วันนี้เป็นวันแรกของการเปิดให้เข้าชมนิทรรศการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร หลังจากที่เมื่อวานนี้ได้มีการทดสอบระบบการเข้าชมของประชาชน กระทั่งล่าสุดได้ปิดไม่ให้ขึ้นชมพระเมรุมาศบริเวณชั้น 1 และ 2 เนื่องจากภายหลังการทดสอบระบบพบว่ามีประชาชนที่แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมตามเงื่อนไขที่แจ้งไว้ อาทิ ถ่ายภาพกับพระเมรุมาศโดยชูสองนิ้ว

     ขณะที่บรรยากาศบริเวณโดยรอบสนามหลวงมีประชาชนจำนวนมากมาเข้าแถวรอเพื่อที่จะได้คิวลำดับต้นๆ ในการเข้าชม โดยเจ้าหน้าที่เริ่มเปิดจุดคัดกรองเมื่อเวลา 6.15 น. เพื่อให้ประชาชนเข้าไปด้านในพื้นที่ท้องสนามหลวง และในเวลา 7.00 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดนิทรรศการ โดยมีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี, พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และคณะกรรมการฯ เฝ้าฯ รับเสด็จ

     สำหรับจุดคัดกรอง 5 จุด ประกอบด้วย หน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์, บริเวณท่าช้าง, หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน, หน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และบริเวณด้านหลังกระทรวงกลาโหม ทั้งนี้สำหรับผู้พิการขอให้มาเข้าที่จุดคัดกรองพิเศษบริเวณหน้าศาลฎีกา และพระสงฆ์ที่บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

     แม้ว่าอากาศจะร้อนเพียงใด ประชาชนจำนวนมากก็ยังทยอยเดินทางมาอย่างต่อเนื่อง บ้างมาคนเดียว บ้างมาเป็นครอบครัว หรือมาเป็นหมู่คณะจากสถาบันการศึกษาและหน่วยงานต่างๆ ซึ่งทุกคนต่างตั้งใจที่จะมาชื่นชมพระบารมีและพระเมรุมาศซึ่งเป็นอาคารสถาปัตยกรรมแบบชั่วคราวที่ยิ่งใหญ่และสมพระเกียรติยศ

     การจัดนิทรรศการภายหลังพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพนั้นเพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณผ่านพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ และโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ รวมทั้งเปิดโอกาสให้เยาวชนและประชาชนได้เรียนรู้ขนบธรรมเนียมโบราณราชประเพณี ซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาอันล้ำค่าของไทยที่มีการสืบทอดและอนุรักษ์ไว้มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

     สำหรับการจัดการในวันแรกนั้น เจ้าหน้าที่ได้อำนวยความสะดวกโดยมีจิตอาสาเฉพาะกิจและเจ้าหน้าที่ทหารมาคอยจัดลำดับคิว โดยบริเวณถนนเส้นกลางของสนามหลวงได้จัดเต็นท์และเก้าอี้สำหรับให้ประชาชนนั่งพักเพื่อรอการเข้าชมพระเมรุมาศและนิทรรศการ เมื่อผ่านจุดคัดกรองทั้ง 5 จุดเข้ามาแล้ว ประชาชนจะต้องติดบัตรที่เจ้าหน้าที่แจกให้ตลอดการเข้าชม ซึ่งจะแบ่งออกเป็นสีต่างๆ เช่น สีเขียว และสีเหลือง เพื่อง่ายต่อการจำแนกลำดับการเข้าชมก่อนหลัง และจะมีเวลาในการเข้าชมรอบละประมาณ 45 นาที ถึง 1 ชั่วโมง เมื่อใกล้หมดเวลาเข้าชม เจ้าหน้าที่จะประกาศแจ้งให้ทราบว่าประชาชนที่ติดบัตรสีนั้นๆ จะต้องออกจากพื้นที่เพื่อให้ประชาชนกลุ่มถัดไปได้เข้ามาชมต่อ

     บรรยากาศบริเวณด้านในของพระเมรุมาศและอาคารประกอบ ประชาชนส่วนใหญ่ต่างหยิบโทรศัพท์มือถือและกล้องถ่ายรูปของตนเองเพื่อบันทึกภาพไว้เป็นจำนวนมาก มีทั้งผู้สูงอายุ วัยรุ่น นักศึกษา และชาวต่างชาติที่ให้ความสนใจบันทึกภาพในมุมต่างๆ เป็นจำนวนมาก

     ขณะเดียวกันยังพบปัญหาความยุ่งยากในการจัดการอยู่บ้าง เนื่องจากประชาชนบางส่วนไม่ปฏิบัติตามกติกาเรื่องเวลาการรับชม รวมทั้งการแต่งกายที่ยังพบว่าประชาชนบางรายแต่งกายไม่เหมาะสม สวมรองเท้าแตะ หรือกางเกงรัดรูป ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ประชาสัมพันธ์ให้แก้ไขให้ถูกต้อง และขอความร่วมมือให้ทำตามข้อปฏิบัติต่างๆ เพื่อให้เข้าชมได้อย่างสะดวก

