ศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงานดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนไทย (KR-ECI) ในเดือนมิถุนายน 2563 อยู่ที่ระดับ 36.0 ทรงตัวใกล้เคียงกับเดือนพฤษภาคม 2563 ที่อยู่ในระดับ 36.1 โดยในเดือนที่ผ่านมาภาครัฐมีมาตรการผ่อนปรนเพิ่มเติมสำหรับกิจกรรมและกิจการในกลุ่มสีเหลือง (ระยะที่ 3) และกลุ่มสีแดง (ระยะที่ 4) รวมถึงยกเลิกประกาศห้ามประชาชนออกนอกเคหสถาน (ยกเลิกเคอร์ฟิว) ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่กลับมาดำเนินการตามปกติ
ส่งผลให้รายได้และภาวะการจ้างงานของครัวเรือนไทยทยอยปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2563 แต่ในขณะเดียวกัน ครัวเรือนไทยมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในเดือนมิถุนายน 2563 จากระดับราคาสินค้าที่สูงขึ้น โดยเฉพาะราคาพลังงานและค่าสาธารณูปโภค อีกทั้งครัวเรือนบางส่วนมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการศึกษาของบุตรหลานก่อนเปิดภาคเรียนใหม่ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2563
ในขณะที่ดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนไทยอีก 3 เดือนข้างหน้า (3-month Expected KR-ECI) อยู่ที่ระดับ 37.4 ในการสำรวจช่วงเดือนมิถุนายน 2563 ปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 35.9 ในการสำรวจช่วงเดือนพฤษภาคม 2563 นับเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน ที่ดัชนีภาวะเศรษฐกิจฯ ในช่วง 3 เดือนข้างหน้าอยู่ในระดับสูงกว่าดัชนีภาวะเศรษฐกิจฯ ในปัจจุบัน สะท้อนให้เห็นว่าครัวเรือนมองภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสที่ 3/63 จะทยอยปรับตัวดีขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่าภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 ยังคงมีความเปราะบางอยู่มาก แม้ภาครัฐจะมีมาตรการผ่อนปรนสำหรับทุกกิจกรรมทางเศรษฐกิจแล้ว แต่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยังต้องอาศัยระยะเวลาอย่างค่อยเป็นค่อยไป ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังรุนแรงในต่างประเทศ จึงเป็นโจทย์สำคัญของภาครัฐในการเร่งฟื้นฟูและประคับประคองภาคธุรกิจในประเทศ โดยเฉพาะธุรกิจ SMEs ที่มีส่วนสำคัญต่อการจ้างงานในประเทศ และพยุงกำลังซื้อของครัวเรือนไทย
ดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนไทย (KR-ECI) ที่อาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และพื้นที่ต่างจังหวัดในเดือนมิถุนายน 2563 อยู่ที่ระดับ 36.0 ทรงตัวอยู่ในระดับใกล้เคียงกับเดือนพฤษภาคม 2563 ที่ระดับ 36.1 แม้ครัวเรือนจะมีความกังวลลดลงต่อประเด็นเรื่องรายได้และการมีงานทำ แต่กลับมีความกังวลมากขึ้นต่อประเด็นเรื่องค่าใช้จ่าย (ไม่รวมหนี้สิน)
โดยในเดือนมิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา ภาครัฐได้ออกมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 3 สำหรับกิจกรรมและกิจการในกลุ่มสีเหลืองที่มีความเสี่ยงปานกลาง (บังคับใช้วันที่ 1 มิถุนายน 2563) และระยะที่ 4 สำหรับกิจกรรมและกิจการในกลุ่มสีแดงที่มีความเสี่ยงสูง (บังคับใช้วันที่ 15 มิถุนายน 2563) รวมถึงยกเลิกประกาศห้ามประชาชนออกนอกเคหสถาน ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่เริ่มทยอยกลับมาเปิดดำเนินการตามปกติ ส่งผลให้ครัวเรือนบางส่วนมีความกังวลลดลงต่อประเด็นเรื่องรายได้และการมีงานทำของตนเอง โดยเฉพาะครัวเรือนที่ประกอบอาชีพค้าขาย
โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ทำการสำรวจเพิ่มเติมต่อประเด็นเรื่องสถานการณ์การจ้างงานในองค์กร/หน่วยงานของครัวเรือนไทยในกรุงเทพฯ และปริมณฑล พบว่าการเลิกจ้างในองค์กรหรือหน่วยงานที่ครัวเรือนสังกัดหรือเป็นเจ้าของมีอัตราที่ลดลงจากร้อยละ 4.2 ในเดือนมีนาคม 2563 มาอยู่ที่ร้อยละ 3.7 ในเดือนมิถุนายน 2563 อย่างไรก็ดี องค์กรหรือหน่วยงานที่ครัวเรือนสังกัดหรือเป็นเจ้าของส่วนใหญ่ร้อยละ 21.3 มีนโยบายชะลอรับพนักงานใหม่เพื่อทดแทนพนักงานเดิมที่ลาออกหรือเลิกจ้างไปในช่วงก่อนหน้า (Hiring Freeze)
ซึ่งเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับผลสำรวจในเดือนมีนาคม 2563 ที่อยู่ที่ร้อยละ 9.2 สะท้อนจำนวนตำแหน่งการจ้างงานที่ลดลงในตลาดแรงงานไทย ในขณะที่การขอให้ใช้สิทธิ์ลาโดยไม่รับเงินเดือน (Leave without pay) การปรับลดเงินเดือนแทนการเลิกจ้าง และการลดจำนวนวันทำงานเพื่อลดต้นทุนค่าแรงมีอัตราที่ลดลงเมื่อเทียบกับผลสำรวจในช่วงเดือนมีนาคม 2563 สะท้อนให้เห็นว่ารายได้ของครัวเรือนไทยบางส่วนเริ่มทยอยกลับสู่ระดับปกติก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19
แม้รายได้และการมีงานทำของครัวเรือนไทยจะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย หลังจากที่มีมาตรการผ่อนปรนเพิ่มเติมในเดือนมิถุนายน2563 แต่ภาวะการครองชีพของครัวเรือนไทยยังได้รับแรงกดดันจากฝั่งรายจ่ายที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากระดับราคาสินค้าและบริการในประเทศที่สูงขึ้น โดยเฉพาะราคาพลังงานและค่าสาธารณูปโภค สอดคล้องไปกับดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปที่ในเดือนมิถุนายน 2563 ขยับขึ้นร้อยละ 1.56 เมื่อเทียบกับเดือนพฤษาภาคม 2563 นอกจากนี้ ครัวเรือนบางส่วนยังมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการศึกษาของบุตรหลาน เช่น อุปกรณ์การศึกษา ชุดนักเรียน เป็นต้น ก่อนเปิดภาคเรียนใหม่ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2563
ดัชนีภาวะเศรษฐกิจของครัวเรือน (KR Household Economic Condition Index หรือ KR-ECI) จัดทำขึ้นโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย เพื่อให้เป็นเครื่องชี้ที่สะท้อนความรู้สึกของครัวเรือนที่มีต่อภาวะการครองชีพทั้งในปัจจุบัน และในช่วง 3 เดือนข้างหน้า โดยค่าดัชนีที่สูงกว่าระดับ 50 หมายถึง ครัวเรือนส่วนใหญ่มองว่าภาวะการครองชีพ ‘ดีขึ้น’ ในทางตรงกันข้าม ค่าดัชนีที่ต่ำกว่าระดับ 50 หมายถึงภาวะการครองชีพ ‘แย่ลง’
ในขณะที่ดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (3-month Expected KR-ECI) ปรับตัวดีขึ้น จากระดับ 35.9 ในการสำรวจช่วงเดือนพฤษภาคม 2563 มาอยู่ที่ระดับ 37.4 ในการสำรวจช่วงเดือนมิถุนายน 2563 จากความกังวลที่ลดลงในทุกมิติการครองชีพของครัวเรือนในช่วง 3 เดือนข้างหน้า (เดือนกรกฎาคม-กันยายน 2563) และนับเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือนที่ดัชนีภาวะเศรษฐกิจฯ ในช่วง 3 เดือนข้างหน้ากลับมาอยู่ในระดับที่สูงกว่าดัชนีภาวะเศรษฐกิจฯ ในปัจจุบัน
ชี้ให้เห็นว่าครัวเรือนไทยมองภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของตนเองได้ผ่านจุดที่ย่ำแย่ที่สุดไปแล้ว อย่างไรก็ดี สภาวะการครองชีพของครัวเรือนไทยในปัจจุบันยังอยู่ภายใต้หลายมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐและสถาบันการเงิน ซึ่งมีผลต่อมุมมองการครองชีพของครัวเรือน เช่น มาตรการพักชำระหนี้เงินต้น มาตรการเยียวยาเกษตรกร มาตรการลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีม่วง เป็นต้น จึงยังต้องติดตามภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนไทย หากผลของมาตรการเหล่านี้สิ้นสุดลง
โดยสรุปแล้ว ดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนไทย (KR-ECI) ในเดือนมิถุนายน 2563 ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า แม้รายได้และการมีงานทำของครัวเรือนจะปรับตัวดีขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2563 แต่ในขณะเดียวกัน ครัวเรือนก็มีรายจ่าย (ไม่รวมหนี้) เพิ่มขึ้น แตกต่างจากดัชนีฯ ในอีก 3 เดือนข้างหน้า (3-month Expected KR-ECI) ที่ปรับตัวดีขึ้นจากทุกมิติการครองชีพของครัวเรือน
สะท้อนมุมมองของครัวเรือนที่ผ่านจุดย่ำแย่ที่สุดไปแล้ว อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนมาตรการภาครัฐที่อาจจะมีเพิ่มเติม รวมถึงมาตรการพักชำระหนี้ที่กำลังจะสิ้นสุดโครงการลงในช่วงไตรมาสที่ 3 นี้
หมายเหตุ: ศูนย์วิจัยกสิกรไทยขยายขอบเขตการสำรวจภาวะเศรษฐกิจของครัวเรือนไปยังส่วนภูมิภาค (ต่างจังหวัด) ตั้งแต่เดือนกันยายน 2560 เป็นต้นไป
รายงาน: ภูมินทร์ คิดเลิศล้ำ
เรียบเรียง: ภูมินทร์ คิดเลิศล้ำ
ติดตามข่าวสารการลงทุนเพิ่มเติมได้ที่: www.efinancethai.com
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์