อภิมหาโปรเจกต์ โครงการแลนด์บริดจ์ ถูกหยิบยกมาเป็นนโยบายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอีกครั้ง จากที่ นายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล ประกาศเดินหน้าโครงการแลนด์บริดจ์ มูลค่า 9.97 แสนล้านบาท เพื่อพัฒนาไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งและการค้าระหว่างอ่าวไทย-อันดามัน ขณะเดียวกันก่อนหน้านี้ TDRI เคยให้ความเห็นว่าการเดินหน้าโครงการนี้ผลศึกษาที่ ‘สวนทาง’ ระหว่างหน่วยงานของรัฐกับผลการศึกษาของสภาพัฒน์ฯ
ก่อนหน้านี้ ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิช สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการแนวคิดคิดยกกำลังสอง ในช่อง ThaiPBS ระบุว่า แนวคิดหลักของแลนด์บริดจ์คือการสร้างเส้นทางเชื่อมสองฝั่งมหาสมุทร คือมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิก (ฝั่งอ่าวไทย) เพื่อเป็นทางเลือกให้เรือขนส่งสินค้าจำนวนมากไม่ต้องผ่านช่องแคบมะละกา ซึ่งเป็นเส้นทางที่ค่อนข้างแออัด รัฐบาลมองว่านี่คือโอกาสที่ประเทศไทยจะได้รับประโยชน์มหาศาลจากการเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์แห่งใหม่
ดร. สมเกียรติ ยังชี้ให้เห็นว่า โครงการขนาดใหญ่ระดับ ‘อภิมหาโปรเจกต์’ โดยส่วนใหญ่มักจะล้มเหลว ไม่ว่าจะสร้างไม่สำเร็จ สร้างช้ากว่ากำหนด หรือใช้งบประมาณบานปลายกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก สาเหตุหลักๆ มักมาจาก 2 ประการ คือ ‘การมองโลกในแง่ดีเกินจริง’ ด้วยเจตนาบริสุทธิ์ที่อยากเห็นโครงการที่มีประโยชน์เกิดขึ้น และอีกสาเหตุคือ ‘ผู้มีอำนาจใช้พลังบิดเบือนตัวเลขให้สวยงาม’ ทั้งที่รู้ว่าโครงการนั้นอาจไม่ดีจริง หัวใจสำคัญของการทำให้โครงการใหญ่สำเร็จคือ ‘การวางแผนที่ดี’ ซึ่งต้องเริ่มต้นด้วยการศึกษาความเป็นไปได้ (feasibility study) อย่างรอบคอบ เพื่อประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจและความคุ้มค่า ก่อนจะนำไปสู่การศึกษาด้านสิ่งแวดล้อมและอื่นๆ ต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ดร.สมเกียรติ TDRI เปิดความท้าทาย ‘รัฐบาลใหม่’ แจกโจทย์ปัญหาเศรษฐกิจ-เพิ่มขีดความสามารถไทย
- สำรวจโครงการลงทุนรัฐบาลอนุทิน ล่าสุด สั่งเดินหน้าแลนด์บริดจ์ มูลค่าเฉียด 1 ล้านล้านบาท
ผลศึกษาที่ ‘สวนทาง’ ความจริงที่ต้องทบทวน
สิ่งที่น่าตกใจคือ ผลการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการแลนด์บริดจ์ที่รัฐบาลมีอยู่ กลับมีความแตกต่างกันอย่างมาก
- ผลการศึกษาของกระทรวงคมนาคม ซึ่งคณะรัฐมนตรีใช้ในการตัดสินใจ เห็นว่าโครงการจะมีมูลค่าปัจจุบันเป็นบวก (มีกำไร) และให้ผลตอบแทนทั้งทางการเงินและเศรษฐกิจที่ดีเยี่ยม
