วันนี้ (12 เมษายน) กรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ลงพื้นที่กรุงเทพมหานคร ย่านบางคอแหลม สาทร ยานนาวา เพื่อช่วยผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) หาเสียง โดยขึ้นรถแห่พร้อมผู้สมัคร พบปะพี่น้องประชาชนแถวมัสยิดดารุ้ลอาบิดีน ถนนจันทน์ ทะลุซอยกิ่งจันทน์ ซอยวัดไผ่เงิน เพื่อขอคะแนนพี่น้องประชาชนและผู้ที่สัญจรผ่านไปมาด้วย
กรณ์กล่าวว่า จากการพบปะพี่น้องประชาชนตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ทุกคนมองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้พวกเขาต้องการพรรคการเมืองและนักการเมืองที่จะเข้าไปเป็นรัฐบาลที่เข้าใจความเดือดร้อนของประชาชน ทั้งเรื่องของแพง ค่าน้ำมันแพง ค่าไฟฟ้าแพง ซึ่งตรงกับชุดนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้าที่นำเสนอ ทำให้เราเชื่อมั่นว่ามาถูกทาง หลายพรรคการเมืองอาจจะมีนโยบายที่สร้างความหวือหวา ลด แลก แจก แถม ซึ่งมีจำนวนมากและมากขึ้นเรื่อยๆ แต่สำหรับพรรคชาติพัฒนากล้า เราตั้งธงยุทธศาสตร์ว่าจะหารายได้เข้าประเทศ 5 ล้านล้านบาท ภายใน 4 ปี เราจึงคิดนโยบาย 12 นโยบายเฉดสีที่เรานำเสนอมาอย่างต่อเนื่อง
กรณ์ยังได้ยกตัวอย่างเศรษฐกิจเฉดสีเหลือง คือเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยระบุว่า คนไทยทุกคนมีชีวิตอยู่บนแพลตฟอร์ม แต่ประเทศไทยกลับไม่มีแพลตฟอร์มเป็นของตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องของการท่องเที่ยว ในแต่ละปีมีการจองโรงแรมที่พักโดยรวมปีละนับล้านล้านบาท ซึ่งต้องเสียค่าการตลาดให้กับแพลตฟอร์ตหลายแสนล้านบาท ทำให้เราเสียโอกาสในรายได้ดังกล่าว ดังนั้นเราจึงควรพัฒนาแอปพลิเคชันเป็นของเราเอง เพื่อเก็บเงินไว้ให้กับผู้ประกอบการชาวไทย นอกจากนี้ในเรื่องของ Soft Power เรามีเยอะมากแต่ขาดการส่งเสริม เช่น ซีรีส์วายของคนไทยที่นิยมไปทั่วโลก ซึ่งหากมีการส่งเสริมผู้ผลิตคอนเทนต์เหล่านี้มันจะนำไปสู่โอกาสในการขยายผล ประชาสัมพันธ์ผ่านอาหารไทย สินค้าไทย แหล่งท่องเที่ยวไทย ซึ่งเป็นช่องทางผลักดันไปสู่ตลาดโลก ทำให้เขาอยากมา และประเทศไทยก็จะมีรายได้จากการขายคอนเทนต์เหล่านั้นด้วย
หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้ากล่าวอีกว่า เศรษฐกิจสีเงิน เป็นนโยบายผู้สูงอายุที่พรรคเรามองต่างจากพรรคอื่น คือเรามองผู้สูงอายุเป็นสินทรัพย์ที่มีค่า ไม่ใช่ภาระ เรามีนโยบาย ‘สูงไวไฟแรง’ ส่งเสริมผู้สูงอายุที่ยังมีไฟ ยังมีแรงที่จะทำงานต่อ เราจะสนับสนุนเงินชดเชยเงินเดือนให้กับผู้ประกอบการที่ว่าจ้างผู้สูงอายุ รายละ 5,000 บาทต่อเดือน เพื่อเป็นแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการพร้อมที่จะจ้างผู้สูงอายุให้ทำงานต่อไป รวมถึงเรามีนโยบายทางภาษีด้วย สำหรับทุกคนถึงวัยเกษียณและต้องการทำงานต่อ จะลดภาระภาษีเงินได้บุคคลให้ 50%
นอกจากนี้ยังมีนโยบายยกระดับคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุด้วยโครงการอารยสถาปัตย์ อัดฉีดเม็ดเงิน 50,000 บาท ให้กับบ้านที่มีผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป เพื่อปรับปรุงบ้านให้มีความปลอดภัย โดยตั้งเป้าภายใน 4 ปี จะซ่อมแซมบ้านให้ได้ครบ 1,000,000 หลัง ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ทั้งเรื่องของแรงงานและผู้รับเหมา
กรณ์กล่าวด้วยว่า พรรคชาติพัฒนากล้ามีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง เพื่อสร้างโอกาสทำมาหากิน ลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับพี่น้องประชาชน โดยแก้ปัญหาที่โครงสร้าง ทั้งพลังงาน สินเชื่อ ซึ่งแม้ว่าจะต้องชนกับฐานอำนาจในบางกรณีเพื่อแก้ระบบอย่างยั่งยืน ซึ่งต้องอาศัยความกล้า และเราได้ทำให้ประชาชนได้เห็นมาแล้ว และก็เชื่อว่าท้ายที่สุดแล้วพี่น้องประชาชนจะคิดได้เองว่าแนวทางแบบไหนที่จะเป็นประโยชน์ต่อลูกหลานในอนาคตของเขาได้มากกว่ากัน พร้อมทั้งระบุด้วยว่า เชื่อว่าในช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียงจะได้เห็นผู้นำบางพรรคที่ยังไม่ได้แสดงวิสัยทัศน์ผ่านเวทีดีเบต จะได้นำเสนอนโยบายต่อประชาชน ซึ่งแม้จะมีกระทบกันบ้างแต่ก็ขอให้เป็นไปอย่างสร้างสรรค์ และประชาชนได้ประโยชน์
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามีการย้ำเตือนลูกพรรคอย่างไรบ้างในช่วงเทศกาลสงกรานต์ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้ากล่าวว่า ส่วนตัวไม่ได้กังวลอะไรมาก แต่ก็ได้ย้ำไปกับผู้สมัคร โดยเฉพาะคนที่เพิ่งลงสนามเป็นครั้งแรกให้ระมัดระวังในข้อจำกัดทางกฎหมายต่างๆ นอกจากนี้ยังได้เตือนผู้สมัครและทีมหาเสียงว่าให้ดูแลสุขภาพ ดื่มน้ำเยอะๆ แต่เชื่อว่าทุกคนจะผ่านไปได้เพราะส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ที่ยังแข็งแรง
