กลุ่มอมตะกางแผนปี 2568 ลงทุนในไทยกว่า 7 พันล้านบาท จ่อสร้างโครงการใหม่ ปั้นฐานการผลิตไทยและเวียดนาม เผย สปป.ลาว เว้นภาษีต่างชาติ 30 ปี อานิสงส์ ซื้อที่พัฒนานิคมอมตะซิตี้ นาหม้อ สร้างเป็นเขตเศรษฐกิจใหม่ เปิดประตูการค้าเชื่อมไทย-จีน ตั้งเป้ายอดขายที่โตกว่า 15%
เด่นดาว โกมลเมศ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA เปิดเผยว่า ปี 2568 เป็นปีที่มีความท้าทาย จากปัจจัยต่างๆ ทั้งภายในประเทศที่เศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวช้า ปัญหาค่าครองชีพ รวมถึงหนี้ครัวเรือน และปัจจัยภายนอกประเทศ ภาวะเศรษฐกิจโลก ความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ ไปจนถึงความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าและภาษีของสหรัฐฯ
ส่งผลให้เกิดการขยายฐานการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงไปยังประเทศที่มีศักยภาพ ต้นทุนการผลิตที่ต่ำ และมีความพร้อมทางโครงสร้างพื้นฐาน ดังนั้นกลุ่มอมตะจึงได้เตรียมความพร้อมโดยเตรียมงบลงทุนในไทยไม่ต่ำกว่า 7 พันล้านบาท เพื่อขยายพื้นที่และพัฒนาที่ดินรองรับการลงทุนจากภาคอุตสาหกรรม โดยพื้นที่นิคมในแต่ละแห่งตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ทางด้านการค้าที่สำคัญ
ปัจจุบันกลุ่มอมตะมีสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง โดยสิ้นปี 2567 มีกระแสเงินสดประมาณ 5 พันล้านบาท และยอดขายที่รอรับรู้รายได้จากการโอนอยู่จำนวนมากกว่า 2 หมื่นล้านบาท สำหรับในปี 2568 ตั้งเป้าหมายยอดขายที่ดินทั้งในไทยและต่างประเทศ 3,500 ไร่ เติบโตจากปีก่อนมากกว่า 15% โดยเฉพาะในเวียดนามที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างมาก ทั้งญี่ปุ่น จีน เกาหลี และยุโรป
เด่นดาวกล่าวต่ออีกว่า ส่วนแผนการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทยทั้ง 3 แห่ง ประกอบด้วย นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี, นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง และนิคมอุตสาหกรรมไทย-จีน กลุ่มอมตะจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ทำไมอุตสาหกรรม ‘เซมิคอนดักเตอร์’ โตเร็วสุดในเวียดนาม และยังคงเป็นเสือตัวใหม่แห่งเอเชีย
- เกิดอะไรขึ้นกับเวียดนาม? เมื่อ ‘ซัพพลายเชนแห่งเอเชีย’ ซึ่งเป็นฐานผลิตระดับโลกให้กับ Foxconn-Samsung
- เกิดอะไรขึ้นกับอุตสาหกรรมไทย? FDI อินโดฯ-เวียดนามพุ่ง สวนทาง ‘ไทย’ เดินช้าเสี่ยง…
- ทำไมเศรษฐกิจไทยโต ‘รั้งท้าย’ อาเซียนอีกปีในปี 2024 สถานการณ์น่ากังวลแค่ไหน?
โอซามู ซูโด รักษาการประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แผนการการดำเนินงานในปี 2568 ได้เตรียมความพร้อมพัฒนาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานและนำนวัตกรรมพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาใช้
โดยกลุ่มเป้าหมายสำคัญ ได้แก่ จีนและญี่ปุ่น รวมถึงกลุ่มประเทศแถบยุโรป โดยเฉพาะจีนยังมีทิศทางของการย้ายฐานการลงทุนต่อเนื่อง เป็นผลมาจากมาตรการการขึ้นภาษีของ สหรัฐฯ ทำให้ผู้ประกอบการจีนมีการวางแผนย้ายฐานการผลิต เพื่อการบริหารความเสี่ยงด้านต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น
“ด้วยระบบ Supply Chain และสาธารณูปโภค สิทธิประโยชน์จากนโยบายการส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐ จาก สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทำให้กลุ่มอมตะได้รับความสนใจจากนักลงทุน” ซูโดกล่าว
โดยเฉพาะใน 5 อุตสาหกรรมเป้าหมายหลักตามนโยบายของรัฐบาล ได้แก่
- อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และชิ้นส่วน
- อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB)
- อุตสาหกรรมดิจิทัล Data Center และ Cloud Region
- อุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต
- อุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน
ขณะที่ วรงค์ ตังประพฤทธิ์กุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อมตะซิตี้ ลาว จำกัด กล่าวว่า ยังคงเดินหน้าลงทุนพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ สมาร์ท แอนด์ อีโค ซิตี้ นาหม้อ ใน สปป.ลาว ปัจจุบันมีทั้งหมด 20,000 ไร่ เป็นที่ดินที่พร้อมพัฒนาแล้วจำนวน 5,600 ไร่
“นิคมดังกล่าวถือว่าเป็นเขตเศรษฐกิจแห่งใหม่ของ สปป.ลาว ที่กลุ่มอมตะได้นำนวัตกรรมความยั่งยืนมาพัฒนาและจะผลักดันให้เป็นศูนย์กลางของการพัฒนาอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี เพื่อเป็นประตูการค้าสู่ประเทศจีนตอนใต้ โดยใช้เส้นทางรถไฟความเร็วสูงลาว-จีน เนื่องจากนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวอยู่ห่างจากชายแดนจีนเพียง40กิโลเมตร” วรงค์กล่าว
วรงค์ระบุอีกว่า นิคมอุตสาหกรรมอมตะ สมาร์ท แอนด์ อีโค ซิตี้ นาหม้อ ใน สปป.ลาว ได้รับสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนสูงสุดในภูมิภาค และให้สิทธิการส่งเสริมการลงทุนของนักลงทุนโดยการได้รับยกเว้นภาษี 30 ปี สำหรับผู้ลงทุนใน 7 ปีแรกที่ครอบคลุมอุตสาหกรรมแปรรูปผลิตภัณฑ์ด้านการเกษตร เพื่อสนับสนุนการใช้วัตถุดิบภายในให้มีมูลค่ามากขึ้น อุตสาหกรรมผลิตอุปกรณ์พลังงานทดแทน อุตสาหกรรมผลิตยานยนต์และอาหาร และอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า
ภาพ: Lauren DeCicca / Getty Images