ถ้าว่ากันตามชื่อเรื่อง เมืองลับแล ก็ฟังดูไม่น่าดึงดูดใดๆ ให้ทั้งคนรุ่นใหม่เก่าอยากจะคลิกเข้าไปดู แต่ละครเรื่องนี้กลับมาแรงแซงหน้าซีรีส์จากนานาชาติจนคว้าอันดับหนึ่งใน Netflix ประเทศไทยได้เมื่อกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งพอจะบอกได้ว่าการนำเอาตำนานพื้นบ้านมาทำใหม่ในครั้งนี้มีความน่าสนใจจนไม่อยากให้พลาด
เมืองลับแลเป็นตำนานพื้นบ้านทางภาคเหนือว่าด้วยเมืองลึกลับที่มีแต่ผู้หญิง โดยผู้คนในเมืองอยู่ในศีลในธรรม ไม่พูดจาโกหก จนกระทั่งชายคนหนึ่งได้เดินตามหญิงสาวเข้าไปในเมืองลับแล ทั้งคู่ได้แต่งงานจนมีลูกด้วยกันหนึ่งคน แล้วชายคนนั้นเผลอหลุดคำโกหกออกมาจนต้องออกจากเมืองลับแล หญิงสาวชาวเมืองได้มอบขมิ้นหลายหัวให้กับเขาติดตัวออกไป และมันกลายเป็นทองเมื่ออยู่นอกเมืองลับแล ชายหนุ่มพยายามกลับไปที่นั่นอีกครั้ง แต่ก็ไม่สามารถกลับไปได้อีกเลย
เมืองลับแลกลายเป็นส่วนหนึ่งของนิยาย ภาพยนตร์ และละครหลายเรื่อง จนกระทั่งในเวอร์ชันล่าสุดก็ได้ผู้กำกับ ชาติชาย เกษนัส ซึ่งเคยฝากผลงานสุดละเมียดอย่าง จากเจ้าพระยาสู่อิรวดี และ เยาวลักษณ์ เมฆกุลวิโรจน์ ก็ได้นำมาตีความใหม่ให้กลายเป็นละครแฟนตาซีว่าด้วยเรื่องรักต้องห้าม การแย่งชิงอำนาจ และการล่มสลายของเมือง เรียงร้อยไปกับประวัติศาสตร์การสร้างทางรถไฟสายเหนือในสมัยรัชกาลที่ 5
เมืองลับแลเป็นเมืองในสายหมอกที่ไม่มีใครเคยเข้าไปถึง ประชากรในเมืองนี้มีแต่ผู้หญิง และต้องมีคุณธรรมสูง คือต้องถือศีล, ห้ามพูดปด และห้ามฆ่าสัตว์ โดยเชื่อว่าเมื่อคุณธรรมต่ำลงเมืองจะถึงคราวล่มสลาย ที่นี่ปกครองโดยแม่เมืองบัว (ป๊อก-ปิยธิดา มิตรธีรโรจน์) ซึ่งมีสายตระกูลสืบต่อในตำแหน่งนี้ถึง 6 รุ่น มีหน้าที่สื่อสารกับแม่โสมหรือเทพจันทราที่ชาวเมืองนับถือ และมีแม่คุ้มอังกาบ (เมย์-ภัทรวรินทร์ ทิมกุล) เปรียบเสมือนแม่ทัพคอยปกป้องเมือง
หญิงสาวที่มีประจำเดือนเมื่ออายุครบ 18 ปีจะผ่านการฝึกและถูกคัดเลือกให้เป็น ‘นักล่าผู้มาร’ เพื่อออกนอกเมืองไปตั้งครรภ์กับผู้ชาย และต้องได้ลูกสาวเพื่อเพิ่มประชากรของเมืองลับแล หากใครไม่ผ่านการคัดเลือกหรือคลอดลูกชายก็จะถูกลดชั้นไปเป็นชนชั้นแรงงาน สร้างความกดดันให้กับ ซอมพอ (โมนิร่า-เพียงฟ้า ยากานิกิ) ลูกสาวของแม่เมืองบัวเป็นอย่างมาก เพราะเธอสนใจเป็นหมอยา และไม่มีความสามารถโดดเด่นเลย แตกต่างจาก กาหลา (จัสมิน- มะลิ มาริสา ฮิวส์) ลูกสาวของแม่คุ้มอังกาบผู้มีความสามารถรอบด้าน ทั้งคู่เป็นเพื่อนรักกัน จนกระทั่งเมื่อออกนอกเมืองก็เกิดมีอะไรบางอย่างทำให้ความสัมพันธ์เปลี่ยนไป
ซอมพอได้พบรักกับ แชน (เจ็ท-ภัทร์ไพบูลย์ โอภาสสุวรรณ) หนุ่มจากเมืองบางกอกในคณะสำรวจทางรถไฟ ส่วนกาหลาก็ได้พบกับ มิน (นนท์-ศดานนท์ ดุรงคเวโรจน์) หนุ่มชาวเงี้ยวเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว ซึ่งหวังจะตามเข้าเมืองลับแลเพื่อนำขมิ้นทองมาซื้ออาวุธให้กับกบฏชาวเงี้ยว
