ในโลกของนักอ่านและคนรักหนังสือ ความสุขของพวกเราไม่ใช่แค่ตอนที่นักเขียนคนโปรดออกงานเล่มใหม่ หนังสือภาษาต่างประเทศที่รอคอยได้ลิขสิทธิ์แปลไทย หรือพอดแคสต์ตอนใหม่ของโจ้-เน็ตออกแล้ว แต่ยังรวมถึงการได้ค้นพบร้านหนังสืออิสระ ได้เมาท์มอยกับเจ้าของร้าน ได้เจอเพื่อนกลุ่มใหญ่ที่พากันคุยเรื่องหนังสือได้ทั้งวี่ทั้งวัน
ไม่ว่าจะด้วยสโลแกน ที่นี่ เงียบสงบมาก ที่ออกจะตรงกันข้ามกับสถานการณ์จริงเมื่อนักอ่านกด CF หนังสือกันรัวๆ จนไฟลุก การนำเสนอหนังสือแบบ Blind Date with a Book ไปจนถึง ก้านรวงข้าว ที่แนบมากับห่อพัสดุจนเป็นซิกเนเจอร์
ร้านกลิ่นหนังสือ คือความสุขของคนชอบอ่าน และก็เป็นโชคดีของเราที่มีโอกาสได้พูดคุยกับ เพชร เจ้าของร้านหนังสืออิสระแห่งนี้
ปรารถนาจะเป็นร้านหนังสือที่เป็นเหมือน เพื่อน พี่ น้อง ที่คุณผู้อ่านแวะมาหาได้ทุกเมื่อ ทั้งช่วงเวลาที่สบายดี และอื่นๆ
เพชรเล่าให้ฟังว่าจุดเริ่มต้นของร้านกลิ่นหนังสือเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 3 ปีก่อน เป็นบัณฑิตป้ายแดงจากคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ ประจวบเหมาะกับมีเวลาว่างระหว่างรอรับปริญญาประมาณ 4-5 เดือน จึงตัดสินใจสมัครโครงการครูอาสาเกื้อฝันเด็ก และได้ขึ้นดอยไปสอนเด็กกลุ่มชาติพันธุ์อยู่ 4 เดือนเต็มๆ
“ตัวเพชรเองเป็นเด็กกลุ่มชาติพันธุ์ เป็นชาวเขาเผ่าเย้า และเราก็เรียนเกี่ยวกับด้านเด็กมาอยู่แล้วก็เลยขึ้นไปเลย มันมีเรื่องราวเกิดขึ้นเยอะมาก โดยเฉพาะเรื่องห้องสมุด เรื่องหนังสือที่เราไปลงมือทำกับเด็กๆ จนตอนนั้นคิดว่า ถ้าไม่เป็นครูก็อาจจะทำงานเกี่ยวกับหนังสือ”
ก่อนที่จะได้คุยกับเพชรแบบจริงๆ จังๆ ตอนที่ยังอ่านชื่อร้านแบบผ่านๆ เราก็คิดเองเออเองว่าชื่อร้าน ‘กลิ่นหนังสือ’ ก็คงมาจากกลิ่นหมึกบนหน้ากระดาษ ยิ่งเก่ายิ่งเข้มข้นชนจมูกทุกครั้งเมื่อเปิดอ่าน แต่ในความเป็นจริงแล้วชื่อร้านมีที่มาที่ไปที่ลึกซึ้งกว่านั้น
“ตอนที่เพชรขึ้นไปเป็นครูอาสาที่ห้วยส้มป่อย ก็ได้สรุปเรื่องราวที่ทำมาตลอด 4 เดือนกับเด็กๆ กับห้องสมุดที่โรงเรียน ทำรวมออกมาเป็นไฟล์ส่งให้กับทางโครงการ เพชรตั้งชื่อไฟล์ว่า ‘กลิ่นหนังสือ’