- แต่ ผลการศึกษาที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์ฯ) จ้างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศึกษามา กลับมองโลกในแง่ร้ายกว่ามาก โดยระบุว่าโครงการนี้จะ ‘ขาดทุน’ และต่อให้รวมผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจอื่นๆ แล้ว ก็ยังให้ผลตอบแทนไม่สูงนัก (เพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์) จึงไม่ควรดำเนินการ และควรหาวิธีอื่นแทน
ก่อนหน้านี้สภาพัฒน์ฯ ว่าจ้างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ทำการศึกษา และได้ผลสรุปว่า ‘แลนด์บริดจ์’ ไม่คุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์และไม่เหมาะที่จะลงทุน
นอกจากนี้ ภาคเอกชนส่วนใหญ่ยังมีเสียงไปในทิศทางที่ว่าแลนด์บริดจ์อาจไม่ตอบโจทย์ของประเทศ และอาจเพิ่มต้นทุนให้สายเดินเรือและการค้า ทำให้ภาคเอกชนอยากให้ทำโครงการอื่นมากกว่า สมเกียรติ ย้ำว่าความแตกต่างของข้อมูลเหล่านี้ “ควรนำมาสู่การทบทวนอย่างจริงจัง” ว่าตัวเลขประมาณการถูกต้องหรือไม่
บทเรียนจากอดีต รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน
บทเรียนจากอดีตที่ยังไม่จางหายคือ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ซึ่งมีอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจสูงถึง 14% และตั้งอยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกที่มีความพร้อมสูงกว่า รัฐบาลยังได้ช่วยอุดหนุนในวงเงินไม่เกิน 150,000 ล้านบาท ทว่าผ่านมา 4 ปีหลังเซ็นสัญญากับเอกชน โครงการนี้ก็ยังไม่มีการก่อสร้างเกิดขึ้นเลย นี่เป็นตัวอย่างที่ตอกย้ำว่า แม้ผลตอบแทนจะดูดีและมีแรงหนุนจากภาครัฐ โครงการใหญ่ก็ยังติดขัดได้
ข้อเสนอแนะ ‘คิดช้า’ เพื่อ ‘ทำเร็ว’ และเห็นภาพใหญ่ของประเทศ
TDRI เน้นย้ำว่าโครงการเศรษฐกิจขนาดใหญ่ “ต้องคิดช้าถึงจะทำเร็ว” หากเร่งรีบในการวางแผน ผลักดัน และนำเสนอขาย สุดท้ายอาจไม่สามารถปฏิบัติได้จริงและไม่เกิดประโยชน์ตามที่คาดฝัน สิ่งสำคัญที่สุดคือการ “วางแผนให้ดี” โดยเฉพาะการศึกษาความเป็นไปได้ที่ต้องระวังไม่ให้มองโลกในแง่ดีเกินจริง ตัวเลขรายได้ที่แตกต่างกันมากในผลการศึกษาควรนำมาถกเถียงกันอย่างจริงจัง
ดร. สมเกียรติ เชื่อว่าการพัฒนาภาคใต้เป็นประโยชน์และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของประเทศได้จริง แต่หากจะดำเนินโครงการใดๆ รัฐบาลควรมอง “ภาพใหญ่” ก่อนว่าประเทศไทยจะวางตำแหน่งตัวเองอย่างไร และจะเชื่อมต่อกับประเทศต่างๆ เช่น จีน อินเดีย อย่างไร จากนั้นจึงค่อยมาพิจารณาว่าจะทำโครงการอะไร “อย่าเพิ่งกระโดด” ทำโครงการใดโครงการหนึ่งโดยที่ยังไม่เห็นภาพใหญ่ของการเชื่อมโยงทั้งประเทศ
หากโครงการเป็นโครงการที่ดีจริง แม้จะมีผู้ไม่เห็นด้วยบ้าง ก็สามารถนำทรัพยากรที่เกิดขึ้นไปช่วยเหลือประชาชนได้ ในทางตรงกันข้าม หากโครงการมีปัญหาและไม่มีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจที่ดีพอ นอกจากรัฐบาลจะขาดทุนแล้ว ประชาชนยังอาจเดือดร้อนด้วย