KKP Research โดยกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ออกบทวิเคราะห์ประเมินว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีแนวโน้มกลับมาเร็วขึ้นจะเป็นแรงส่งสำคัญให้เศรษฐกิจไทยในปี 2023 ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ช่วยลดผลกระทบจากตัวเลขการส่งออกที่อาจชะลอตัวต่อเนื่อง หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4/22 เติบโตได้เพียง 1.4% อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นอาจทำให้เกิดการเร่งตัวของราคาในภาคบริการ สร้างแรงกดดันเงินเฟ้อให้ลดลงช้ากว่าคาด
จีนเปิดเมือง ภาคบริการไทยจะฟื้นตัวมากแค่ไหน
KKP Research ประเมินว่าการเปิดเมืองของจีนและการฟื้นตัวที่ดีขึ้นในภาคการท่องเที่ยวโลก มีแนวโน้มทำให้ภาคบริการไทยเผชิญสถานการณ์คล้ายคลึงกับในต่างประเทศในช่วงปีที่ผ่านมา ที่ความต้องการในภาคบริการเร่งตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้นไปก่อนหน้าแล้ว ในขณะที่ฝั่งอุปทานมีข้อจำกัดที่ไม่สามารถปรับเพิ่มขึ้นเพื่อตอบสนองได้อย่างเต็มที่ ซึ่งสะท้อนผ่านข้อมูลฝั่งอุปสงค์และอุปทานดังต่อไปนี้
การบริโภคในประเทศในฝั่งสินค้าฟื้นตัวเป็นปกติแล้ว ในขณะที่การบริโภคภาคบริการยังต่ำกว่ามาก เมื่อเปรียบเทียบกับแนวโน้มการเติบโตของการบริโภคในช่วงก่อนโควิด ทำให้การบริโภคในภาคบริการมีโอกาสฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ตามการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยอัตราการเข้าพักแรมฟื้นตัวขึ้นเป็นประมาณ 60% (ระดับก่อนโควิดอยู่ที่ 80%) ในขณะที่ในฝั่งการผลิตเทียบกับก่อนโควิด พบว่าภาคบริการยังเป็นภาคเศรษฐกิจเดียวของไทยที่อยู่ต่ำกว่าระดับก่อนโควิด โดยส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่พัก ร้านอาหาร และธุรกิจการขนส่ง ซึ่งได้รับผลกระทบจากการท่องเที่ยวที่ยังไม่ฟื้นตัว
การฟื้นตัวที่เร็วและกระจุกตัวในบางธุรกิจทำให้ KKP Research ประเมินว่ามีโอกาสที่อุปทานในภาคบริการอาจไม่สามารถปรับเพิ่มขึ้นได้ทันกับอุปสงค์ที่เร่งขึ้น และอาจนำไปสู่การปรับขึ้นราคาในที่สุด โดยมองว่าปัญหาการขาดแคลนแรงงานจะกดดันต้นทุนและราคาในภาคบริการให้เพิ่มสูงขึ้น ในระยะสั้นธุรกิจอาจไม่สามารถหาพนักงานเพิ่มขึ้นได้เพียงพอกับความต้องการ หลังจากที่มีการปิดกิจการไปเป็นเวลานาน
โดยข้อมูลจากกรมการจัดหางานในเดือนธันวาคมปี 2022 สะท้อนว่าความต้องการจ้างงานใหม่ของผู้ประกอบการเร่งตัวขึ้นเร็วกว่าจำนวนผู้บรรจุงาน โดยเฉพาะตำแหน่งงานในภาคบริการ ได้แก่ การก่อสร้าง การขายส่งและการขายปลีก ที่พักและร้านอาหาร และการขนส่ง สะท้อนถึงภาวะตลาดแรงงานที่กำลังเริ่มตึงตัว
สัญญาณราคาสินค้าชะลอ แต่ราคาบริการอาจเร่งตัวขึ้น
จากสถานการณ์อุปสงค์ในภาคบริการและตลาดแรงงานที่เริ่มตึงตัว ทำให้มีโอกาสเห็นแรงกดดันเงินเฟ้อในภาคบริการ ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณบ้างแล้วในราคาที่พักของโรงแรมระดับ 4-5 ดาว ที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากนักท่องเที่ยวกลับมาที่โรงแรมระดับบนก่อน โดยเฉพาะจังหวัดท่องเที่ยวหลักที่ราคาที่พักพุ่งสูงขึ้นเกินกว่าระดับก่อนโควิดไปแล้ว
แม้ว่าความเสี่ยงต่อการประเมินเงินเฟ้อในปี 2023 จะเพิ่มขึ้น KKP Research ยังคงประเมินว่าหากไม่มีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเพิ่มเติม เช่น ความขัดแย้งระหว่างประเทศที่ทำให้ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นอย่างรุนแรง เงินเฟ้อของไทยในภาพรวมจะยังคงทยอยปรับตัวลดลง โดยคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะชะลอตัวลงจาก 6.0% ในปี 2022 มาอยู่ที่ 3.3% ในปี 2023 จากการที่สองปัจจัยขับเคลื่อนหลักของเงินเฟ้อไทยในปี 2022 คือราคาน้ำมันและราคาอาหาร เริ่มมีทิศทางชะลอตัวลง
