ประธานาธิบดีมิเชล อูน ของเลบานอน เรียกประชุมคณะรัฐมนตรีฉุกเฉินในวันนี้ (5 สิงหาคม) พร้อมแสดงท่าทีว่าควรมีการประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เพื่อรับมือสถานการณ์จากเหตุระเบิดรุนแรงที่เกิดขึ้นในคลังสินค้าบริเวณท่าเรือกรุงเบรุต โดยแรงระเบิดสร้างความเสียหายรุนแรงเป็นวงกว้าง ครอบคลุมรัศมีหลายกิโลเมตร และคร่าชีวิตประชาชนไปอย่างน้อย 78 คน บาดเจ็บมากกว่า 4,000 คน
รายงานของสื่อหลายสำนัก ชี้ว่าต้นตอของการระเบิดที่สร้างแรงสั่นสะเทือนเทียบเท่าแผ่นดินไหวขนาด 3.3 และทำให้สภาพเมืองพังพินาศอย่างหนัก เกิดจากสารแอมโมเนียมไนเตรทที่ใช้ผลิตระเบิดน้ำหนักรวมกว่า 2,750 ตัน ซึ่งทางการยึดมาจากเรือสินค้าเมื่อ 6 ปีก่อน และนำมาเก็บไว้ที่คลังแห่งนี้
ขณะที่ประธานาธิบดีอูนโพสต์ข้อความทางทวิตเตอร์ ว่าเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้ ที่มีการนำสารเคมีอันตรายปริมาณมากมาเก็บไว้ในคลังสินค้านานกว่า 6 ปี โดยไม่มีมาตรการป้องกันความปลอดภัย พร้อมประกาศว่าผู้ที่รับผิดชอบจะต้องถูกลงโทษขั้นรุนแรง เช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรีฮัสซัน ดิอาบ ของเลบานอน ที่ประกาศเดินหน้าหาตัวผู้รับผิดชอบมาลงโทษ
“ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ผมจะไม่พักผ่อนจนกว่าจะหาตัวฝ่ายที่รับผิดชอบในเหตุที่เกิดขึ้น ซึ่งถือเป็นความรับผิดชอบและจะต้องดำเนินการลงโทษขั้นรุนแรงที่สุด” นายกรัฐมนตรีดิอาบ กล่าว
ทั้งนี้ ผู้นำเลบานอนประกาศว่ารัฐบาลจะสนับสนุนงบประมาณ 66 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2,045 ล้านบาท (ข้อมูลอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 5 สิงหาคม) เพื่อตั้งกองทุนฉุกเฉินสำหรับเยียวยาความเสียหาย พร้อมประกาศไว้อาลัยอย่างเป็นทางการทั่วประเทศเป็นเวลา 3 วัน เริ่มตั้งแต่วันนี้
สำหรับสถานการณ์ล่าสุดนั้น ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยและสภาเสี้ยววงเดือนแดง ยังคงพยายามเร่งค้นหาผู้รอดชีวิตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ทางการเลบานอนยังอยู่ระหว่างสืบสวนสาเหตุการระเบิดที่แน่ชัด ซึ่ง พล.อ. อับบาส อิบราฮิม หัวหน้าฝ่ายความมั่นคงของเลบานอน เปิดเผยว่าทางการกำลังสืบสวนว่าเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นเป็นความตั้งใจจุดระเบิดหรือไม่ และเตือนประชาชนว่าอย่าคาดเดาไปล่วงหน้า หรือสันนิษฐานเอาเองว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำของกลุ่มก่อการร้าย
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: