×

ค่าตัว 300 ล้าน ค่าเหนื่อย 700 ล้าน! เอ็มบัปเปจะยอมไปซาอุดีอาระเบียไหม?

25.07.2023
  • LOADING...
Kylian Mbappe

ความบ้าคลั่งของเกมลูกหนังทะลุจุดสูงสุดไปเป็นที่เรียบร้อยเมื่อ อัล ฮิลาล สโมสรฟุตบอลจากซาอุดีอาระเบีย โปรลีก ยื่นข้อเสนอเขย่าโลกด้วยการขอซื้อ คีเลียน เอ็มบัปเป จากปารีส แซงต์ แชร์กแมง ด้วยการทุบสถิติโลก 300 ล้านยูโร พร้อมเสนอเงินค่าตอบแทนให้อีก 700 ล้านยูโรสำหรับกองหน้าทีมชาติฝรั่งเศส

   

ทั้งหมดนี้เพื่อแลกกับการให้เขามาใช้เวลา 1 ปีที่ซาอุดีอาระเบีย หลังจากนั้นหากต้องการจะย้ายไปไหน จะไปเรอัล มาดริดดังใจฝันไว้ก็ไป

      

ในความรู้สึกแรก ข่าวนี้ถือเป็นเรื่องของความบ้าคลั่งในระดับเดียวกับ Mad Max ภาพยนตร์สุดคัลต์สะท้อนภาพโลกลูกหนังที่ไร้กฎเกณฑ์ใดๆ เพียงแต่ในรายละเอียดแล้วมีเรื่องที่น่าสนใจมากกว่าจำนวนตัวเลขที่ปรากฏในข่าว

 

รวมถึงคำถามสำคัญที่สุดที่หลายคนอยากรู้

           

เอ็มบัปเปจะยอมย้ายไปซาอุดีอาระเบียหรือไม่?

 

 

ชนวนความขัดแย้ง

 

เรื่องราวความเป็นมาที่ยังไม่รู้ว่าจะเป็นไปแบบไหนระหว่างเปแอสเชกับเอ็มบัปเป เกิดจุดพลิกผันที่สำคัญเมื่อกองหน้าที่ว่ากันว่ามีโอกาสก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะหมายเลข 1 ของโลกคนต่อไป ตัดสินใจ ‘หัก’ กับสโมสรต้นสังกัดด้วยการออกข่าวว่าเขาจะไม่ขยายสัญญาตามเงื่อนไขที่เซ็นเอาไว้เมื่อปี 2022

           

โดยเงื่อนไขนั้นระบุเอาไว้ว่า เอ็มบัปเปสามารถขยายระยะเวลาในสัญญาออกไปอีก 1 ปี โดยต้องแจ้งต่อสโมสรภายในวันที่ 31 กรกฎาคมนี้

           

นั่นหมายถึงเอ็มบัปเปจะย้ายออกจากปาร์ค เดส์ แพรงซ์ แบบนักเตะอิสระไม่มีค่าตัว เมื่อจบฤดูกาล 2023/24

          

การตัดสินใจและการกระทำของกองหน้าวัย 24 ปี ที่เลือกจะ ‘ส่งสาร’ ถึงนักข่าวก่อนจะ ‘สื่อสาร’ กับสโมสร โดยเฉพาะ นาสเซอร์ อัล เคไลฟี ประธานสโมสร ซึ่งเป็นผู้ยิ่งใหญ่ของกาตาร์​ ทำให้เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงขึ้น แม้ว่าเอ็มบัปเปจะยืนยันว่าเขาแจ้งกับสโมสรตั้งแต่หลังเซ็นสัญญาเมื่อปีก่อนแล้วก็ตาม

 

ในชั้นต้นมันคือเรื่องระหว่างเอ็มบัปเปกับเปแอสเช แต่ในระดับที่ลึกไปกว่าคือ อาจกระทบความสัมพันธ์ระหว่างฝรั่งเศสกับกาตาร์ที่เกื้อหนุนกันอยู่เลยทีเดียว (และเป็นเหตุผลที่ทำให้ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ต้องต่อสายตรงเพื่อช่วยเกลี้ยกล่อมให้เอ็มบัปเปยอมเปลี่ยนใจต่อสัญญาในปี 2022)

           