นอกจากนี้ การใช้จ่ายในหมวดบริการมีสัดส่วนค่อนข้างต่ำในตะกร้าสินค้าและบริการที่ใช้ในการคำนวณตัวเลขเงินเฟ้อของไทย โดยการใช้จ่ายในหมวดบริการมีน้ำหนักประมาณ 30% จากตะกร้าเงินเฟ้อ ซึ่งครึ่งหนึ่งของหมวดบริการเป็นการใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าเช่าบ้าน ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงน้อยมากตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา น้ำหนักที่น้อยในตะกร้าเงินเฟ้อทำให้การเร่งขึ้นของราคาสินค้าในภาคบริการ ส่งผลจำกัดต่อแนวโน้มเงินเฟ้อไทยในภาพรวม
นอกจากนี้ รายได้จากการท่องเที่ยวค่อนข้างกระจุกตัวในไม่กี่จังหวัด ทำให้ส่งผลกระทบทางตรงต่อราคาสินค้า อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของค่าแรงงานและราคาค่าบริการอาจทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าเพิ่มสูงขึ้น และทำให้การปรับตัวลดลงของเงินเฟ้อเป็นไปได้ช้ากว่าคาด
อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงต่อเงินเฟ้อไทยที่ยังต้องจับตาคือ สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง และเงินเฟ้อโลกที่ยังมีโอกาสเร่งตัวขึ้นอีกครั้งจากอุปสงค์ที่ยังคงแข็งแกร่ง ในขณะที่อุปทานโดยฉพาะตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังไม่ปรับตัวเป็นปกติ
ใครจะได้ประโยชน์จากการเติบโตของภาคบริการ
KKP Research ประเมินว่าการเพิ่มขึ้นของราคาบริการจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อภาคบริการ โดยธุรกิจที่ได้ประโยชน์อาจแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก คือ
- สินค้าและบริการที่นักท่องเที่ยวมีการใช้จ่ายสูง คือ ห้างสรรพสินค้า โรงแรม ร้านอาหาร และการเดินทางในประเทศ
- การบริโภคของนักท่องเที่ยวในกลุ่มสินค้าและบริการที่ยังฟื้นตัวไม่ถึงระดับก่อนโควิด ได้แก่ การให้บริการด้านการขนส่ง รองเท้า เสื้อผ้า สันทนาการ ร้านอาหาร โรงแรม จะสามารถเติบโตได้สูงหลังเศรษฐกิจไทยและรายได้จากการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวทั่วถึงมากขึ้น
- อุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องในห่วงโซ่อุปทานของการบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว โดยกลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวตามภาคบริการหลักที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวคือ การไฟฟ้า การผลิตเนื้อสัตว์ ธุรกิจกลั่นน้ำมัน การขนส่งทางอากาศ การซ่อมแซมยานพาหนะ การผลิตเบียร์ และสถาบันการเงิน
อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มธุรกิจที่แนวโน้มการเติบโตของอุปสงค์ไม่ค่อยดีนักอาจต้องเผชิญกับแรงกดดันด้านต้นทุนเพิ่มขึ้น จากการส่งผ่านราคาในภาคบริการที่อาจเร่งขึ้น โดยธุรกิจที่อาจได้รับผลกระทบเชิงลบแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม คือ
1) ธุรกิจที่จำเป็นต้องพึ่งพาภาคบริการเป็นวัตถุดิบ โดยเฉพาะต้นทุนการขนส่งสินค้าในประเทศที่มีแนวโน้มปรับตัวขึ้น
2) ธุรกิจที่มีค่าจ้างแรงงานเป็นสัดส่วนสูงในต้นทุนการผลิต (Labor-Intensive Sector) ซึ่งมีแนวโน้มได้รับผลกระทบตามต้นทุนแรงงานที่อาจปรับตัวสูงขึ้นได้ ตัวอย่างเช่น การทำเหมืองแร่และเหมืองหิน ภาคการผลิตบางกลุ่ม และธุรกิจบริการอื่นๆ ที่อุปสงค์ยังไม่ฟื้นตัว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ต่างชาติแห่ซื้อ ‘หุ้นบลูชิพจีน’ รับกระแสเปิดประเทศ เพียงสัปดาห์เดียวเงินไหลเข้าแล้วกว่า 5.6 หมื่นล้านหยวน
- ‘UN’ เผยประชากรโลกแตะ 8 พันล้านคนแล้ว ‘อินเดีย’ จ่อแซงจีนปีหน้า หลังอายุขัยเฉลี่ยมนุษย์สูงขึ้น
- ดับฝัน? ผลสำรวจพบนักท่องเที่ยวจีนเกือบครึ่ง ‘ไร้แผนเดินทางออกนอกประเทศ’ ในปีนี้ ขณะที่ค่าใช้จ่ายระหว่างทริปก็น้อยลง