‘ลาวญวน’ ร้านอาหารสไตล์อินโดจีนในเครือบริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ เซ็น กรุ๊ป ประกาศ Re-Positioning ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเติบโตในช่วงครึ่งหลังของปี
ก่อนหน้านี้ลาวญวนต่อยอดมาจากตำมั่ว โดยมีการเพิ่มเมนูญวนเข้าไป แต่ความจริงแล้วเบื้องหลังคือการพัฒนามาจากวิถีชีวิตความเป็นอยู่จริงๆ ของคนในพื้นที่จังหวัดนครพนมและผู้คนริมน้ำโขง ซึ่งมีแนวทางการรับประทานอาหารที่ผสมผสานและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตลอด 11 ปีที่ผ่านมา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘อากะ’ เมกโอเวอร์ กับภารกิจ Revamp Brand ครั้งใหญ่ เพื่อทำให้แบรนด์เข้าถึงวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่ หวังช่วยให้พิชิตยอดขาย 1,500 ล้านบาท
- ตลาดอาหารปิ้งย่าง เล็กไปแล้ว AKA แตกแบรนด์น้องใหม่ ‘AKA SHABU’ บุกตลาดชาบู 2.3 หมื่นล้าน
- AKA มองไฮเปอร์มาร์เก็ตเป็นทำเลทองแห่งใหม่ ชี้การแข่งขันน้อย-ค่าเช่าถูกกว่า วางเป้าหมายใหญ่ขยายใน Lotus’s-Big C ให้ได้ 100 สาขา
“ปีนี้เราอยากให้ภาพแบรนด์ชัดขึ้น เน้นสื่อสารผ่านวัฒนธรรมแบบลูกผสมผ่านวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของ 3 ประเทศเพื่อนบ้าน ไทย-สปป.ลาว-เวียดนาม ที่เกิดขึ้นในจังหวัดนครพนม ให้ผู้บริโภคเห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น” ศิรุวัฒน์ ชัชวาลย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจแบรนด์ไทย บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าว
ลาวญวนตั้งใจวางตำแหน่งตัวเองเพื่อรองรับประสบการณ์การรับประทานอาหารแบบครอบครัวและแบบกลุ่มด้วยเมนูที่หลากหลาย ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อใบเสร็จคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 500-600 บาท ซึ่งสูงกว่าร้านตำมั่วในเครือประมาณ 20%
สิ่งที่น่าสนใจคือนอกจากความพยายามในการรีแบรนด์แล้ว ลาวญวนยังเดินหน้าขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ ภายในสิ้นปี 2566 แบรนด์ตั้งเป้าที่จะเพิ่มอีก 7 สาขา โดยมุ่งเป้าหมายไปที่ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ในเมืองสำคัญๆ และสถานที่สำคัญในภูมิภาคเป็นหลัก
นอกจากนี้ ลาวญวนกำลังสำรวจโอกาสการเติบโตในไฮเปอร์มาร์เก็ต และแม้กระทั่งการพิจารณาที่จะจัดตั้งธุรกิจในตลาดยุโรปและสหรัฐอเมริกาภายใน 3 ปีข้างหน้า นี่เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการขยายฐานลูกค้าและตอบสนองความต้องการในการรับประทานอาหารที่หลากหลาย
เพื่อเร่งการเติบโต ลาวญวนกำลังพิจารณาแฟรนไชส์ ที่ใช้งบลงทุน 5 ล้านบาท ขนาดพื้นที่ประมาณ 100 ตารางเมตร คาดถึงจุดคืนทุนใน 2 ปี ทั้งหมดนี้คาดว่าจะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ลาวญวนมีร้าน 35 สาขา ทั้งในและต่างประเทศ
ในแง่ของการเติบโตทางการเงิน ลาวญวนคาดการณ์รายได้ปีนี้ 300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้กว่า 200 ล้านบาท ปัจจัยหนึ่งที่คาดว่ารายได้จะเปิดไปตามเป้าหมายที่วางไว้คือการเติบโตกว่า 80% ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา