ว่ากันว่าถ้าอยากหนีอะไรสักอย่างให้ไปลองติดเกาะ หนีปัญหา หนีชีวิต หนีความรัก หนีผู้คน หรือหลีกหนีความวุ่นวาย มุ่งหาความสงบเงียบ ในบรรดาเกาะแก่งทางภาคตะวันออก ‘เกาะหมาก’ เป็นเกาะที่ผู้คนหลงลืมมากที่สุด ด้วยทั้งประชากรน้อย อยู่ห่างไกล แถมยังไร้ซึ่งแสงสี การไปพักผ่อน 2 วัน 1 คืนของเราจึงมีแต่หาดทรายสวย น้ำทะเลสีคราม และต้นไม้เต็มเกาะ
ในเมื่อชีวิตวุ่นวายมากพอแล้ว ทริปนี้จึงไม่มีกิจกรรมผาดโผนชวนอะดรีนาลินหลั่ง มีการเดินเล่น พักผ่อน นอนเล่น ใช้เวลาทิ้งขว้างไปวันๆ เกาะหมาก เป็นเกาะในจังหวัดตราด ตั้งอยู่ระหว่างเกาะช้างกับเกาะกูด ห่างจากฝั่งประมาณ 38 กิโลเมตร มีพื้นที่ 9,000 ไร่ หรือ 14.4 ตารางกิโลเมตร แต่มีประชากรอาศัยอยู่ไม่ถึง 500 คน เมื่อเทียบสัดส่วนแล้ว เกาะหมากแทบจะเป็นเกาะร้างที่เราพบเจอต้นมะพร้าวบ่อยกว่าเจอมนุษย์เสียอีก
จากท่าเรือแหลมงอบสู่เกาะหมาก ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ บรรยากาศบนเกาะหมากแลดูผิวเผินคล้ายเกาะทั่วไป แต่สิ่งที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดคือธรรมนูญ 8 ข้อที่ชาวเกาะร่างกันไว้เพื่อดูแลรักษา โดยมีเป้าหมายเพื่อการท่องเที่ยวที่มีผลกระทบต่ำต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งทำให้การอยู่อาศัยบนเกาะอิงกับพลาสติกน้อยมาก ป้ายทุกป้ายบนเกาะ ไม่ว่าจะทำหน้าที่บอกทางหรือบอกสถานที่ ก็ล้วนแต่ทำมาจากไม้บนเกาะ นำมาวาดตกแต่งด้วยสีน้ำ ภาชนะ หรือหลอดพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งไม่มีบนเกาะ ฯลฯ
ตามรีสอร์ตต่างๆ มีจักรยานให้บริการอยู่ สามารถนำไปปั่นเที่ยวบนเกาะได้ หรือใช้บริการรถรางไฟฟ้าก็ได้ อันที่จริงบนเกาะยังมีรถเครื่องสี่ล้อให้บริการอยู่ เพียงแต่จำกัดจำนวน
ธรรมนูญ 8 ข้อ ประกอบด้วย
- ไม่สนับสนุนให้เรือเฟอร์รีนำยานพาหนะของนักท่องเที่ยวข้ามมายังเกาะหมาก
- รถจักรยานยนต์ให้เช่าต้องไม่เกินร้อยละ 70 ของจำนวนห้องพักบนเกาะหมาก
- ไม่สนับสนุนการใช้วัสดุจากโฟมหรือวัสดุที่ก่อให้เกิดมลพิษ เพื่อใส่อาหาร
- ห้ามทิ้งขยะ สิ่งปฏิกูล ของเหลือรับประทานลงในที่สาธารณะและแหล่งน้ำโดยเด็ดขาด
- ไม่สนับสนุนให้ใช้สารเคมีที่มีสารตกค้างสูง
- ห้ามส่งเสียงดังหรือกระทำการรบกวน หรือเป็นการเดือดร้อนในเวลา 22.00-07.00 น.
- ไม่สนับสนุนกีฬาทางบกและทางทะเลที่ใช้เครื่องยนต์ที่สร้างความเดือดร้อนแก่ชุมชน
- ห้ามนำ ห้ามเสพ ห้ามจำหน่ายสารเสพติดผิดกฎหมายทุกชนิดบนเกาะ
รีสอร์ตที่เราเลือกพักครั้งนี้คือ เกาะหมาก โคโค่เคป รีสอร์ท ซึ่งอยู่สุดเวิ้งอ่าวพระ คุ้งน้ำสวยที่มอบหาดทรายเนียนละเอียดทอดยาวเป็นกิโลเมตร เหมาะแก่การเล่นน้ำ พายคายัค หรือแม้แต่ทำกิจกรรมทางน้ำอื่นๆ
สุดเวิ้งอ่าวมีสะพานทอดตัวยาวลงสู่ท้องทะเล สถานที่ตั้งของบาร์เล็กกลางน้ำนาม Blue Pearl ที่หลายคนชื่นชอบ เหมาะแก่การนั่งดื่ม นั่งชิลล์ยามเย็น นักท่องเที่ยวที่มายังเกาะหมากนิยมมานั่งใช้เวลาทิ้งขว้างกันที่นี่ มองพระอาทิตย์ล้นน้ำ พร้อมสั่งเครื่องดื่มเย็นๆ ทั้งซอฟต์ดริงก์ ค็อกเทล และม็อกเทล แล้วเอนหลังบนเก้าอี้ไม้ ฟังเสียงคลื่นไปพลาง
ถ้าเดินไปจนสุดทางจะเจอบาร์น้ำหน้าตาลักษณะแบบนี้ กลางวันจะร้อนหน่อย แต่ตอนเย็นชิลมาก
อย่าลืมสั่งเครื่องดื่มและจับจองที่นั่งกันได้เลย
บรรยากาศยามเย็นดีมาก นั่งเรื่อยๆ รับลมเย็นๆ ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น คะแนนเต็ม 10/10 ไม่หัก
ซ้าย: ถ้าการนั่งทิ้งเวลาน่าเบื่อบ้างบางที ที่นี่ก็มีกิจกรรมทางน้ำให้ทำด้วย
ขวา: เมนูอาหารเช้าง่ายๆ แต่อร่อยมาก
เสน่ห์ของเกาะหมากอยู่ที่ความเงียบสงบ ที่นี่ไม่มีสถานบันเทิงหรือแหล่งท่องเที่ยวหวือหวา มีแต่สวนผลไม้ สวนมะพร้าว สวนยางของชาวบ้าน อย่างบ้านหลังที่เราเห็นในภาพนี้ คือบ้านหลังแรกที่สร้างบนเกาะหมาก ซึ่งละแวกบ้านยังเห็นบ่อน้ำบาดาล และร่องรอยอื่นๆ เมื่อครั้งสร้างเกาะอยู่เลย
แม้ทรายบนหาดจะไม่ขาวจั๊วะ แต่น้ำทะเลใสมาก เห็นแล้วอยากกระโจนลงทะเล
หมู่บ้านชาวประมงก็เป็นสถานที่อีกแห่งบนเกาะที่นักท่องเที่ยวแวะมาเยือนได้ แต่ลักษณะค่อนข้างแตกต่างจากหมู่บ้านชาวประมงที่อื่น ที่นี่ทำประมงแบบพื้นบ้าน พออยู่พอกิน มีการปักไม้กลางทะเลอนุบาลปลาเล็ก หาดทรายเนียนละเอียด สะอาดสะอ้าน บางส่วนของหมู่บ้านยังแปรเปลี่ยนเป็นโฮมสเตย์ต้อนรับนักท่องเที่ยว บรรยากาศน่ารักและฮิปกว่าที่คิด จนเราเองยังตกใจว่านี่คือหมู่บ้านชาวประมงจริงหรือ
ห่างจากอ่าวพระไปไม่ไกล สถานที่เที่ยวอีกแห่งที่นิยมมากคือ ‘สวนผักออร์แกนิก’ สวนเกษตรอินทรีย์ที่ใช้พื้นที่ของเกาะหมาก รีสอร์ทเป็นสถานที่ตั้ง ใช้ความพยายามนานกว่า 3 ปีในการปรับปรุงดินให้เหมาะแก่การปลูกผักปลอดสารพิษ โดยแบ่งออกเป็นการปลูกผักและเลี้ยงปลา พืชที่ปลูกส่วนใหญ่มักเป็นผักพื้นบ้านและผลไม้ต่างๆ บ่อน้ำธรรมชาติก็ปรับปรุงให้สะอาด แล้วเลี้ยงปลาดุก ปลาสวาย ปลานิล รวมทั้งเลี้ยงเป็ดและไก่ไข่โดยวิธีเลี้ยงปล่อย ซึ่งผลผลิตจะถูกนำไปใช้ในรีสอร์ต ก่อนแบ่งปันชาวบ้านไว้บริโภค
เกาะหมากไม่ใช่เกาะรื่นรมย์ที่มีแสงสีเสียงไว้ใช้ชีวิตยามค่ำคืนเช่นสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ไม่มีรถเครื่องวิ่งเพ่นพ่านจนแทบหาช่องว่างไม่เจอ ไม่มีรีสอร์ตหรูบริการเนี้ยบประดุจราชาไว้คอยบริการ แต่การมาพักผ่อนที่นี่ทำให้ใจเราสงบ ว่างเว้นจากสิ่งเร้าทั้งปวง แต่ก็ยังสามารถติดต่อกับโลกภายนอกได้ มีโอโซนบริสุทธิ์ให้สูดตั้งแต่ลืมตาตื่น มีเสียงคลื่นให้ฟังเมื่อไรก็ได้ที่คุณอยากฟัง ที่สำคัญเหนือสิ่งใด ผู้คนบนเกาะมีมิตรไมตรีจิต ต้อนรับขับสู้ดีมาก ใครที่อยากปลีกวิเวก หลบหลีกผู้คน ลองแวะมาพักกายพักใจยังเกาะนี้ รับรองว่าคุณจะต้องชอบเหมือนที่เราชอบ
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า