วันนี้ (8 พฤศจิกายน) เวลา 14.30 น. พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม นำตัว ษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ผู้ต้องหาที่ 1 และ ปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยา ผู้ต้องหาที่ 2 ตามหมายจับศาลอาญา มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกที่ศาลอาญา
ขอฝากขังผู้ต้องหาที่ 1 ในข้อหาฉ้อโกง ฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3 (18) มาตรา 5 มาตรา 9 วรรคสอง และมาตรา 60 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83
และขอฝากขังผู้ต้องหาที่ 2 ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3 (18) มาตรา 5 มาตรา 9 วรรคสอง และมาตรา 60 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาที่ 1 และผู้ต้องหาที่ 2 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
โดยพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง และความเสียหายมีมูลค่าสูง หากผู้ต้องหาที่ 1 และผู้ต้องหาที่ 2 ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว เกรงว่าจะหลบหนีและไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน เป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวนของพนักงานสอบสวน
ทั้งนี้ ศาลอาญาพิจารณาคำร้อง และสอบถามผู้ต้องหาที่ 1 และผู้ต้องหาที่ 2 แล้ว จึงอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาที่ 1 และผู้ต้องหาที่ 2 ได้
ภายหลังเสร็จสิ้นกระบวนการฝากขัง ผู้ต้องหาที่ 1 ไม่ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว
ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวในวงเงิน 500,000 บาท และขอติดอุปกรณ์กำไล EM
ศาลอาญาพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดี พนักงานสอบสวนคัดค้านเกรงจะหลบหนี ยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน และผู้เสียหายคัดค้านเกรงจะหลบหนีไม่ได้รับชดใช้ค่าเสียหายคืน ประกอบกับต้องทำการสอบสวนพยานอีก 10 ปาก อาจเป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวนได้ และเป็นกรณีที่มีความจำเป็นต้องปกป้องกระบวนการแสวงหาข้อเท็จจริงเข้าสู่สำนวนคดี ในชั้นสอบสวนนี้จึงมีเหตุอันสมควรที่จะรอฟังผลให้เสร็จสิ้นก่อน จึงให้ยกคำร้องขอปล่อยชั่วคราว