สายลมหนาวพัดโชยปะทะกายยามเมื่อรถอีแต๊กเคลื่อนฝ่าความมืด ลานโล่งกว้างปกคลุมด้วยต้นหญ้าสูงเทียมเอว โดยมีต้นเสม็ดขาวกระจายอยู่เป็นหย่อมย่าน คืนนี้พระจันทร์สวยผ่องนัก ทว่าเทียบมิได้เลยกับภาพความงามในไม่กี่นาทีต่อมา ยามเมื่อแสงอาทิตย์สาดส่องจากเส้นขอบฟ้า ทุ่งหญ้าเบื้องหน้าก็พลันเปลี่ยนเป็นทุ่งสีทองอร่ามตา
ใครกันจะไม่ตะลึงหลงบรรยากาศอบอุ่นละมุนละไมของทุ่งหญ้าสีทองโบกพลิ้วตามแรงลมบนเกาะพระทอง ยิ่งประกอบกับรอยเท้าสัตว์ป่าบนพื้นดินปนทรายขาวนวล สภาพอากาศร้อนแห้งแล้งแต่ชุ่มชื่นเป็นบางจุด รูปทรงกิ่งก้านของต้นเสม็ดขาวอันแปลกตา ส่งให้เกาะพระทอง แลดูเหมือนเขตแอฟริกาเข้าไปใหญ่
เกาะพระทอง เป็นเกาะกลางทะเลในเขตอำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา มีพื้นที่ 102 ตารางกิโลเมตร ใหญ่ที่สุดในพังงาและใหญ่เป็นอันดับ 5 ของไทย แต่มีชุมชนเพียง 3 หมู่บ้าน คือ บ้านปากจก บ้านทุ่งดาบ และบ้านแป๊ะโย้ย นักเดินทางส่วนใหญ่รู้จักทุ่งแสลงหลวงกันดีในนาม ‘ทุ่งหญ้าสะวันนาแห่งเมืองไทย’ อุทยานแห่งชาติซึ่งตั้งชื่อตามพันธุ์ไม้ ‘ต้นแสลงใจ’ ที่ขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก ครอบคลุมพื้นที่ทั้งจังหวัดพิษณุโลกและเพชรบูรณ์ หากแต่มีไม่กี่คนหรอกที่รู้ว่าเกาะพระทองก็มีภูมิอากาศแบบทุ่งหญ้าสะวันนาเช่นเดียวกัน
การได้รับการคัดเลือกจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้เป็น ‘Unseen Thailand’ ในปี พ.ศ. 2546 ส่งผลให้พระทองโด่งดังเพียงชั่วข้ามคืน จนหลายคนอดหวั่นใจไม่ได้ว่าชื่อเสียงที่มาเร็วเกินไป อาจทำให้เกาะเสียศูนย์ในอนาคต หากแต่ความจริงกลับเล่นตลก ความพิสุทธิ์ของเกาะพระทองถูกรักษาไว้ด้วยภัยสึนามิ อาคารสิ่งก่อสร้างเสียหาย ชาวบ้านหลายร้อยหลังคาเรือนอพยพขึ้นฝั่ง เหลือไว้ก็เพียงแต่คนพื้นที่แค่เพียงหยิบมือ สัตว์ป่า และความงามตามธรรมชาติ
แม้บนเกาะจะมีชาวบ้านอาศัยอยู่ไม่กี่หลังคาเรือน แต่ก็มีที่พักน่ารักให้เราพึ่งพิงอย่างไม่น่าเชื่อ Moken Eco Village เป็นที่พักแนวอนุรักษ์ธรรมชาติ ที่มีเจ้าของเป็นชาวพื้นที่ ตั้งอยู่บริเวณอ่าวตาแดง ติดกับหาดสุดขอบฟ้า จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกสวยที่สุดประจำเกาะ หน้ารีสอร์ตเป็นหาดทรายกว้างเนื้อเนียนละเอียด เหมาะแก่การเล่นน้ำ จากหาดมองเห็นเกาะปลิงเล็ก ปลิงใหญ่ จุดดำน้ำตื้นสวย ซึ่งสามารถพายเรือคายัคออกไปสัมผัสโลกใต้ทะเลได้เพียงแค่ 5 นาที
การเที่ยวเกาะพระทองให้สนุกต้องเหมารถอีแต๊กชมเกาะ คุณลุงเทพ กำมะหยี่ ผู้นำทัวร์และสารถีเฉพาะกิจพาเรามายังทุ่งหญ้ากลางเกาะตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง เพื่อหมายชมความงามของผืนป่าภายใต้สภาพอากาศเย็นสบาย ช่วงเวลากลางวันบนเกาะจะร้อนและแห้งมาก อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 33-35 องศาเซลเซียส กลางคืนอยู่ที่ 20-25 องศาเซลเซียส เย็นกำลังดีโดยไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องปรับอากาศ รอไม่นานพระอาทิตย์เริ่มสาดแสง จากทุ่งหญ้าสีซีดก็พลันเปลี่ยนเป็นสีทองอร่าม ชาวบ้านเรียกทุ่งหญ้าสะวันนากลางเกาะว่า ‘ทุ่งหญ้าเสือหมอบ’ ทุกปีน้ำทะเลจะหนุนท่วมส่วนกลางของเกาะแล้วลดลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นหญ้าจะเจริญงอกงามครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 30,000 ไร่ เป็นอาหารชั้นดีของกวางป่า และจะเริ่มกลายเป็นทุ่งหญ้าสีทองในช่วงฤดูแล้ง