ความรักของซอมพอสร้างความไม่พอใจให้กาหลาอย่างมากเพราะเธอรักซอมพอมากกว่าเพื่อน ในขณะที่สถานการณ์ในเมืองลับแลก็กำลังระส่ำระสาย เมื่อชาวเมืองรู้ความจริงว่าแม่เมืองบัวคือเผด็จการในนามของความดีจนเริ่มมีการก่อกบฏ เส้นทางความรักและการแย่งชิงอำนาจจะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามกันได้ใน เมืองลับแล
การนำตำนานพื้นบ้านมาสร้างเป็นละครไม่ใช่เรื่องใหม่ ซึ่งหลายค่ายละครอย่างดีด้าหรือพอดีคำก็นำมาสร้างให้ดูกันบ่อยๆ แต่หาก เมืองลับแล อยู่ในมือผู้จัดเจ้าอื่นเนื้อหาก็ไม่น่าจะออกมาเป็นแบบนี้ สิ่งที่ต้องชื่นชมเป็นอย่างแรกคือคุณภาพงานด้านโปรดักชันทุกด้านที่ช่วยให้เนื้อเรื่องที่คุ้นเคยมีชีวิตชีวาขึ้นมาได้ แถมยังช่วยให้หลายๆ สถานการณ์ในเรื่องออกมาดูดีทั้งที่น่าตลก อย่างเช่นรอบคัดเลือกที่ต้องมีเรื่องเพศและกิจกรรมพิสดารเข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นต้น
และด้วยเนื้อหาที่ว่าด้วยการล่าผู้ชายเพื่อสืบพันธุ์ ซึ่งจะทำอย่างไรให้เรื่องนี้ดูสดใส น่ารัก และแฝงมุกตลกเข้าไว้ด้วยกันได้ ก็ถือเป็นโจทย์ที่ยาก แต่ เมืองลับแล ทำได้จนไม่รู้สึกว่า ‘ดิงดองนะไม่ใช่ลำไย’ หรือ ‘ดิงดองมันสู้นะลูก’ คือเรื่องลามกและเป็นมุกสร้างไวรัลได้ด้วย ขณะที่ท่าทางเก้ๆ กังๆ ของสาวๆ เมื่อต้องไปเจอกับผู้ชายก็ทำให้คนดูอมยิ้มได้อีกต่างหาก
ในส่วนของบทมีความพยายามใส่กลิ่นอายความเป็นซีรีส์ยูริเข้ามาหน่อยๆ กับความสัมพันธ์ระหว่างกาหลาและซอมพอได้อย่างกลมกล่อม เรียงร้อยไปกับความเข้มข้นด้านภารกิจการล่าผู้มาร โดยปูพื้นฐานให้มีความน่ารักสดใส ทั้งตอนที่อยู่ในเมืองลับแล และเมื่อออกไปเจอกับผู้มารตัวจริง ซึ่งเมื่อมีตัวละครผู้ชายเข้ามาก็ใส่เหตุผลบางอย่างเข้าไปในตัวละคร จนทำให้คนดูหลงรักและจะต้องอกหักเมื่อเนื้อเรื่องเพิ่มดีกรีความเข้มข้นในอนาคต
เมืองลับแล เวอร์ชันนี้ไม่ได้โฟกัสที่เรื่องล่าผู้ชายเพียงอย่างเดียว แต่ใส่แง่มุมการเมืองเชื่อมโยงถึงสถานการณ์ปัจจุบันด้วยเรื่องชนชั้นและการอยู่ภายใต้กฎที่สร้าง ทั้งความเชื่อ (ผ่านแม่โสมหรือเทพจันทรา) ความกลัว (อสูรหมอก) เกื้อหนุนอำนาจเผด็จการของแม่เมืองบัวที่ทำทุกอย่างในนามของความดีให้ทุกคนอยู่ในศีลในธรรม จะยกเว้นก็แต่ตัวเองที่ผิดกฎแทบทุกข้อ ส่วนเมื่อใครปริปากก็ถูกลงโทษอย่างรุนแรงและถูกลดชนชั้น กลายเป็นชนวนสู่การล่มสลายของเมืองลับแลในไม่ช้า
ตอนนี้ เมืองลับแล เดินทางมาถึงอีพีที่ 6 แล้ว โดยเนื้อหาเริ่มคลี่คลายปมชวนดราม่าต่างๆ นำไปสู่พัฒนาการของตัวละคร ที่น่าจับตามองคือบทกาหลาของจัสมิน มีมุมบางอย่างที่พร้อมจะแปรเปลี่ยนเป็นความเด็ดขาด ร้ายกาจ พังทลายความสัมพันธ์ดีๆ กับซอมพอ ส่วนโมนิร่านักแสดงดาวรุ่งจาก สปป.ลาว ก็ถ่ายทอดความเป็นเด็กสาวใสซื่อ น่าทะนุถนอมออกมาได้ดี รวมทั้งการขับเคี่ยวของนักแสดงรุ่นใหญ่อย่าง เมย์ ภัทรวรินทร์ และ ป๊อก ปิยธิดา ซึ่งดูเหมือนฝ่ายหลังจะทวีความโหดร้ายเหนือมนุษย์ขึ้นไปอีกขั้นเมื่อความจริงเปิดเผยออกมา ส่วนสิ่งที่ทำร้ายจิตใจคนดูคือตัดจบแต่ละอีพีได้แบบกระชากใจจนแทบรอดูอีพีถัดไปแทบไม่ไหวกันเลยทีเดียว
เมืองลับแล ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 20.05 น. ทางช่องเวิร์คพอยท์ ทีวี หมายเลข 23 และรับชมย้อนหลังได้เวลา 22.00 น. ทาง Netflix