เดิมเปแอสเชตั้งใจเปิดทางให้เอ็มบัปเปไปจากสโมสรได้ในปี 2024 อยู่แล้ว แต่จะไม่ให้ไปแบบฟรีเอเจนต์ เพราะสโมสรลงทุนกับเขาไว้มากตั้งแต่ซื้อตัวจากโมนาโก พร้อมกับเนย์มาร์ในปี 2017 อีกทั้งนักเตะเองก็เคยพูดไว้ว่า เขาจะไม่ยอมไปโดยที่สโมสรไม่ได้อะไรตอบแทนกลับมาเลย

           

เงื่อนไขขยายระยะเวลาในสัญญาถึงปี 2025 จึงใส่เอาไว้เพื่อให้เปแอสเชมีอำนาจในการต่อรองกับสโมสรที่สนใจ ซึ่งก็รู้กันดีอยู่ว่ามีทีมเดียวที่อยากได้เอ็มบัปเปมาตลอด นั่นคือเรอัล มาดริด

           

การขอไม่ใช้เงื่อนไขดังกล่าว หมายความว่าเปแอสเชจะสูญเสียสมบัติล้ำค่าที่สุดของสโมสรไปแบบฟรีๆ

           

มิหนำซ้ำยังต้องจ่ายเงินพิเศษ Loyalty Bonus ให้กับเอ็มบัปเป ในมูลค่าที่เชื่อกันว่าสูงถึง 150 ล้านยูโร เมื่ออยู่ครบสัญญา 2 ปีด้วย

           

เรียกได้ว่านอกจากจะไม่ได้อะไรแล้วยังต้องเสียเงินอีกมหาศาล และที่สำคัญคือจะกระทบต่อสถานะทางการเงินของสโมสรที่แม้จะมีแบ็กอัพคือกาตาร์ แต่สโมสรเองก็ยังต้องปฏิบัติตามกฎ Financial Fair Play ด้วย

           

เรื่องนี้เปแอสเชหัวเด็ดตีนขาดก็ยอมไม่ได้เหมือนกัน

 

 

The Empire Strikes Back

 

เพื่อไม่ให้สูญเสียไปมากกว่านี้ เปแอสเชจึงแสดงจุดยืนที่ชัดเจนและแข็งกร้าวอย่างยิ่งในเรื่องนี้

           

  1. สโมสรได้เสนอสัญญาใหม่อย่างงามให้กับเอ็มบัปเป และเขาต้องเซ็นสัญญาฉบับนี้เท่านั้น เพื่อยอมรับเงื่อนไขของสโมสร

           

  1. หากเอ็มบัปเปไม่ยอมรับข้อเสนอ สโมสรจะขายเขาทิ้งทันทีให้กับทีมที่ให้ราคาดีที่สุด โดยไม่สนใจด้วยว่าจะเป็นทีมไหน

           

ทั้งนี้ มีการยืนยันจากนักข่าวที่มีความน่าเชื่อถือหลายคนว่า ทางเลือกทั้ง 2 ของเปแอสเชนั้นไม่มีเรื่องของอารมณ์หรือความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด คือไม่ได้โกรธหรือเกลียด

           

แต่เป็นการคุยกันในแบบ Business ล้วนๆ โดยเปแอสเชแจ้งต่อเอ็มบัปเปว่า ขอให้แจ้งการตัดสินใจของเขามาภายในวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา

           

อย่างไรก็ดี จุดยืนของเอ็มบัปเปก็ชัดเจนเช่นกัน ด้วยการไม่ยอมติดต่อกลับสโมสร ท่ามกลางข่าวว่าเขาพร้อมที่จะอดทนต่อการกระทำทุกอย่างของสโมสรไปในอีก 1 ปีนับจากนี้ ต่อให้จะไม่ได้โอกาสลงสนามเลยแม้แต่นาทีเดียว หรือต้องถูกสั่งให้ซ้อมเดี่ยวเหมือนในตอนนี้ที่ถูกตัดชื่อออกจากทีมที่เดินทางมาทัวร์เอเชียที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ หรือต้องไปเล่นกับทีมระดับเยาวชน หรืออะไรก็ตาม

           

เพื่อที่จะได้อิสระอย่างที่เขาต้องการ ไปอยู่กับทีมในฝันพร้อมกับเงินโบนัสจำนวนมหาศาล ที่ต่อให้เป็นเพื่อนนักฟุตบอลอาชีพในระดับสูงสุดบางคนก็อาจจะหาไม่ได้ต่อให้เล่นฟุตบอลไปตลอดชีวิต

           

แต่แน่นอนว่าเปแอสเชไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้น จึงมีการขึ้นป้ายขายเอ็มบัปเปอย่างเป็นทางการทันที ซึ่งก็มีหลายสโมสรที่สนใจอยากได้ตัวเขาไปร่วมทีม โดยมีชื่อของทีมใหญ่อย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, บาร์เซโลนา ไปจนถึงท็อตแนม ฮอตสเปอร์ที่เชื่อมโยงด้วย

           

เปแอสเชพร้อมถึงขั้นเจรจาในสัญญายืมตัวก็ได้ แต่จะต้องเป็นจำนวนเงินที่มากพอ

           

ตรงนี้เองที่นำมาสู่ข้อเสนอในระดับสะเทือนโลกจากซาอุดีอาระเบีย

 

 

ข้อเสนอที่ไม่อาจปฏิเสธได้?

 

ก่อนที่จะมีสโมสรใดขยับตัวอย่างเป็นทางการ อัล ฮิลาล สโมสรจากซาอุดีอาระเบีย โปรลีกที่มีกระแสข่าวเชื่อมโยงกับเอ็มบัปเปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ได้ชิงจังหวะเดินหน้าก่อน

           

ด้วยข้อเสนอที่ไม่มีใครในโลกจะให้ได้ขนาดนี้แน่นอน

           

อย่างแรก อัล ฮิลาล เสนอค่าตัวในการย้ายทีมให้กับเปแอสเชเป็นเงินจำนวน 300 ล้านยูโร ซึ่งถือเป็นสถิติโลก ได้ตรงตามที่ทาง อัล เคไลฟี ปรารถนา เพราะอยากให้การย้ายทีมของเอ็มบัปเปที่จะไปจากเปแอสเชเป็นสถิติโลก เพื่อให้สมเกียรติกับสโมสร

       

อย่างที่สอง อัล ฮิลาล เสนอเงินค่าตอบแทนที่เห็นตัวเลขแล้วยังต้องขยี้ตา เพราะมากถึง 700 ล้านยูโร แม้ว่าตัวเลขนี้อาจจะคลาดเคลื่อนไปบ้าง โดยตามการเปิดเผยของ ฟาบริซิโอ โรมาโน เจ้าพ่อข่าวการย้ายทีม ระบุว่าตัวเลขค่าเหนื่อยล้วนๆ จะอยู่ที่ 200 ล้านยูโรต่อปี

           

ตัวเลข 700 ล้านยูโรนั้นเป็นการรวมเอาทุกสิ่งทุกอย่างเป็นแพ็กเกจ ซึ่งรวมถึงเรื่องของ Image Rights หรือลิขสิทธิ์ภาพลักษณ์ของเอ็มบัปเปด้วย

           

แต่ทีเด็ดจริงๆ อยู่ที่สัญญานี้มีระยะเวลาแค่ 1 ปี หลังหมดสัญญาเอ็มบัปเปอยากจะไปไหนก็ไปตามใจชอบ หรือหากเกิดติดใจอยากอยู่ซาอุดีอาระเบียต่อก็ไม่ใช่ปัญหา

           

ข้อเสนอดังกล่าวนั้นต้องบอกว่าน่าจะเป็นข้อเสนอที่ดีที่สุดในแง่ของผลตอบแทน เป็นข้อเสนอในแบบ Take It or Leave It ที่อาจจะมาแค่ครั้งเดียวและไม่มีอีกแล้ว

           

แทนที่จะต้องทนทุกข์ทรมานกับเปแอสเชไป 1 ปี อัล ฮิลาล ขี่พรมมารับเอ็มบัปเปถึงที่ พร้อมกับยืนยันว่า ที่ซาอุดีอาระเบียนอกจากจะมีเงินทองกองเท่าภูเขาแล้ว ยังมีประตูไปไหนก็ได้ให้เขาด้วย ขอแค่ไปเล่นฟุตบอลที่นั่นแค่ปีเดียว

           

อัล ฮิลาล ก็ไม่ได้ขี้เหร่ จัดเป็นหนึ่งในสโมสรระดับท็อปของประเทศ และเพิ่งคว้าตัว รูเบน เนเวส, คาลิดู คูลิบาลี ไปจนถึง เซอร์เก มิลินโควิช-ซาวิช มาร่วมทีม เขาไม่ได้ย้ายไปเป็นสตาร์คนเดียวโดดๆ แบบ คริสเตียโน โรนัลโด ที่มาอยู่กับ อัล นาสเซอร์ เมื่อต้นปี

           

คาริม เบนเซมา รุ่นพี่ที่เคารพก็อยู่ในลีกทะเลทรายเช่นเดียวกันกับ อัล อิติฮัด ซึ่งก็คาดว่าจะปิดดีลกับฟาบินโญได้ในเร็วๆ นี้ แม้จะมีกระแสข่าวลือว่าการย้ายทีมสะดุดเพราะสุนัขเฟรนช์บูลด็อก 2 ตัวของกองกลางชาวบราซิล เป็นสายพันธุ์อันตรายในซาอุดีอาระเบีย

           

นอกจากนี้ยังมีสตาร์อีกมากมายที่ตกลงจะมาซาอุดีอาระเบีย แม้แต่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมลิเวอร์พูล

           

ล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมา เปแอสเชยอมรับข้อเสนอ 300 ล้านยูโรจาก อัล ฮิลาล พร้อมอนุญาตให้สามารถเจรจากับนักเตะได้ตามขั้นตอน

      

อยู่ที่เอ็มบัปเปแล้วว่าจะว่าอย่างไร?

 

 

ไปดี…ไม่ไปดี?

 

หลังมีกระแสข่าว เอ็มบัปเปก็มีความเคลื่อนไหวในเรื่องนี้เหมือนกัน

           

ด้วยการกดรีทวีตโพสต์ของ จานนิส อันเตโตคูน์มโป ที่อำกันขำๆ ว่า “มาเอาตัวผมไปได้ ผมก็หน้าคล้ายเอ็มบัปเป” พร้อมกับอีโมจิขำกลิ้งหลายตัวติดกัน

           

มันอาจแปลได้ว่าเขาไม่ได้สนใจอะไรกับการย้ายไป อัล ฮิลาล และคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องตลก

           

หรือเขาแค่อาจจะตลกไปกับเพื่อนซูเปอร์สตาร์นักบาสเกตบอล NBA เฉยๆ

           

อย่างไรก็ดี เชื่อว่าเอ็มบัปเปจะถูกรบเร้าให้พิจารณาข้อเสนอนี้อย่างจริงจัง และต้องชั่งน้ำหนักให้ดีระหว่างความฝันที่จะได้ย้ายไปเรอัล มาดริด ที่อาจต้องแลกด้วยการยอมเสียเวลาอันมีค่าไปเปล่าๆ 1 ปี โดยที่ไม่มีใครได้อะไรเลยนอกจากเรอัล มาดริดที่อยู่เฉยๆ หรือย้ายไปซาอุดีอาระเบียที่แม้จะเป็นลีกที่ต้อยต่ำและไม่คู่ควรกับฝีเท้าของเขา แต่ก็ได้ค่าเสียเวลามหาศาล

           

หรือเอ็มบัปเปจะเคลื่อนไหวบ้างด้วยการทำให้เรอัล มาดริดต้องเคลื่อนไหว เพื่อคว้าตัวเขามาร่วมทีมให้ได้ในรอบตลาดการซื้อ-ขายช่วงฤดูร้อนนี้

           

หรือจะเลือกไปสโมสรอื่นแทน ซึ่งก็ยังไม่แน่ว่าจะเป็นการย้ายทีมในสัญญาระยะสั้น หรือจะลืมเรอัล มาดริด แล้วไปเริ่มต้นใหม่ที่อื่นเลย

           

นี่จะเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเอ็มบัปเป ซึ่งว่ากันด้วยพรสวรรค์ในการเล่นแล้ว เขาเป็นหนึ่งไม่มีสอง และเป็นนักฟุตบอลที่คู่ควรกับคำว่าปรากฏการณ์ เหมือนครั้งหนึ่งที่โรนัลโด ‘R9’ เคยเป็นมาแล้วในยุค 90

           

เส้นทางชีวิตของเขาควรจะสวยงาม โดยเฉพาะเมื่อมองคู่แข่งในระดับใกล้เคียงกันอย่าง เออร์ลิง เบราต์ ฮาลันด์ แต่มันกลับเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ซึ่งมีเรื่องของเงินทองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอย่างมาก และหลายคนกังวลว่าเขาอาจหลงทางจนหาทางกลับมาสู่เส้นทางที่ควรจะเป็นไม่ได้

           

แต่ไม่ว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร นี่จะเป็นมหากาพย์การย้ายทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์เกมฟุตบอล ซึ่งมีความสลับซับซ้อนอย่างมาก

 

และชวนให้คิดอยู่เหมือนกันว่า ถ้าเป็นคุณจะตัดสินใจอย่างไร?

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X