     THE STANDARD พูดคุยกับ ปุ้ย-อรัญญา ประทุมทอง นักแสดงซึ่งทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในส่วนของนิทรรศการด้านในพระที่นั่งทรงธรรม เธอเปิดเผยความรู้สึกว่าดีใจและปลื้มใจมากที่เห็นพสกนิกรของพระองค์ให้ความสนใจที่จะเข้ามาเรียนรู้โบราณราชประเพณีของไทย ส่วนตัวมีหน้าที่อำนวยความสะดวกในจุดนี้ คอยตอบข้อซักถามและแนะนำเกี่ยวกับการรับชมนิทรรศการ อาจจะไม่ได้มาทุกวัน แต่ก็จะพยายามมาให้ได้ตลอด เนื่องจากตนเองก็มีคิวงานอื่นๆ

     ขณะที่ กรชนก ยืนยาว นักเรียนจากวิทยาลัยอาชีวศึกษาเสาวภา ซึ่งสถาบันของเธอพานักเรียนจำนวน 40 คนมาเข้าชมนิทรรศการในครั้งนี้บอกกับ THE STANDARD ว่า ถึงโรงเรียนไม่พามา เธอก็ตั้งใจจะมาอยู่แล้ว นอกจากวันนี้เเล้ว พรุ่งนี้ซึ่งเป็นวันศุกร์ มีเรียนเพียงครึ่งวัน เธอก็จะมาต่อแถวกับเพื่อนเพื่อเข้าชมอีกครั้ง เนื่องจากมีความสนใจในงานศิลปะของไทย ส่วนตัวเธอเองก็เลือกเรียนด้านวิจิตรศิลป์ และอยากเชิญชวนให้คนรุ่นใหม่มาเข้าชมนิทรรศการกันเยอะๆ เพราะโอกาสแบบนี้หาได้ยาก หากดูแล้วไม่เข้าใจก็ให้คิดว่าศิลปะเป็นเรื่องของใจที่ศิลปินได้ถ่ายทอดและสื่อสารออกมาอย่างเต็มความสามารถ สมพระเกียรติยศ

     THE STANDARD ยังได้พบกับ โค้ชอ๊อต-เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร อดีตผู้ฝึกสอนวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ซึ่งได้พาคุณพ่อและคุณแม่มารอคิวเพื่อเข้าชมพระเมรุมาศตั้งแต่ 6 โมงเช้า ที่บริเวณจุดรอคิวที่เต็นท์ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จัดไว้ พร้อมเปิดเผยว่าวันนี้ตั้งใจมา รู้สึกดีใจและมีความสุขมากที่ได้เห็นคนไทยรักพระเจ้าอยู่หัวมากขนาดนี้ ในชีวิตของพวกเราก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระองค์หลายอย่างผ่านการทรงงานที่ทรงทำเพื่อประชาชน ครอบครัวของตนก็อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข มีความสุข ก็ด้วยยึดคำสอนของพระองค์มาโดยตลอด อยากให้คนไทยมาชมด้วยตนเองว่าพระบารมีของพระองค์ยิ่งใหญ่และสมพระเกียรติยศสูงสุดขนาดไหน พร้อมทั้งจะขอทำความดีและทำหน้าที่ของตนเองต่อไปให้ดีที่สุด

     สำหรับนิทรรศการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เปิดให้ประชาชนเข้าชมระหว่างวันที่ 2-30 พฤศจิกายนนี้ ทุกวัน รอบละประมาณ 5,500 คน โดยคาดว่าจะมีประชาชนเข้าชมวันละ 1 แสนคน ผู้ที่จะเข้าชมต้องแต่งกายด้วยความสุภาพเรียบร้อย เตรียมบัตรประจำตัวประชาชนมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ โดยเปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 7.00-22.00 น

     ประชาชนที่เข้าชมนิทรรศการจะได้รับแจกแผ่นพับรายละเอียดนิทรรศการ ซึ่งจัดพิมพ์ทั้งหมด 3 ล้านฉบับ ทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน โปสการ์ดที่ระลึกภาพพระเมรุมาศ 9 แบบ จำนวน 3 ล้านแผ่น ทั้งนี้สามารถชมพระเมรุมาศและนิทรรศการได้อย่างอิสระ โดยไม่อนุญาตให้ขึ้นชั้น 1 และชั้น 2 ของพระเมรุมาศเท่านั้น พร้อมกันนี้ได้จัดให้มีนิทรรศการสำหรับผู้พิการทางสายตาด้วย