×

เลือกลงทุนกับกองทุนรวมแบบไหน…ให้คุณไร้กังวลทั้งสุขภาพการเงินและสุขภาพร่างกาย [Advertorial]

โดย THE STANDARD TEAM
17.08.2020
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

  • วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนระดับโลกพูดเสมอว่า สิ่งสำคัญที่สุดในการลงทุนคือ ต้องกระจายการลงทุนให้ดี รอคอยอย่างมีวินัย จะช่วยให้นักลงทุนประสบความสำเร็จในระยะยาว ‘กองทุนรวม’ จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยง
  • 3 สิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจเลือกลงทุนคือ 1. รู้ให้ลึกถึงข้อดี ข้อด้อย ของกองทุนรวม 2. แมตช์รูปแบบกองทุนให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ตัวเอง และ 3. ศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะ ‘กองทุน’ เงื่อนไขผลตอบแทน และความความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
  • บลจ. กรุงไทย หรือ KTAM เปิดตัวกองทุนรูปแบบใหม่ ‘กองทุนเปิดกรุงไทย ยกกำลังสุข(ภาพ)’ ความน่าสนใจของกองทุนนี้อยู่ที่ นอกจากผู้ลงทุนจะมีโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุน (Capital Gain) รวมถึงโอกาสรับเงินปันผลในช่วงเวลาที่ลงทุนแล้ว ผู้ลงทุนยังได้รับการคุ้มครองตามประกันสุขภาพและอุบัติเหตุกลุ่ม ตลอดระยะเวลาการลงทุนตามเงื่อนไขที่หนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญของกองทุนกำหนด

เหตุการณ์ Circuit Breaker ตลาดหุ้นเกิดความผันผวนอย่างรุนแรง จนต้องหยุดการซื้อขายกันชั่วคราว ทำเอานักลงทุนถึงกับต้องพับตำราการเงินและคิดหาวิธีเอาตัวรอดจากวิกฤตครั้งนี้อย่างเร่งด่วน เพราะถ้าชีวิตยังต้องดำเนินต่อ อย่างไรเสียก็เลี่ยงความเสี่ยงไปไม่ได้ เพียงแต่ต้องวางแผนการลงทุนให้รอบคอบขึ้น สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้คือ กระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์ที่หลากหลาย 

 

วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนระดับโลกก็พูดเสมอว่า สิ่งสำคัญที่สุดในการลงทุนคือ ต้องกระจายการลงทุนให้ดี รอคอยอย่างมีวินัย จะช่วยให้นักลงทุนประสบความสำเร็จในระยะยาว เช่นนั้นแล้ว ทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่กำลังมองหาเครื่องมือกระจายการลงทุนที่หลากหลายคือ การลงทุนผ่าน ‘กองทุนรวม’

ปัจจัยการลงทุนให้ประสบความสำเร็จ จึงต้อง ‘รู้เขา’ (รู้ว่ากองทุนนั้นมีลักษณะแบบไหน ข้อดี ข้อเสียคืออะไร และมีผลตอบแทนอะไรบ้าง) และ ‘รู้เรา’ (รู้ว่าตัวเองรับความเสี่ยงได้แค่ไหนและผลตอบแทนแบบไหนที่มองหา) แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่ากองทุนรวมแบบไหนดีและเหมาะกับเราที่สุด หากโจทย์ที่ตั้งไว้คือ ชีวิตต่อจากนี้จะต้องมีสุขภาพการเงินที่มั่นคงโดยไม่ต้องกังวลว่าเงินลงทุนทั้งหมดที่หามาได้สุดท้ายจะต้องจ่ายให้กับค่ารักษาพยาบาล ให้พิจารณาจาก 3 สิ่งนี้ 

 

1. รู้ให้ลึกถึงข้อดี ข้อด้อย ของกองทุนรวม 

หากเปรียบกองทุนเป็นหม้อใบใหญ่ โดยมีนักลงทุนที่ไม่มีเวลา แต่อยากลงทุน ไม่มีความรู้มากนักที่จะศึกษาหุ้นด้วยตัวเอง จึงเลือกนำเงินมาลงในหม้อใบใหญ่ใบนี้ โดยเงินที่อยู่ในหม้อจะนำไปลงทุนในหุ้นและสินทรัพย์แต่ละประเภทโดยผู้เชี่ยวชาญ หรือที่เรียกกันว่า ผู้จัดการกองทุน ซึ่งในโลกการลงทุน ยังมี ‘หม้อใบใหญ่’ หรือก็คือ กองทุนรวม อีกหลากหลายประเภทให้นักลงทุนเลือกลงทุน   