“เวลาพูดถึงกลิ่นหนังสือ เพชรนึกถึงตัวเองตอนเป็นเด็ก เพราะเราผูกพันกับหนังสือมาตั้งแต่เด็ก นึกถึงเรื่องราวของเราตอนเด็กๆ ตอนที่อยู่บนชนบท อยู่บนดอย ซึ่งทางโครงการครูอาสาฯ ก็ถามแพลนในอนาคต ตอนนั้นเพชรพูดว่า เพชรอยากจะเปิดร้านหนังสือเป็นของตนเอง เพราะว่าเพชรได้รับพลังจากเด็กๆ ที่โรงเรียนนั้นเยอะมากๆ”
ถ้าเกิดว่าจะเปิดร้านหนังสือ ร้านที่เราอยากจะเปิดจะต้องอยู่ที่น่าน แล้วจะต้องชื่อว่า กลิ่นหนังสือ
เมื่อหมดวาระครูอาสา เพชรได้เป็นคุณครูแนะแนว ทำงานกับเด็กๆ อยู่ที่โรงเรียนในกรุงเทพฯ ได้ประมาณ 1 เทอมก่อนจะลาออกเพื่อกลับน่าน
“เพชรได้ไปที่ The Reading Room Bangkok เป็นห้องสมุดเล็กๆ ที่กรุงเทพฯ แล้วเขาจัดกิจกรรม Blind Date ช่วงวาเลนไทน์ เพชรก็เลยรู้จักวิธีการนี้เป็นครั้งแรก ลองยืมมาอ่าน แล้วก็รู้สึกชอบมากๆ เพราะได้ลองอ่านในหนังสือแนวที่ไม่เคยอ่านมาก่อน”
ด้วยความที่ยังมีหนังสือหลายเล่มตกค้างอยู่ที่บ้านพักในเมืองกรุง เพชรจึงตัดสินใจทำ Blind Date with a Book เพื่อส่งต่อหนังสือไปยังนักอ่านคนอื่นๆ และให้ผู้ซื้อตั้งราคาด้วยตนเอง
Blind Date with a Book ครั้งแรกๆ เกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจว่าจะทำเป็นร้านจริงจัง ไม่ได้แสวงหากำไร เป็นเพียงกิจกรรมสนุกๆ เพื่อส่งต่อหนังสือมือสองของตัวเอง แต่พอนานวันเข้าลูกค้าก็เริ่มติดใจสไตล์และอยากให้เพชรทำต่อ “ตอนนั้นก็เลยเริ่มคิดว่า ถ้าเราอยากจะทำให้ร้านมีความยั่งยืนหรืออยู่ต่อไปเรื่อยๆ น่าจะต้องปรับบางอย่าง ปรับวิธีการทำงาน ปรับวิธีการขาย เลยค่อยๆ ปรับมาเรื่อยๆ จนกลายมาเป็นกลิ่นหนังสือในตอนนี้ค่ะ”
Blind Date with a Book ทำให้รู้สึกว่าใครๆ ก็อ่านหนังสือได้ หนังสือมีหลากหลายมาก จะต้องมีสักเล่มใดเล่มหนึ่งที่เหมาะกับตัวคุณแน่นอน
สำหรับร้านกลิ่นหนังสือ คำกล่าวที่ว่า Don’t judge a book by its cover หรืออย่าตัดสินหนังสือที่หน้าปก ไม่ใช่วลีลอยๆ ที่ฟุ้งวนอยู่ในอากาศ ทั้งยังถูกจับมาตีความและนำเสนอเป็นเรื่องเป็นราวผ่านกิจกรรม Blind Date with a Book ที่อธิบายง่ายๆ คือการนัดบอดกับหนังสือ โดยเลือกจากข้อความสั้นๆ หรือวรรคเด็ดๆ ที่เพชรบรรจงเลือกสรรมาเพื่ออธิบายหนังสือปริศนาแต่ละเล่ม
