จากเหตุกราดยิงโคราช ซึ่งมีผู้สูญเสียจำนวนมาก นำมาสู่การเปิดปมระบบการทุจริตในกองทัพบก
พล.อ. อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เปิดเผยสั้นๆ ว่า ทหารยศจ่าก่อเหตุกราดยิงโคราช มีปมปัญหามาจากการล้างแค้นผู้บังคับบัญชาและเครือญาติจากปัญหาเรื่องที่ดิน
การให้สัมภาษณ์ของ พล.อ. อภิรัชต์ เป็นการยอมรับเป็นนัยว่าเรื่องทุจริตในกองทัพบกมีอยู่จริง โดยระบุว่าภายใน 3 เดือนนี้ ทหารยศนายพันจนถึงนายพลไม่มีงานทำแน่
เบื้องหลังของการก่อเหตุเริ่มจากการที่จ่าถูกผู้บังคับบัญชา ซึ่งเป็นนายทหารยศนายพันโกงเงิน เมื่อทวงถามก็กลั่นแกล้งสั่งขังและอมเบี้ยเลี้ยง
อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เปิดเผยข้อมูลว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อจ่าผู้ก่อเหตุซื้อบ้านในโครงการของแม่ยายผู้พัน โดยมีภรรยาของผู้พันเป็นผู้รับเหมา ตกลงราคากันที่ 7.5 แสนบาท
จ่าผู้ก่อเหตุจึงได้ไปกู้เงินจากโครงการเงินกู้ อทบ. เพื่อการเคหะสงเคราะห์ ซึ่งทหารยศจ่ากู้ในวงเงินได้ไม่เกิน 1.5 ล้านบาท
อัจฉริยะเปิดเผยว่า การประเมินราคาสิ่งปลูกสร้างเพื่ออนุมัติเงินกู้ทำโดยทหารยศร้อยเอกนายหนึ่ง ซึ่งรับหน้าที่ประเมินทั้งประเทศ
ที่สุดแล้วจ่าผู้ก่อเหตุได้อนุมัติเงินกู้จำนวน 1,125,000 บาท นั่นหมายความว่าจ่าจะได้เงินทอน 375,000 บาท และค่านายหน้าที่แนะนำลูกค้าอีก 50,000 บาท รวมแล้วเป็น 425,000 บาท
แต่ปัญหาคือขั้นตอนการรับเงินกู้มันพิสดารต่างจากการกู้ธนาคารปกติ ที่เมื่อกู้เงินมาก็ต้องไปจ่ายให้เจ้าของโครงการหรือเจ้าของที่ดิน
แต่ที่นี่ แม่ยายนายพัน ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการกลับเป็นผู้มาเบิกเงินกู้สวัสดิการ ที่สำคัญคือแคชเชียร์เช็กที่ออกเงินให้ก็เป็นชื่อแม่ยายผู้พัน ไม่ใช่ชื่อของจ่าผู้ก่อเหตุ ปัญหาจึงเกิด คือเมื่อแม่ยายผู้พันได้เงินไปแล้วไม่ยอมทอนให้จ่า
ประเด็นที่ตั้งข้อสังเกตคือ ทำไมหน่วยงานของกองทัพบกที่ทำเงินกู้จึงไม่ให้จ่าเป็นคนเบิกแล้วไปจ่ายให้เจ้าของโครงการ กลายเป็นว่าคนกู้ไม่ได้รับเงิน
ต่อมาเมื่อจ่าผู้ก่อเหตุไปทวงเงิน ผู้พันก็สั่งลงโทษทางวินัยโดยการนำไปขังและอมเบี้ยเลี้ยง เมื่อคนถูกบีบถึงขีดสุด มันจึงระเบิดออกมาเป็นโศกนาฏกรรมที่สร้างความเดือดร้อนไปถึงคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย
อัจฉริยะยังบอกด้วยว่า ทหารที่มีเรื่องร้องเรียนเข้ามาทั่วประเทศก็มีลักษณะเช่นนี้เหมือนกัน โดยตนมีเหยื่อรายหนึ่งก็ถูกโกงในโครงการที่จ่าผู้ก่อเหตุนี้โดนเหมือนกัน
และหากกองทัพบกลองตรวจสอบอย่างจริงจัง เชื่อว่าจะค้นพบกรณีเดียวกันนี้ในทุกจังหวัด
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า