป เนื่องจากคนจำนวนมากนั้นไม่ได้พิการมาแต่กำเนิด เมื่อถึงคราวโชคร้ายประสบเหตุให้ต้องพิการก็มักจะคิดว่าตัวเองด้อยค่า ทำอะไรไม่ได้ ต้องเป็นภาระของครอบครัวญาติพี่น้อง ทว่าเมื่อพวกเขาได้รับการส่งเสริมสอนอาชีพที่เหมาะสม เช่น ปลูกถั่วงอก เพาะเห็ด สานกระเป๋า ทำขนม ฯลฯ ก็จะสามารถหาเลี้ยงตัวเองได้ ทำให้เกิดความมั่นใจที่จะใช้ชีวิตต่อ เพราะเมื่อไม่ต้องเป็นภาระของใคร ก็ย่อมจะค้นพบถึงคุณค่าและความหมายในตนเอง
ทั้งนี้นอกจากสอนอาชีพให้แล้ว ทางโครงการฯ ยังได้จัดหาเครื่องไม้เครื่องมือที่จำเป็นในการประกอบอาชีพ รวมถึงรับเป็นที่ปรึกษา ช่วยออกแบบตราสินค้า บรรจุภัณฑ์ ตลอดจนจัดหาตลาด สร้างช่องทางการจัดจำหน่าย เพื่อให้คนพิการมีรายได้ นับได้ว่าเป็นโครงการที่เอาจริงเอาจัง และผ่านการคิดสร้างสรรค์มาเป็นอย่างดีให้สามารถดำเนินการเพื่อช่วยให้คนพิการลุกขึ้นมาช่วยเหลือตัวเองได้อย่างแท้จริง ทำให้คนพิการหลายชีวิตสามารถช่วยแบ่งเบาภาระของครอบครัวได้อย่างน่าชื่นชม
ทีมอาสาสมัคร OSP Hero ของโอสถสภา
ด้านรายละเอียดของการเสริมสร้างพลังให้คนพิการอย่างเป็นรูปธรรมนั้น นอกจากจะมีหน่วยงานด้านสาธารณสุขในพื้นที่ ซึ่งจะช่วยดูแลฟื้นฟูสภาพร่างกายให้แก่คนพิการแล้ว ทางทีมอาสาสมัคร OSP Hero ของโอสถสภายังจะลงพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานด้านการปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อพูดคุยสอบถามคนพิการ และนำข้อมูลที่ได้มาออกแบบบ้านให้ตรงตามความต้องการในการใช้ชีวิตประจำวันของผู้พิการแต่ละรายให้มากที่สุด จากนั้น OSP Hero ก็จะช่วยกันลงมือซ่อมแซมและปรับปรุงบ้านตามความถนัดของแต่ละคน โดยมี OSP Hero จากฝ่ายซ่อมบำรุง ผู้ถือเป็นหัวแรงหลักในการดูแลด้านงานโครงสร้าง การต่อระบบประปา-ไฟฟ้า ในขณะที่ OSP Hero จากหน่วยงานอื่นๆ ก็มาช่วยกันเติมเต็มในส่วนต่างๆ อาทิ การตกแต่ง การเตรียมพื้นที่สำหรับเพาะปลูกผัก
ที่ผ่านมาในปี 2562 นี้ โอสถสภาสามารถปรับปรุงบ้านได้มากถึง 30 หลังตามเป้าหมายที่ได้วางเอาไว้ และเมื่อเร็วๆ นี้ ผู้บริหารและบรรดาจิตอาสา OSP Hero ก็ได้ลงพื้นที่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อร่วมภารกิจสร้างบ้านให้กับคนพิการรายที่ 30 ของโครงการ นั่นคือ สุรศักดิ์ กิจจารักษ์ อายุ 44 ปี ซึ่งมีแขนขาซ้ายอ่อนแรงและพูดไม่ได้จากโรคหลอดเลือดสมองแตก กลายเป็นคนพิการติดบ้าน จากเดิมที่เคยทำงานเป็นพนักงานขับรถ ทำให้แม่และน้องชายต้องรับภาระดูแล อีกทั้งบ้านที่อยู่อาศัยหลังเดิมก็มีสภาพทรุดโทรมและยังถูกไล่ที่ โครงการ Life Must Go On…พลังเพื่อก้าวต่อไป จึงได้ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือสร้างบ้านบนพื้นที่ใหม่ โดยได้นำอิฐเตาเผาเก่าจากโรงงานมาทำผนังบ้าน และติดตั้งระบบไฟฟ้า-ประปา พร้อมอุปกรณ์ช่วยเหลือต่างๆ ภายในบ้าน อีกทั้งยังได้มอบรถเข็น ซึ่งช่วยให้สุรศักดิ์สามารถออกจากบ้านได้อย่างปลอดภัยและสะดวกมากขึ้น พร้อมสอนงานสานเส้นพลาสติกและการปลูกถั่วงอกเพื่อเป็นอาชีพสร้างรายได้
ด้าน วงเดือน นามนใส อายุ 34 ปี อดีตพนักงานขายโทรศัพท์มือถือ หลังประสบอุบัติเหตุจนขาพิการ ส่งผลให้ต้องหย่าร้าง มีความเครียดสะสมจนเกิดภาวะโรคหลอดเลือดสมองแตกซ้ำ มีชีวิตที่ยากลำบาก เพราะนอกจากตัวเธอเองจะพิการแล้ว เธอยังมีภาระต้องเลี้ยงดูแม่ที่พิการติดเตียง และลูกสาววัยเรียนชั้นประถมอีก 2 คน โครงการ Life Must Go On…พลังเพื่อก้าวต่อไป จึงได้เข้าไปช่วยเหลือ ปรับสภาพบ้าน ทั้งราวบันได ราวจับในห้องน้ำ เปลี่ยนก๊อกน้ำ และประตูห้องน้ำ พร้อมมอบอุปกรณ์ทำครัว และสอนวิธีการทำขนมโดนัท เพื่อเป็นอาชีพสร้างรายได้ โดยลูกสาวจะนำขนมโดนัทไปขายที่โรงเรียนเพื่อช่วยหาเลี้ยงครอบครัว อีกทั้งหน่วยงานในท้องถิ่นก็ได้เข้ามาช่วยอุดหนุนขนมไปเป็นของว่างในการประชุมด้วย ทำให้วันนี้วงเดือนและครอบครัวกลับมามีรอยยิ้มได้อีกครั้ง
วงเดือน นามนใส
โครงการ Life Must Go On…พลังเพื่อก้าวต่อไป สามารถช่วยเหลือและเปลี่ยนชีวิตของคนพิการได้มากมาย ซึ่งเป็นผลมาจากการรวมพลังกันของภาคส่วนต่างๆ เมื่อพลังเล็กๆ หลอมรวมกันก็จะกลายเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ โครงการนี้จะไม่สามารถทางเดินมาถึงจุดนี้ได้เลยหากขาดซึ่งพลังใดพลังหนึ่ง ทุกๆ พลังล้วนช่วยให้ผู้พิการสามารถก้าวข้ามอุปสรรคในชีวิต และก้าวต่อไปข้างหน้าได้อย่างมีความสุข ภาคภูมิใจ และเป็นประโยชน์ต่อสังคมต่อไป
ทั้งนี้ โครงการ Life Must Go On…พลังเพื่อก้าวต่อไป มีเป้าหมายว่าจะช่วยเหลือคนพิการให้ได้รวม 130 คน ในพื้นที่ 4 จังหวัดที่โอสถสภามีโรงงานตั้งอยู่ ได้แก่ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ อยุธยา และสระบุรี ภายในปี 2564 ซึ่งเป็นปีที่โอสถสภาครบรอบการก่อตั้งและก้าวย่างสู่ปีที่ 130 นับเป็นอีกหนึ่งโครงการดีๆ ที่ THE STANDARD คิดว่าสร้างสรรค์สังคมได้อย่างยั่งยืนและน่าชื่นชมเหลือเกิน
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า