แต่ถึงเป็นแหล่งอาหารชั้นดีก็ใช่ว่าจะเจอกวางป่ากันง่ายๆ แม้ชาวบ้านมักเอ่ยบอกว่าเจอบ่อย เห็นบ่อย ทว่านักท่องเที่ยวอย่างเราต้องพกดวงไปด้วยเสมอ ความน่าพิศวงอีกอย่าง คือ ฝูงกวางป่าบนเกาะมีคู่อริเป็นฝูงหมาป่าที่อดีตเคยมีสถานะเป็นหมาบ้าน เหตุเกิดจากภัยสึนามิทำให้ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ต้องรวมกลุ่มกันออกล่ากวางป่าเพื่อประทังชีวิต เวลาเข้าป่าหรืออยู่ตามทุ่งหญ้าเสือหมอบ ถ้าได้ยินเสียงหมาเห่าหอนลอยมาตามลม เป็นสัญญาณบ่งบอกว่ากำลังมีการไล่ล่า บรรยากาศคล้ายซาฟารี
ป่าเสม็ดขาวเป็นอีกหนึ่งจุดที่ต้องมาบนเกาะพระทอง อยู่ห่างจากทุ่งหญ้าสะวันนาไปทางทิศตะวันตกราว 15 นาที ไม้พุ่มกึ่งยืนต้น เรือนยอดแคบเป็นพุ่มทรงสูง ลำต้นมักบิด เปลือกมีสีขาวนวลจนถึงสีน้ำตาลเทา เป็นแผ่นบางเรียงซ้อนเป็นปึกหนานุ่ม ลุงเทพบอกว่า ชาวบ้านนิยมลอกเปลือกไปเป็นเชื้อเพลิง บ้างก็ลอกเก็บไว้เป็นเส้นๆ ทำเป็นเชือกรัดสิ่งของ เห็นบางๆ แบบนี้เหนียวดีนัก ตามต้นยังเป็นที่อยู่ของกล้วยไม้พันธุ์หายาก เช่น เอื้องปากนกแก้ว หลายคนตั้งข้อสันนิษฐานว่า ป่าเสม็ดขาวมีขนาดเพิ่มขึ้นหลังสึนามิ แพร่พันธุ์ขยายออกไปเติบโตโดยที่ไม่มีใครรบกวนมาหนึ่งทศวรรษ บางต้นลุงเทพบอกว่าอยู่มาตั้งแต่สมัยรุ่นปู่ย่าตายาย เป็นร้อยปีตั้งแต่ลุงยังไม่เกิด
มื้อเที่ยงเราตกลงใจฝากท้องไว้กับรสมือแสนอร่อยของป้ามร ภรรยาของลุงเทพ อาหารทะเลสดๆ ปูดำไข่ตัวใหญ่ ถูกลำเลียงเสิร์ฟตรงไหน ไหนจะแกงเลียงกาหยูรสเด็ด ซึ่งหากินได้บนเกาะเท่านั้น เรียกได้ว่าทั้งอิ่มและอร่อย มื้อเดียวกินข้าวหมดไปหลายจาน
ตะวันกลมโตใกล้ลับขอบฟ้า เมื่อรถอีแต๊กคันเดิมพาเราไต่กลับสู่หาดทรายสีดำขลับ บริเวณอ่าวตาแดงอีกครั้ง แสงสุดท้ายของวันย้อมผิวน้ำให้กลายเป็นสีทอง เช่นกันกับหาดทรายที่แปรเปลี่ยนสีไปตามองศาของแสงอาทิตย์ บรรยากาศรอบตัวดูสงบและโรแมนติก สวยงามตรึงใจ เกาะพระทองมีเสน่ห์อันพิสุทธิ์ให้ค้นหาและสัมผัสตลอดวัน เงียบสงบ ไร้ผู้คน เหมาะแก่การปลีกวิเวก หนีฝูงชนมาเอนกาย อิ่มเอมกับธรรมชาติ และความหลากหลายทางนิเวศวิทยา ที่รับรองได้ว่ามีเพียงหนึ่ง ไม่เป็นสองรองใครในแผ่นดิน
More Info
- ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเที่ยวเกาะพระทอง คือ ฤดูหนาว ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนจนถึงเดือนกุมภาพันธ์
- ชีวิตบนเกาะสะดวกสบาย สัญญาณอินเทอร์เน็ตมีเฉพาะบางเครือข่าย และไฟฟ้ามีใช้อย่างจำกัด
Getting There
- นั่งเครื่องลงที่สนามบินนานาชาติภูเก็ต แล้วต่อรถมาลงท่าคุระบุรี จังหวัดพังงา ตรวจสอบตารางบินได้ที่ Airasia , Bangkok Airways, Thai Smile Airways
- หากพักที่ Moken Eco Village ซึ่งแนะนำอย่างยิ่ง สามารถติดต่อเหมาเรือให้ทางที่พักมารับได้ในราคา 1,800 บาท โดยประมาณ ตรวจสอบราคาอีกครั้งได้ที่เว็บ (www.mokenecovillage.com) ขึ้นเรือที่ท่าคุระบุรี ลงหน้าที่พักได้เลย ไม่ต้องต่อรถ
- เหมารถอีแต๊กทัวร์ ติดต่อคุณเทพ กำมะหยี่ ชาวพื้นถิ่นผู้ใช้ชีวิตบนเกาะมานานถึง 60 ปี ราคา 1,500-1,800 บาททั้งวัน โทร. 08 7993 4331
Where to Stay
Moken Eco Village
รีสอร์ตรักษ์โลกที่ให้ความสำคัญกับการลดการใช้พลังงาน อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกสวยอีกแห่งของเกาะ อาหารอร่อย ราคาแพง เงียบสงบทำเลดี อยู่ใกล้แหล่งดำน้ำ มีหน้าหาดให้เล่น
โทร. 08 1895 6186, www.mokenecovillage.com