ในยุคที่ผู้บริโภคเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้รวดเร็ว ทั่วถึง มีทางเลือกมากมายให้ตัดสินใจ ทำให้การแข่งขันของทุกธุรกิจรุนแรงมากยิ่งขึ้น เพื่อเอาชนะใจลูกค้าที่นับวันจะขายของยากขึ้นเรื่อยๆ และวิธีการเดิมก็ไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป นี่คือยุคของผู้บริโภคโดยแท้จริง ผู้เล่นรายเล็กจึงสามารถขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็วในพื้นที่ของตนเอง นำเสนอสินค้าและบริการได้ตรงใจจนแซงหน้ารายใหญ่ได้มากขึ้น
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็เช่นเดียวกัน ทุกสายตาขณะนี้จับจ้องไปที่ AssetWise ผู้พัฒนาโครงการคุณภาพที่เติบโตรวดเร็ว มองเกมขาดและอ่านความต้องการของลูกค้าได้ชัดเจน มีแผนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2562 นี้ จุดเริ่มต้นของธุรกิจมาจากสองมือของ เล็ก-กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารวิสัยทัศน์ไกล นี่คือเรื่องราวของคนที่คิดใหญ่จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ และสร้างมันให้เป็นจริงได้ในที่สุด
จากมนุษย์เงินเดือนผู้ใฝ่รู้ สู่นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ดาวรุ่ง
“ผมเป็นคนประเภทคัน อยากรู้อะไรก็ไปเรียน ตอนทำงานผมก็สนใจ Know How ของแผนกอื่นอยู่แล้ว ผมเป็นวิศวกรแต่ก็ไปขออบรมนอกสายงานอย่างบัญชีหรือการตลาด เราสนใจเรื่องการทำธุรกิจ ไม่ใช่แค่ความรู้ที่เราทำอย่างเดียวคือการก่อสร้าง”
เล็ก กรมเชษฐ์ แชร์ประสบการณ์ชีวิตของอดีตวิศวกรที่ทำงานในยุควิกฤตต้มยำกุ้ง 2540 เขาทำงานให้บริษัทและอยู่เป็นคนสุดท้ายก่อนที่บริษัทปิดตัว จนสถานการณ์เศรษฐกิจเริ่มคลี่คลายในอีก 4-5 ปีให้หลัง เขาจึงเริ่มทำธุรกิจในวัย 30 ต้นๆ ด้วยการรับติดป้ายขายบ้าน สำนักงาน ตามพื้นที่ต่างๆ จากนั้นเริ่มจับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เต็มตัว ด้วยการกู้เงินธนาคารไปซื้อทาวน์เฮาส์ที่โครงการขายไม่ดีหรือค้างสต็อกเอามาตกแต่งใหม่แล้วประกาศขาย แม้กำไรยังอยู่ที่หลักแสนบาท แต่ก็ถือว่าผลตอบรับค่อนข้างดี
บริษัทของเขาจับตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบโครงการขนาดเล็กต่อเนื่อง จนเมื่อปี 2556 ร่วมลงทุนกับหุ้นส่วนเปิดอีกบริษัทเพื่อสร้างคอนโดฯ ขายเป็นครั้งแรก โดยต้องการทำเพื่อสะสมความรู้และประสบการณ์ เพราะเชื่อว่าโครงการแรกๆ นั้นยากที่จะได้กำไร จากนั้นนำความรู้มาต่อยอดและพัฒนาธุรกิจเรื่อยมา จนปัจจุบันเปิดตัวคอนโดฯ ไปแล้วถึง 22 โครงการ
“รายใหญ่ๆ สร้างมาตรฐานการบริการไว้ดีแล้ว แต่รายเล็กๆ นี่สิจะทำได้แบบเขาหรือเปล่า เราต้องพยายามทำให้ได้ ไม่ปัดความรับผิดชอบ ที่ AssetWise มีแผนกควบคุมคุณภาพ หรือ QC ขั้นแรกผู้รับเหมาจะตรวจก่อน ขั้นสองบริษัทคอนซัลต์จะตรวจดู แล้วยังมีทีม QC เราตรวจอีกทีเป็นขั้นที่สามเพื่อให้ข้อผิดพลาดไปถึงลูกค้าน้อยที่สุด ถ้าเราอยากเป็นมาตรฐานแบบรายใหญ่ เราก็ต้องทำให้ได้แบบที่รายใหญ่ทำ” กรมเชษฐ์กล่าว
สิ่งที่เป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจของเขาท่ามกลางคู่แข่งรายใหญ่เจ้าตลาดเดิมทั้งหลายคือ ความเข้าใจในความต้องการของตลาด โดยเห็นว่าการทำธุรกิจต้องรู้ภาพกว้าง เข้าใจว่าผู้บริโภคสนใจอะไร มีไลฟ์สไตล์เป็นอย่างไร กรณีที่เป็นคนกำลังซื้อน้อย เขาจะสนใจเรื่องอะไร เรื่องการกู้ 100% หรือเปล่า ส่วนคนมีเงินมากก็อาจจะดูว่าซื้อสองหลังลดได้เท่าไร ซึ่งเงื่อนไขแตกต่างกัน
เล็ก กรมเชษฐ์ มองว่า ที่อยู่อาศัยเป็นสินค้าไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย เจ้าของแบรนด์ต้องทำให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายของตน กระทั่งสำนักงานขายก็ต้องตกแต่งให้เหมาะกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมายของเราเพื่อสร้างความประทับใจ ณ จุดให้บริการ (Touchpoint)
แนวทางในการก่อสร้างแบบ AssetWise คือ การป้องกันข้อผิดพลาด (Prevention) โดยเชื่อว่าการเริ่มต้นที่ดีสำคัญมาก กรณีที่เกิดปัญหาหนึ่งจุดในไซต์งาน ทางทีมจะไปตรวจสอบว่ามาจากช่างคนใด จากนั้นจะไล่ตรวจสอบทั้งหมดว่าช่างคนนี้ทำตรงไหนอีกบ้างอย่างละเอียด ทุกขั้นตอนต้องเป็นมืออาชีพ
เทคนิคสำหรับองค์กรขนาดเล็ก ความเร็วในการทำธุรกิจนั้นสำคัญที่สุด กรณีที่เปิดโครงการใหม่ที่มีคู่แข่งในพื้นที่เดียวกัน กรมเชษฐ์จะรีบส่งคนไปชิงทำเลติดป้ายในตำแหน่งที่ดีที่สุดในช่วงสุดสัปดาห์ ซึ่งองค์กรใหญ่ๆ มักเคลื่อนไหวช้ากว่า ซึ่งจะช่วยการรับรู้และสร้างโอกาสในการขายได้เร็วกว่า
“ถ้าห้องเราขนาดเล็กกว่าแต่ประโยชน์ใช้สอยได้ไม่แพ้กัน ของเราก็ถือว่าประหยัดกว่า เงินที่ลูกค้าจ่ายไปทุกบาทต้องมีคุณค่า เราให้ความสำคัญกับการออกแบบเยอะมาก เราต้องคิดละเอียดและออกแบบอาคารใหม่ทุกครั้ง แปลนห้องแบบเดียวกันก็ยังต้องตกแต่งให้ต่างกันตามเทรนด์ในช่วงนั้นๆ”
นอกจากนี้ AssetWise ยังพัฒนาบริการด้านชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีของลูกบ้าน ผ่าน Health Solution โดยมีที่ปรึกษาด้านสุขภาพไปตอบคำถามสุขภาพให้ลูกบ้าน กำหนดตารางเยี่ยมที่ชัดเจน รวมถึงการสอนการใช้ฟิตเนสให้ถูกต้อง และยังทำข่าวและสาระด้านสุขภาพออนไลน์ให้กับลูกบ้านด้วย นอกจากนี้ยังสร้างมูลค่าเพิ่มให้ธุรกิจด้วยการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้งาน
“ผมว่าเทคโนโลยีมันไม่ได้แพง เราจ่ายได้ เราสนใจว่าอันไหนเอามาใช้ได้จริงมากกว่า เราไม่ต้องไปคิดอะไรใหญ่ แค่ทำให้อยู่สบาย เทคโนโลยีที่ดีที่สุดอาจไม่ได้เหมาะสมกับลูกค้าก็ได้ ถ้าล้ำไปมากแต่ไม่เข้ากับไลฟ์สไตล์ก็เปลืองต้นทุนเปล่าๆ”
ถือว่าแนวคิดในการบริหารธุรกิจของ AssetWise ไม่ธรรมดาทีเดียว การนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงใจผู้บริโภคยังเป็นที่สุดของกลยุทธ์ด้านการตลาด จึงทำให้เล็ก กรมเชษฐ์พาองค์กรเติบโตต่อเนื่องได้สิบกว่าปีที่ผ่านมา และพร้อมก้าวไปสู่จุดที่ใหญ่กว่าเร็วๆ นี้
ตั้งเป้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ปี 2562 เน้นสร้างคน ทำงานเป็นทีม
ปี 2562 นี้ AssetWise วางแผนที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และพร้อมเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนครั้งแรก (IPO) ในช่วงไตรมาสที่ 3 และในระหว่างปี 2561 จะเป็นการดำเนินการด้านเอกสารทั้งหมด โดยมองว่าการเข้าตลาดหุ้นจะทำให้ระดมทุนได้มากขึ้นเพื่อนำไปใช้ในการแข่งขันทางธุรกิจ เพราะหากไม่มีเงินทุน โอกาสในการซื้อที่ดินแปลงที่มีศักยภาพก็ยาก รายใหญ่ในตลาดจะถือครองหมดและผลักดันให้รายเล็กต้องออกไปพัฒนาโครงการนอกเมืองแทน
“ผมวางแผนธุรกิจเป็นขั้นคือ Survive (อยู่รอด) ที่ผ่านมามีอะไรเราทำหมด เปิดโครงการถี่มาก เหนื่อยหน่อยแต่ก็ทำให้อยู่ได้ ขั้นต่อไปคือ Stable (เข้าที่) เราจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ เข้าถึงเงินได้มากขึ้น ธุรกิจก็จะมั่นคง และสุดท้ายเราจะ Synergy (ประสานพลัง) ทำอย่างอื่นต่อได้ เช่น ห้างสรรพสินค้าหรือโรงแรม ผมมองว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังมีอะไรให้ทำอีกเยอะเลย”
ที่ผ่านมามีทุนจากประเทศจีนพยายามเข้ามาขอร่วมทำธุรกิจด้วย แต่ผู้บริหาร AssetWise มองว่าต้องรอให้เข้าตลาดหุ้นให้ได้ก่อนจึงจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ถ้าจะร่วมลงทุนต้องไม่เสียเปรียบและโตไปด้วยกัน
ไม่เพียงแต่วิสัยทัศน์ด้านธุรกิจ การบริหารจัดการความสุขของคนในองค์กรยังเป็นเรื่องใหญ่ที่เขาให้ความสำคัญด้วย โดยเลือกที่ตั้งสำนักงานที่ถนนรามอินทรา รับพนักงานในพื้นที่ซึ่งพวกเขาจะไม่เสียเวลาไปกับการเดินทางมากเหมือนกับคนที่เลือกทำงานในเมือง ส่วนพนักงานระดับจัดการมักจะมีรถเป็นของตนเองอยู่แล้ว การเดินทางไป-กลับจากออฟฟิศถือว่าสวนทางกับคนส่วนมาก จึงค่อนข้างสะดวก ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี นอกจากนี้ยังสร้างสิ่งแวดล้อมของที่ทำงานให้น่าอยู่เพื่อทำให้พนักงานมีความสุขตามคอนเซปต์ ‘Happiness of Living’ คือลูกค้ามีความสุข พนักงานก็ต้องมีความสุขด้วย
“เราต้องทำงานเป็นทีม เก่งคนเดียวไม่ได้ บางปัญหาซับซ้อนเกินกว่าที่คนคนเดียวจะเป็น Super Hero ที่ทำเองได้หมด เราต้องผลักดันคนที่มีอยู่ของเราให้เก่งขึ้น ใครอยากจะอบรม อยากจะรู้อะไร เราก็หาคนมาอบรมให้ วันข้างหน้าพอเราเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นที่รู้จักมากขึ้น ธุรกิจดีขึ้น คนเก่งก็จะเข้ามาหาเราเอง”
กรมเชษฐ์เชื่อมั่นเรื่องของการสร้างคนและทีมเวิร์ก โดยเชื่อว่าถ้าองค์กรมีคนเก่งที่ร่วมมือร่วมใจกันทำงาน จะพาธุรกิจไปสู่ความยิ่งใหญ่ได้ในที่สุด
สำหรับคนต้นแบบ หรือ Role Model ของผู้บริหารหนุ่มรายนี้กลับไม่ใช่นักธุรกิจวงการอสังหาริมทรัพย์ด้วยกัน หากแต่เป็น ต่อ-ธนญชัย ศรศรีวิชัย ผู้กำกับโฆษณามือหนึ่งของประเทศ
“ฮีโร่ในใจของผมคือ พี่ต่อ ฟีโนมีน่า มีอยู่คลิปหนึ่งในปัจฉิมนิเทศของนักศึกษา มีน้องถามว่าพี่ต่อเป็นเทพแล้ว คนก็จ้างพี่ราคาสูง พวกผมจะไปขายราคาเท่าพี่ได้ยังไง พี่ต่อตอบว่า ตอนที่ยังลำบากเขาก็นั่งรถเมล์ไปส่งงานเหมือนกัน บางวันหักค่ารถแล้วเหลือเงินร้อยเดียว แต่เขาก็ยังทำต่อไปเรื่อยๆ ต้องไม่ลดมาตรฐานของตัวเอง ถ้าอยากเป็นเทพก็ต้องทำมาตรฐานให้ได้แบบเทพด้วย
“หลายๆ อย่างคนมองแค่ตอนที่สำเร็จแล้ว แต่จริงๆ ทุกอย่างเกิดจากการฝึกฝน ใส่ใจ ทำต่อเนื่องจนกว่าจะสำเร็จ นักกีฬาที่ยิ่งใหญ่เขาก็ซ้อมหนักๆ กันทั้งหมด”
เล็ก กรมเชษฐ์ ผู้บริหาร AssetWise ถือเป็นตัวอย่างหนึ่งของคนที่สร้างธุรกิจจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเองด้วยความตั้งใจ ใฝ่รู้ มีแพสชันในการทำธุรกิจอย่างแท้จริง คงต้องรอดูว่าก้าวต่อไปหลังจากการเข้าตลาดหุ้นจะเป็นดังหวังหรือไม่
อย่างน้อยตอนนี้เขาก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเส้นทางที่ยิ่งใหญ่นั้นเริ่มต้นจากก้าวเล็กๆ เสมอ