“ช่วงแรกๆ Blind Date with a Book ทั้งหมดจะเป็นหนังสือจะเป็นมือสอง หลังจากที่เพชรทำเป็นร้านกลิ่นหนังสือจริงจังขึ้น ตอนนี้จะเป็นมือหนึ่งทั้งหมด แต่ว่า Blind Date with a Book ทุกเล่มเพชรจะต้องเป็นคนเลือกขึ้นมาเอง
“สำหรับ Blind Date with a Book ลูกค้ามีความเสี่ยงตรงที่ว่า บางทีคำโปรยที่เราเลือกมาอาจจะเป็นประโยคที่เขาชอบ แต่อาจจะไม่ใช่ทั้งหมดในเนื้อหาที่เขาชอบ อย่างน้อยที่สุดคือเพชรจะต้องผ่านตามาก่อน เคยเห็นรีวิว เคยรู้จักมาก่อน แล้วก็เคยอ่าน รวมถึงกำลังอ่าน หรือรู้จักเล่มนั้นพอประมาณ
“การลองซื้อหนังสือแบบ Blind Date with a Book มันก็คือการที่เราปล่อยให้ตัวเองได้พบเจอกับสิ่งใหม่ ได้ลองอ่านหนังสือแนวใหม่ๆ ที่อาจจะไม่เคยอ่านมาก่อน หรือหนังสือบนชั้นที่อาจจะไม่คิดที่จะเลือกหยิบมันขึ้นมาอ่านเลย”
ถ้าเกิดมีเว็บก็จะเป็นพื้นที่ของเราเลย ลูกค้าจะได้ทำความรู้จักกับเรามากขึ้นด้วย
หนังสือของทางร้านเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ จากหลักหน่วย เป็นหลักสิบ เป็นหลักร้อย ประกอบกับธุรกิจที่ค่อยๆ เติบโตขึ้น จนการลงมือทำทุกขั้นทุกตอนด้วยตัวเองนั้นไม่เพียงพอและทันใจอีกต่อไป เพชรจึงขยับขยายมาเปิดเว็บไซต์ https://klinnangsue.co ในที่สุด
“ก่อนหน้านี้เพชรทำเกือบทุกอย่างเลย ปัญหาหลักๆ คือตอบแชตไม่ทัน ตัวเราไม่สามารถที่จะรับผิดชอบงานทุกอย่าง ทั้งคุยกับนักเขียน คุยกับสำนักพิมพ์ ต้องตอบลูกค้า และคอยมองหาหนังสือใหม่ๆ แล้วก็ออกไปส่งของเอง
“เพชรรู้สึกว่างานเริ่มไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ ลูกค้าก็รอเรานาน แล้วก็ลงหนังสือผสมกันทั้ง Blind Date ทั้งแบบเห็นปก ลูกค้าก็เลยหายาก คือเขาก็จะเลื่อนๆ หาแล้วมันก็ผสมปนกันไปหมด เลยคิดว่าน่าจะทำเป็นเว็บขึ้นมา
“อีกอย่างคือเพชรคิดมาตั้งแต่แรกๆ แล้วว่าอยากจะแชร์เรื่องหลังร้าน แชร์ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ เรามีแพลนเรื่องอื่นๆ ที่กำลังทำอยู่ หรือว่าวันนี้เราทำอะไร อยากจะแชร์เป็นบล็อกหรือเป็นบทความลงให้อ่านเลยค่ะ”