 

 

ในฐานะนักลงทุนมือใหม่ที่สนใจอยากเข้าสู่วงการ ‘กองทุนรวม’ จำเป็นต้องรู้จักประเภทกองทุนรวม วัตถุประสงค์ของการลงทุนของกองนั้นๆ นโยบายการลงทุน ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมถึงสิทธิประโยชน์ของกองทุนรวม ได้แก่

 

กองทุนปิด เป็นกองทุนที่ขายให้นักลงทุนครั้งเดียวตอนเริ่มโครงการ ซึ่งในระหว่างเวลาที่ถือหน่วยลงทุนจะไม่สามารถซื้อเพิ่มได้ และไม่สามารถขายคืนจนกว่าจะครบกำหนดตามที่กองทุนกำหนดไว้ในหนังสือชี้ชวน และเมื่อครบกำหนดเวลาของหน่วยลงทุน ทางบริษัทจัดการกองทุนจะรับซื้อตามมูลค่าที่ครบกำหนดซึ่งอาจจะมากขึ้นหรือลดลงก็ได้

 

กองทุนเปิด เป็นกองทุนที่ขายให้นักลงทุนไม่กำหนดเวลาในการไถ่ถอน นักลงทุนสามารถซื้อเมื่อเริ่มโครงการ และในระหว่างเวลาที่ถือหน่วยลงทุนสามารถซื้อเพิ่มได้หรือขายเมื่อไรก็ได้เพราะไม่มีกำหนด อาจมีการกำหนดอายุโครงการหรือไม่ก็ได้ แต่ที่สำคัญคือ บลจ. สามารถขายหน่วยลงทุนเพิ่มเติมและต่อเนื่องได้ หลังจากที่มีการเสนอขายหน่วยลงทุนในครั้งแรกไปแล้ว และสามารถรับซื้อคืนหน่วยลงทุนจากผู้ลงทุนเมื่อใดก็ได้

หรือจะแบ่งประเภทกองทุนตามนโยบายการลงทุน 10 มาตรฐานของสำนักงาน ก.ล.ต. อาทิ กองทุนรวมตราสารหนี้ กองทุนรวมตลาดเงิน กองทุนรวมผสม กองทุนรวมหน่วยลงทุน เป็นต้น

แน่นอนว่าในช่วงวิกฤตแบบนี้ การลงทุนในกองทุน ดูจะเป็นทางเลือกที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า เพราะใช้เงินน้อยกว่า มีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลการลงทุนให้ จะซื้อขายก็สะดวก เลือกระดับความเสี่ยงได้ตามประเภทกองทุน โดยเฉพาะ ‘กองทุนผสม’ ตอบโจทย์นักลงทุนที่ต้องการลงทุนหุ้นบ้าง ตราสารหนี้อีกนิด ถือเงินสดเล็กน้อย กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ หน่วยทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) หรือทองคำ ยิ่งกองไหนที่มีกองทุนระหว่างประเทศ จะช่วยซื้อหุ้นทั่วโลกให้เรา เป็นการกระจายความเสี่ยงทางหนึ่งและปลอดภัยกว่า

ข้อดีของกองทุนผสมคือ ผู้จัดการกองทุนสามารถปรับกลยุทธ์ได้ตามสภาะตลาดโลกโดยอิสระ กระจายลงทุนไปในสินทรัพย์หลากหลายประเภท (Multi-Asset) ทั้งในและต่างประเทศ ดังนั้น ไม่พลาดโอกาสในช่วงตลาดหุ้นขาขึ้น และต่อให้ตลาดหุ้นผันผวนก็ยังมีตราสารหนี้ หรือสินทรัพย์อื่นๆ แม้แต่ถือเงินสด คอยค้ำจุนไม่ให้ผลตอบแทนลดลงจนถึงขั้นขาดทุน 

ข้อควรฉุกคิดก่อนคิดจะลงทุนในกองทุนรวมคงเป็นเรื่องของค่าธรรมเนียมในบางกองทุนที่แพงเกินไป ต้องศึกษาและทำความเข้าใจให้ดีก่อนเลือกลงทุน และอีกข้อหนึ่งคือ การซื้อขายทำได้ช้ากว่าการลงทุนเองในตลาดหุ้น สำหรับคนที่ไม่มีเวลาลงทุนเองอยู่แล้วก็อาจปัดตกเรื่องนี้ไป

 

2. แมตช์รูปแบบกองทุนให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ตัวเอง 
ข้อนี้ไม่มีหลักการตายตัว เพราะเรื่องการยอมรับความเสี่ยงได้มากน้อยเป็นเรื่องอัตวิสัย มีแต่ตัวคุณเองเท่านั้นที่จะตอบได้ โดยหลักๆ ให้พิจารณาว่า คุณรับความเสี่ยงได้แค่ไหน และผลตอบแทนที่มุ่งหวังคืออะไร เช่น หากต้องการสภาพคล่องในการขายคืน ก็ควรเลือกลงทุนในกองทุนเปิดที่สามารถขายคืนเมื่อไรก็ได้ หรือถ้าต้องการลงทุนระยะยาว อาจจะเหมากับการลงทุนแบบซื้อแล้วถือ (Buy and Hold) ในกองทุนปิดที่มีระยะเวลาในการลงทุนยาว และมีอายุครบกำหนดไถ่ถอนที่แน่นอนในอนาคต หรือหากยอมรับความเสี่ยงได้พอประมาณ เน้นความสมดุลชีวิต พอให้มีจังหวะหวือหวาด้านการลงทุนบ้าง แต่ยังต้องมั่นคง เน้นมุมมองที่หลากหลาย กระจายความเสี่ยง เหมาะกับการลงทุนในกองทุนรวมผสม ยืดหยุ่นได้ตามสภาวการณ์แต่ละช่วงลงทุน ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้จัดการกองทุนหรือนโยบายของกองทุนที่กำหนดไว้   

 

 

แต่ถ้าคุณกำลังมองหากองทุนรวม ที่สร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะปานกลางถึงระยะยาว หรือตั้งแต่ 3 ปี ขึ้นไป เน้นโอกาสการได้รับผลตอบแทนในจำนวนเงินที่แน่นอน หรือโอกาสรักษาเงินต้นให้อยู่ครบ และตอบโจทย์เรื่องสิทธิความคุ้มครองประกันสุขภาพและอุบัติเหตุกลุ่ม โดยสามารถปรับระดับความคุ้มครองประกันสุขภาพตามมูลค่าเงินลงลงทุนที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ตามที่ต้องการตามเงื่อนไขที่หนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญของกองทุนกำหนดไว้ ตอนนี้ บลจ. กรุงไทย หรือ KTAM เพิ่งเปิดตัวกองทุนรูปแบบใหม่ในชื่อ ‘กองทุนเปิดกรุงไทย ยกกำลังสุข(ภาพ)’ ที่ให้ลงทุนในกองทุน และได้ประกันสุขภาพและอุบัติเหตุกลุ่ม จบ ครบ ในกองเดียว ก็น่าจะตอบโจทย์ชีวิตที่ต้องการการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงและหมดกังวลเรื่องสุขภาพ

 

3. ศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะ ‘กองทุน’ เงื่อนไขผลตอบแทน และความความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน

กองทุนเปิดกรุงไทย ยกกำลังสุข(ภาพ) หรือ Krung Thai Happy Health (KTHH) เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนยุคใหม่ที่สนใจการลงทุน แต่ไม่มีเวลาศึกษาและนักลงทุนที่สนใจเรื่องสุขภาพ จุดเด่นของกองทุนนี้คือ นอกจากการเพิ่มโอกาสด้านการลงทุนแล้ว ผู้ลงทุนยังได้สิทธิความคุ้มครองประกันสุขภาพและอุบัติเหตุกลุ่มตามเงื่อนไขที่หนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญของกองทุนกำหนดอีกด้วย เรียกว่า จบ ครบ ในกองเดียว  

 

 

มาในรูปแบบของกองทุนรวมผสมหน่วยลงทุนประเภท Fund of Funds ที่มีนโยบายลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งหน่วยลงทุนของกองทุนรวมทั้งในและต่างประเทศ อาทิ หน่วย CIS และ/หรือ กองทุนรวมอีทีเอฟ และ/หรือ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และ/หรือ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และ/หรือ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (กองทุนปลายทาง) ตั้งแต่ 2 กองทุนขึ้นไป โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม และผู้ลงทุนต้องสามารถรับความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เมื่อกองทุนนำเงินลงทุนไปลงทุนในหน่วยลงทุนต่างประเทศ 

 

เหมาะกับนักลงทุนหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นคนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน โดยมีผู้จัดการกองทุนคอยปรับสัดส่วนและดูแลให้ตลอดเวลา รวมถึงต้องการเปิดโอกาสรับผลตอบแทนในรูปแบบปันผล เนื่องจากนโยบายกองทุนนี้จะปันผลออกมาให้กับลูกค้าได้ โดยปีหนึ่ง ไม่เกิน 4 ครั้ง หรือพิจารณาทุกๆ ไตรมาส

 

ด้านความคุ้มครองจะคุ้มครองตามสัดส่วนเงินทุนสะสม ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีมูลค่าเงินลงทุนตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป มีสิทธิ์ได้รับความคุ้มครองประกันสุขภาพและอุบัติเหตุกลุ่มกับบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) (มูลค่าเงินลงทุนพิจารณาจากต้นทุนสะสมของเงินลงทุนของผู้ถือหน่วยลงทุน เมื่อรวมกันแล้วต้องไม่ต่ำกว่า 50,000 บาท โดยไม่คำนึงถึงผลกำไรหรือขาดทุนของมูลค่า NAV ที่เปลี่ยนแปลงไป จึงจะได้สิทธิ์ความคุ้มครองจากบริษัทประกัน) โดยมีแผนการคุ้มครอง 6 แผน ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินลงทุน เริ่มต้นลงทุน 50,000 บาท จะได้แผนคุ้มครองระยะที่ 1 ผ่านไประยะหนึ่งหากผู้ถือหน่วยลงทุนเพิ่มก็ขยับแผนการคุ้มครองไปตามยอดเงินสะสมได้ เช่นเดียวกัน หากมีการถอนหน่วยลงทุนก็อาจปรับลดแผนการลงทุน

 

ในขณะที่เรื่องสิทธิความคุ้มครองด้านประกันสุขภาพและอุบัติเหตุกลุ่มจากการลงทุนในกองทุนนี้จะต้องเป็นบุคคลธรรมดาที่มีอายุระหว่าง 15-65 ปีบริบูรณ์ และมีคุณสมบัติของผู้เอาประกันภัยตามที่บริษัทประกันกำหนด ซึ่งผู้ลงทุนสามารถศึกษาคุณสมบัติของผู้เอาประกันภัยและข้อมูลสิทธิประโยชน์การประกันสุขภาพและอุบัติเหตุตามหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญ ทั้งนี้สามารถสอบถามแผนการคุ้มครองสุขภาพได้ที่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ศูนย์บริการลูกค้า 1736 กด 1

 

 

หากพิจารณาและวิเคราะห์ให้รอบด้านครบ 3 ข้อแล้ว ก็เลือก ‘กองทุน’ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้อย่างแน่นอน หรือถ้าสนใจ กองทุนเปิดกรุงไทย ยกกำลังสุข(ภาพ) ยังมีเวลาให้คุณตัดสินใจ เสนอขายครั้งแรก 3-21 สิงหาคม 2563 มูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรก คือ 50,000 บาท และสามารถซื้อได้ 1,000 บาท ในครั้งถัดไป สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ธนาคารกรุงไทย ผู้สนับสนุนการขาย หรือ บลจ. กรุงไทย โทร 0 2686 6100 หรือซื้อออนไลน์ผ่าน KTAM Smart Trade สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย

 

หรือศึกษารายละเอียดข้อมูลกองทุน และหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญได้ที่
https://www.ktam.co.th/mutual-fund-detail.aspx?IdF=416 

 

ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง รวมถึงเงื่อนไขการลงทุนในกองทุนรวมที่ให้สิทธิประโยชน์ของประกันสุขภาพและอุบัติเหตุและเงื่อนไขกรมธรรม์เพิ่มเติม เพื่อให้ได้สิทธิประโยชน์และความคุ้มครองตามกรมธรรม์ก่อนตัดสินใจลงทุน

 

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising