แม้เรากำลังดำเนินชีวิตอยู่ในยุคสมัยของ Digital Disruption ที่วงการดนตรีถูกท้าทายในหลายภาคส่วน และผู้คนต่างบอกว่าเสน่ห์ได้เลือนหายไป เรากลับมองว่าสิ่งงดงามของโลกที่ถูกขับเคลื่อนด้วยโซเชียลมีเดียและเทคโนโลยีเป็นหลักได้ช่วยเปิดโอกาสให้ศิลปินรุ่นใหม่ๆ ไม่ต้องเดินตามวัฏจักรเดิมของวงการ และสร้างฐานแฟนเพลงทั่วโลกอย่างรวดเร็วโดยไม่จำเป็นต้องมีเพลงขึ้นชาร์ต Billboard Hot 100 อันดับ 1 และชนะแกรมมี่ 18 รางวัลเพื่อบ่งบอกคุณค่า ซึ่งสิ่งนี้ได้เกิดขึ้นกับวง LANY เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา กับการมาทัวร์คอนเสิร์ตในบ้านเราเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 2 ปี ซึ่งก็ถือว่าไม่ธรรมดาและไม่ใช่ว่าทุกศิลปินจะทำได้
คอนเสิร์ต LANY ในครั้งนี้จัดขึ้นที่ GMM Live House @Central World ซึ่งจะมีอีกรอบในคืนนี้ (30 กรกฎาคม) โดยการกลับมาของสามหนุ่ม พอล เจสัน ไคลน์ (นักร้องนำและมือคีย์บอร์ด), ชาร์ลส์ เลสลี พรีสต์ (มือกีตาร์และเบส) และเจก กอสส์ (มือกลอง) ในครั้งนี้ก็มาพร้อมอัลบั้มใหม่ชุดที่ 2 Malibu Nights ที่ปล่อยออกมาเมื่อช่วงเดือนตุลาคมปีที่แล้ว โดยตลอดเกือบ 90 นาทีของคอนเสิร์ต LANY ก็ได้ขนเพลงฮิตมามากมายทั้ง Thick and Thin ที่ร้องเปิดโชว์, Good Girls, 4EVER!, Made In Hollywood, Super Far, Pink Skies และสองเพลงสุดท้ายอย่าง Thru These Tears และ ILYSB ที่เล่นในช่วงอังกอร์
โชว์ในครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นโปรดักชันใหญ่ที่สุดของ LANY ตั้งแต่เล่นมา โดยเวทีมีแพลตฟอร์มยกระดับซึ่งประดับด้วยจอแอลอีดี ในแต่ละเพลงก็จะมีวิดีโอกราฟิกแตกต่างกันออกไปในสไตล์ที่เราขอจำกัดความว่า Tumblr / Instagram / Pinterest Art เหมาะกับ Aesthetic ของคน Gen Y และ Gen Z ฐานแฟนคลับหลักของกลุ่ม
ถ้าให้พูดถึงไฮไลต์ของโชว์ เราก็คงต้องยกให้นักร้องนำอย่างพอลที่สามารถประคองโชว์ตั้งแต่ต้นจนจบแบบพลังไม่ตก และถ่ายทอดเพลงได้อย่างลึกซึ้ง มีชั้นเชิง มีท่วงท่าที่ค่อนข้างดรามาติก ซึ่งถ้าใครตามชีวิตของเขาผ่านอินสตาแกรมก็จะรู้ดีว่านักร้องหนุ่มคนนี้เป็นคนที่ค่อนข้างอีโมชันนัลสูง เห็นได้จากเพลงช้ากินใจอย่าง Hericane และ Malibu Nights แต่พอลก็ยังมีมุมขี้เล่นและเป็นกันเองตอนที่เขาบอกคนดูว่าชอบอาหารไทยมาก ชอบการไหว้ของคนไทย และบอกว่าอยากกลับมาประเทศไทยทุกครั้งที่ทัวร์คอนเสิร์ต
หลายคนที่ไม่ได้อินกับ LANY อาจยังสงสัยว่าทำไมพวกเขาจึงก้าวมาถึงจุดนี้อย่างรวดเร็วในระยะเวลาเพียง 5 ปีตั้งแต่วงก่อตั้ง ซึ่งหลังจากดูคอนเสิร์ตเมื่อวานเราก็เห็นได้ชัดว่าเพลงของวงนี้คล้ายๆ กับ Lauv หรือ The 1975 คือเพลงพวกเขาเป็นกระบอกเสียงและสะท้อนความรู้สึกของคนรุ่นใหม่ได้อย่างตรงไปตรงมาแบบที่ไม่จำเป็นต้องเขียนเนื้อเพลงให้ซับซ้อนอะไรมากมาย พร้อมมีซิมโบลิกต่างๆ ที่ทำเอางง แต่พอฟังเพลง LANY เราเข้าใจเลยว่ากำลังพูดถึงใครและความรู้สึกแบบไหน แต่ก็ต้องดูต่อไปว่าหลังจากทัวร์ครั้งนี้ทางวงจะเติบโตอย่างไร และเราก็มีความหวังเล็กๆ ว่าพวกเขาจะมีผลงานสักเพลงที่ดังเป็นพลุแตกแบบถล่มทลาย เพราะถ้าวันนั้นเกิดขึ้นจริง คนทั่วโลกก็จะได้มีโอกาสเห็นว่าวงนี้มีดีอะไร และเข้าใจว่าทำไมตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา ฐานแฟนเพลงยังคงรักพวกอย่างไม่ขาดสาย
ภาพ: Live Nation BEC-Tero
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์