กลิ่นหนังสือสนับสนุนนักเขียนอิสระ เราชื่นชมและมองเห็นพลังในตัวของนักเขียนอิสระไทยมากๆ
ถ้าไล่ดูฟีดของร้านกลิ่นหนังสือทั้งใน Twitter และ Instagram นอกจากหนังสือหมวด Blind Date with a Book ที่เห็นกันบ่อยๆ แล้ว อีกหมวดที่ร้านกลิ่นหนังสือสนับสนุนหนักๆ แนะนำแรงๆ เลยก็คือ หมวดนักเขียนอิสระ นอกจากนี้ยังก็ได้พื้นที่บนหน้าแรกบนเว็บไซต์แบบไม่น้อยหน้าหมวดอื่นๆ
“ตอนที่เริ่มทำเว็บแรกๆ เพชรตั้งใจไว้เลยว่าจะแยกงานของนักเขียนอิสระออกมาอีกหมวดหนึ่ง แม้ว่าขณะนี้งานนักเขียนอิสระที่เข้ามาอาจจะยังไม่มาก แต่ว่าเราก็ปรารถนาว่าจะค่อยๆ ทำไปทีละนิด ค่อยๆ มองหาและติดต่อนักเขียน เอาหนังสือของเขามาลงขาย
“ตอนนี้มีเว็บไซต์ออนไลน์ แพลตฟอร์มต่างๆ ที่นักเขียนอิสระไทยลงหนังสือ ลงผลงาน ลงบทความ ลงอะไรหลายอย่าง เราเห็นแล้วก็รู้สึกว่างานของเขาดีไม่แพ้กับหนังสือแปลเลยนะ เพียงแต่ว่าอาจจะยังไม่ถูกพบเห็น หรือว่าไม่ได้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ใหญ่ๆ หรือว่าไม่ได้พิมพ์ออกมาจำนวนมาก
“เราเห็นแล้วรู้สึกว่างานของนักเขียนอิสระยังมีดีๆ อีกเยอะมาก แล้วก็อยากให้คนไทยได้รู้จักและอ่านงานของนักเขียนไทยมากขึ้นด้วย ก็เลยแยกออกมาเป็นอีกหมวดหนึ่งเลยค่ะ”
พูดถึงงาน Self-Published กันขนาดนี้ เราเลยอดไม่ได้ที่จะขอให้เพชรช่วยแนะนำงานของนักเขียนอิสระกันสักหน่อย
- อยู่แชร์เฮาส์กับเหล่านักเขียน โดย Moonscape
เป็นเล่มที่พาเพชรออกจาก Reading Slump อ่านรวดเดียวจบ และตั้งปณิธานว่าอย่างไรก็ต้องติดต่องานมาขายที่ร้านให้ได้ กลายเป็นงานนักเขียนอิสระเล่มแรกของร้านกลิ่นหนังสือ
- Beau (is Non-Binary of Everything) โดย Lady’s Lady
เพชรไม่ได้อ่านหนังสือแล้วรู้สึกอยากร้องไห้มาพักใหญ่ๆ แล้ว พอมาเจอ Beau เลยรู้สึกชื่นชอบเป็นพิเศษ เพราะเป็นเล่มที่เข้าถึงความคิดได้อย่างดี
- เมื่อความตายทำให้เราพบกัน โดย Rtima1123
เป็นอีกเล่มแรกๆ ของนักเขียนอิสระที่ได้มาวางขายในร้าน มีความคล้ายวรรณกรรมเยาวชน เขียนให้อ่านง่าย น่าสนใจ น่าติดตาม แล้วก็แฟนตาซีด้วย
กลิ่นหนังสือ ห้องสมุดในป่า และหนังสือเสียง A place with an archive of books.
ในช่วงเวลาเดียวกันกับตอนเปิดเว็บกลิ่นหนังสือ อีกโปรเจกต์ที่กำเนิดขึ้นมาพร้อมๆ กันก็คือ Bibliotheca ห้องสมุดออนไลน์ที่ส่งหนังสือให้อ่านจริงๆ ถึงหน้าบ้าน โดยนักอ่านสามารถยืมหนังสือได้ครั้งละ 1-3 เล่ม ยืมได้ 1 เดือน คิดแค่ค่าส่งเพียง 40 บาท ตอนนี้มีหนังสือให้เลือกเป็นร้อยรายการ ตั้งแต่เล่มใหม่ในกระแส ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ วรรณกรรมยอดนิยม งานของนักเขียนอิสระ รวมถึงหนังสืออีกหลายๆ เล่มที่นักอ่านบริจาคส่งมาให้ร้านช่วยดูแล ห้องสมุดจึงค่อยๆ เติบโตไปในทิศทางที่ดี ไม่ใช่แค่ของคนใดคนหนึ่ง แต่ทุกคนมาแชร์กัน
“เพชรผูกพันกับหนังสือและห้องสมุดมาตั้งแต่เด็ก ห้องสมุดบนดอยจะมีแต่หนังสือที่เกี่ยวกับการเรียนหรือพวกวรรณคดีไทย แต่ถ้าอยากจะอ่านนอกเหนือจากนั้น มันค่อนข้างยากค่ะ ตอนเด็กๆ เพชรต้องรอทีละ 1-3 สัปดาห์ รอวันที่จะมีคนเข้าไปในเมือง เราก็จะกระโดดขึ้นกระบะของเขาร่วมกับชาวบ้านคนอื่นๆ เพื่อเข้าเมือง เพื่อที่จะซื้อหนังสือสักเล่มกลับไปอ่านที่บ้านเราบนดอย
“มันติดอยู่ในใจเพชรเหมือนกันนะ เหมือนตอนนั้นเราต้องเก็บเงินเพื่อซื้อหนังสือสักเล่ม รวมถึงการจะเข้าถึงหนังสือก็ยาก จนถึงปัจจุบันพอเพชรมาเปิดร้านหนังสือประมาณ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ก็ยังมีเด็กๆ เขามาเล่าให้เราฟังว่าเขาจะเก็บเงินซื้อหนังสือนะ หรือว่าเขาอยากอ่านแต่เขาไม่มีเงินที่จะซื้อหนังสือ
“เพชรเลยรู้สึกว่าจะ 10 ปีก่อนหรือตอนนี้ ประเทศไทยก็ยังเหมือนเดิมเลย ก็คือยังมีเด็กอีกเยอะมากๆ ที่เข้าถึงหนังสือได้ยาก เลยทำเป็นห้องสมุดขึ้นมา
“จริงๆ เพชรวางแผนอยากจะทำเป็นห้องสมุดในพื้นที่เมืองน่านนี่แหละ แต่ก็มีเรื่องของทุน เรื่องของสถานการณ์โควิด เลยเริ่มทำ Bibliotheca เป็นออนไลน์ก่อน ถ้าเกิดว่าในอนาคตเพชรมีทุนมากพอและสถานการณ์มันดีขึ้น ก็อาจจะมีห้องสมุดที่อยู่ในพื้นที่ค่ะ”
เพชรเล่าให้ฟังว่าห้องสมุด Bibliotheca ได้รับการตอบรับค่อนข้างดีเลยทีเดียว แต่ก็มีความท้าทายที่น่าหนักใจอยู่เหมือนกัน
“ล่าสุดเพชรแอบช็อกอยู่ มีหนังสือเล่มหนึ่งที่ส่งกลับมาแล้วสันหลุด ก็รู้สึกเสียใจนะ เพราะว่ามันเป็นเล่มที่หายากมากๆ แล้วเพชรได้มาเป็นของขวัญด้วย ไม่มีพิมพ์อีกแล้ว ก็แอบปาดน้ำตา แต่ก็จะทำต่อไปค่ะ (หัวเราะ) รู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่เราต้องเตรียมใจรับไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เพราะหนังสือจะต้องผ่านไปอีกหลายๆ มือ”
ตอนที่อยู่ที่บ้านบนดอย ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ มีแค่โรงเรียน มีสนามกีฬา มีสวน มีไร่ มีห้องสมุดที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของเพชร
มาถึงจุดนี้เราสัมผัสได้เลยว่าเป้าหมายอันแรงกล้าของเพชรในฐานะเจ้าของร้านกลิ่นหนังสือและห้องสมุด Bibliotheca ก็คือการทำให้ ‘การอ่าน’ เป็นเรื่องที่เข้าถึงได้และง่ายกับทุกคน
“ในฐานะร้านหนังสือ เพชรไม่เคยรู้สึกว่าคนไทยอ่านหนังสือน้อยลงเลยนะ แต่ว่าการเข้าถึงหนังสือของคนไทยมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มีหลายคนที่เขาไม่ได้มีโอกาสในการที่จะได้อ่าน
“ส่วนตัวเพชรไม่ค่อยเชื่อในแง่ของสถิติเท่าไร เพราะว่าเพชรเองเป็นเด็กกลุ่มชาติพันธุ์ เคยอยู่ในชนบท อยู่บนดอยเลย เราไม่เคยเข้าถึงหนังสือที่มันดีๆ แล้วการเข้าถึงหนังสือสักเล่มมันยากมากๆ แต่มันไม่ได้หมายความว่าเราไม่ชอบอ่านหรือว่าเราอ่านหนังสือน้อย เพียงแต่ว่าเราเข้าไม่ถึงจริงๆ
“อีกอย่างคือเพชรมองว่าหนังสือแพงอยู่นะ แต่ในความแพงมันก็มีที่มาที่ไป มีเรื่องของต้นทุนด้วย อะไรหลายๆ อย่างด้วย แล้วรัฐก็ไม่ได้สนับสนุนวงการหนังสือ ไม่ได้มาโอบอุ้มหรือมาช่วยสำนักพิมพ์ขนาดนั้น ประกอบกับค่าแรงของไทยก็น้อย คือบางทีด้วยราคาหนังสือมาเท่าค่าแรงของคนไทยแล้วค่ะ
“หนังสือก็ 300 ค่าแรงก็ 300 ฉะนั้นการที่คนอ่านเขาจะแบ่งค่าแรงส่วนหนึ่งมาซื้อหนังสือ มันก็เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนะ เพราะว่าเขาก็ต้องนำเงินจำนวนนี้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน เป็นค่าครองชีพของเขาอีก”
มีความสุขกับการเปิดร้านหนังสือ ใส่ตัวตนของตนเองลงไป และเคารพในตัวของลูกค้าคนที่เรากำลังจะส่งต่อหนังสือสักเล่มหนึ่งไปถึงเขา
นอกจากร้านกลิ่นหนังสือของเพชรเอง ก็ยังมีร้านหนังสืออิสระใหม่ๆ อีกมากมายหลายร้านที่เข้ามาสร้างสีสัน ความสนุก และความตื่นเต้นให้กับบรรดานักอ่านอยู่เรื่อยๆ
“เพชรมองเห็นพลังนะ ช่วงนี้ยิ่งเห็นร้านอิสระใหม่ๆ เกิดขึ้นเยอะมากๆ ก็เลยรู้สึกว่าจริงๆ แล้วคนไทยชอบอ่านหนังสือ แล้วก็ยังมีคนที่อยากเปิดร้านหนังสือ มีความฝันอยากเป็นเจ้าของร้านหนังสือ หรืออยากเป็นนักเขียน อยากอยู่ในแวดวงหนังสือเยอะมากๆ
“เพชรรู้สึกว่ากลิ่นหนังสืออยู่มาได้ตลอด 3 ปี อาจจะเป็นเพราะว่าเราใส่ตัวตนของเราลงไปในร้าน แม้ว่ามันจะเป็นร้านหนังสืออิสระเล็กๆ บนโลกออนไลน์ แต่กลิ่นหนังสือเป็นร้านที่คนอ่านสัมผัสได้ มาคุยเจ๊าะแจ๊ะกับแม่ค้าได้ เราเริ่มทำจากความชอบ และอยากให้คนอ่านรู้สึกสนุกไปกับการอ่านหนังสือแค่นั้นเอง
“ตอนนี้เพชรก็รู้สึกว่ากลิ่นหนังสือยังเป็นร้านเล็กๆ อยู่ค่ะ ไม่ได้สมบูรณ์แบบ 100% แต่ก็แนะนำคนที่อยากเปิดร้านหนังสืออิสระว่า ให้มีความสุขกับการเปิดร้านหนังสือ ใส่ตัวตนของตนเองลงไป และเคารพในตัวของลูกค้าคนที่เรากำลังจะส่งต่อหนังสือสักเล่มหนึ่งไปถึงเขา”
แวะไปเยี่ยมชมและอุดหนุน ร้านกลิ่นหนังสือ หรือลองยืมหนังสือจากห้องสมุด Bibliotheca ได้ที่ https://klinnangsue.co/
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล