สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อทุกประเทศ รวมถึงประเทศศูนย์กลางทางการเงินของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่าง สิงคโปร์ ที่ล่าสุด ลีเซียนลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ กล่าวว่า เศรษฐกิจของสิงคโปร์น่าจะไม่ฟื้นตัวอย่างสดใส ไม่ต่างจากตลาดการส่งออกในยุโรปหรือสหรัฐฯ ที่ต้องเจอกับการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่
ทั้งนี้แม้ว่าหลายเซกเตอร์จะปรับตัวดีขึ้นหลังการคลายมาตรการล็อกดาวน์ เช่น ธุรกิจสายการบิน ขนส่ง และการท่องเที่ยว แต่ยังต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด เพราะการระบาดระลอกสองยังเป็นความเสี่ยงสำคัญที่ต้องจับตาทั่วโลก ดังนั้นรัฐบาลของสิงคโปร์ต้องสร้างสมดุลระหว่างการออกมาตรการควบคุมการระบาดและความเสี่ยงที่อาจเกิดการระบาดระลอกใหม่
“เราไม่สามารถผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดในปัจจุบัน และหวังว่ากรณีการติดเชื้อโควิด-19 จะทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ เหมือนที่การกลับมาเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจดังเดิมก็ทำให้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่มาจากต่างประเทศบ้าง”
ขณะที่ไตรมาส 3/63 GDP สิงคโปร์ติดลบ 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและอัตราการว่างงานเพิ่มสูงขึ้นสูงสุดตั้งแต่ปี 2547
ทั้งนี้ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2563 สิงคโปร์มีการเลือกตั้งระดับประเทศ และ ลีเซียนลุง ยังได้รับชัยชนะด้วยเสียงข้างมาก
ลีเซียนลุง ยังบอกว่า การบริหารจัดการเศรษฐกิจในช่วงที่ตกต่ำและยืดเยื้อถือเป็นความท้าทายมาก เพราะบางธุรกิจต้องยอมรับว่าอาจไม่สามารถดำรงอยู่ได้หากขาดการสนับสนุนของภาครัฐ และแน่นอนว่าการสนับสนุนของภาครัฐไม่อาจให้ได้ตลอด
“เป็นหน้าที่ของผมที่จะทำให้ประเทศของเราข้ามผ่านวิกฤตนี้ไป ก่อนที่จะส่งต่อความรับผิดชอบนี้ที่จะทำให้สิงคโปร์ที่สุขภาพดีไปสู่ทีมต่อไปและในมือที่ดี”
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: