กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ที่มุ่งมั่นสนับสนุนศักยภาพด้านกีฬาฟุตบอลของคนไทย ผ่านการสนับสนุนการสร้างสนามฟุตบอลหญ้าเทียมจำนวน 100 สนาม ภายใน 5 ปี ภายใต้โครงการ ‘100 สนามฟุตบอล สร้างพลังเยาวชนไทย’ ในชุมชนทุกภาคทั่วประเทศไทย เพราะการมีสนามฟุตบอลที่ได้มาตรฐานสากลจะช่วยส่งเสริมและผลักดันให้เยาวชนไทยได้พัฒนาทักษะในการเล่นกีฬาฟุตบอลอย่างเต็มประสิทธิภาพ และเพื่อเป็นพื้นที่ส่วนรวมที่สร้างประโยชน์ให้กับชุมชนโดยรอบ
สิ่งสำคัญเพื่อให้สนามฟุตบอลหญ้าเทียมคงมาตรฐานสูงสุดและอยู่คู่กับชุมชนได้อย่างยั่งยืนนั้น ต้องมีระบบการบริหารจัดการและการบำรุงรักษาสนามที่เป็นมาตรฐาน
คิง เพาเวอร์ เห็นความสำคัญส่วนนี้จึงเป็นที่มาของ ‘โครงการอบรมหลักสูตรบริหารจัดการสนามฟุตบอลหญ้าเทียมอย่างมืออาชีพ’ ปีที่ 4 เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการดูแลสนามฟุตบอลให้กับโรงเรียนและชุมชน 18 แห่ง ที่ผ่านการคัดเลือกจากทั่วประเทศ โดยปีนี้จัดงานในรูปแบบออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน Zoom เพื่อสอดรับกับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด ทั้งนี้สนามฟุตบอลหญ้าเทียมสีน้ำเงิน จำนวน 18 แห่ง ขนาด 33 x 53 เมตร (7 คนเล่น) ตามมาตรฐานระดับสากล จะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม 2565
กรอบแก้ว ปันยารชุน รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานภาพลักษณ์และสื่อสารองค์กร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ กล่าวว่า กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ยังคงขับเคลื่อนด้านความรับผิดชอบต่อสังคมสู่ความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง ในปีนี้ได้ปรับรูปแบบการจัดอบรมสร้างความรู้ในการบริหารสนามฟุตบอลหญ้าเทียมแบบมืออาชีพเป็นรูปแบบออนไลน์ เพื่อความปลอดภัยและรักษาระยะห่างของผู้เข้าร่วมการอบรม แต่ยังคงเนื้อหาการนำเสนอไว้อย่างเข้มข้น เพื่อให้โรงเรียนและชุมชนที่เข้ารับการอบรมจะได้นำเทคนิคต่างๆ ไปบริหารจัดการได้อย่างถูกวิธี โดยหลังจากที่สร้างสนามฟุตบอลเสร็จแล้ว ทาง คิง เพาเวอร์ ยังคงติดตามดูแลสภาพสนามทุกแห่ง โดยจะจัดส่งทีมผู้เชี่ยวชาญเข้าไปดูแลบำรุงรักษาสนามทุกๆ 3 เดือน เป็นระยะเวลาติดต่อกัน 6 ปี
สำหรับการอบรมออนไลน์ครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขา ทั้งการออกแบบ ก่อสร้างสนามฟุตบอลหญ้าเทียม อาทิ ดร.พงษ์เทพ นามศิริ ผู้อำนวยการส่วนงานบริหารวิศวกรรมและสาธารณูปโภค และทีมผู้ดำเนินงานก่อสร้างจาก Soccer Pro และ โค้ชจุ่น-อนุรักษ์ ศรีเกิด อดีตโค้ชทีมชาติไทยที่มาเผยเคล็ดลับการฝึกซ้อมให้ประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ยังมีตัวแทนจากชุมชนรุ่นก่อนๆ ที่ได้รับมอบสนามฟุตบอลไปแล้วมาบอกเล่าประสบการณ์ ทั้งด้านงานระบบ การดูแลรักษาสนามหลังใช้งาน ข้อห้ามต่างๆ และการพัฒนาพื้นที่บริเวณสนามโดยรอบ
โค้ชจุ่น-อนุรักษ์ ศรีเกิด อดีตโค้ชทีมชาติไทย กล่าวว่า “รู้สึกดีใจแทนทุกโรงเรียนและชุมชนที่ได้รับสนามฟุตบอลที่ดีและได้มาตรฐานระดับสากล ซึ่งสนามฟุตบอลที่ดีจะช่วยฝึกเด็กๆ ที่เอาจริงเอาจังกับกีฬาฟุตบอลได้รวดเร็วขึ้น การเลี้ยง การส่งลูกฟุตบอลก็จะดียิ่งขึ้นครับ และอยากฝากให้ผู้ดูแลทีม โค้ช ควรหาแมตช์แข่งขันให้เด็กๆ ได้ออกไปแข่งขันจริงอยู่เรื่อยๆ เพื่อให้พวกเขาได้สัมผัสประสบการณ์จริง เรียนรู้ข้อดีข้อเสียของทีม การมีน้ำใจนักกีฬา และกลับมาพัฒนาฝีเท้าให้เก่งกว่าเดิม เตรียมการฝึกร่างกายให้แข็งแรง มีสมาธิ มีระเบียบวินัย รับรองว่าความฝันในการได้ระดับแชมป์ต้องมาถึงสักวัน และขอให้ทุกโรงเรียน ชุมชน ที่ได้รับสนามฟุตบอลหญ้าเทียมจาก คิง เพาเวอร์ ช่วยกันรักษาและใช้ประโยชน์จากสนามแห่งนี้ให้มากที่สุด”
สำหรับโรงเรียนและชุมชน 18 แห่งที่ได้รับมอบสนามฟุตบอลหญ้าเทียมปีที่ 4 ได้แก่ โรงเรียนอุดรพิทยานุกูล จังหวัดอุดรธานี, โรงเรียนหนองบัวพิทยาคาร จังหวัดหนองบัวลำภู, โรงเรียนปทุมราชวงศา จังหวัดอำนาจเจริญ, ชุมชนเทศบาลตำบลดอนตาลผาสุก จังหวัดมุกดาหาร, โรงเรียนป่าเด็งวิทยา จังหวัดเพชรบุรี, โรงเรียนวัดด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี, โรงเรียนธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี, โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) จังหวัดนนทบุรี, โรงเรียนอนุบาลเทศบาลตำบลกรับใหญ่ จังหวัดราชบุรี, โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 42 จังหวัดสตูล, โรงเรียนเทศบาล 1 (สังขวิทย์) จังหวัดตรัง, ชุมชนบ้านสักลอ จังหวัดพะเยา, โรงเรียนเทพศิรินทร์พุแค จังหวัดสระบุรี, โรงเรียนท่าข้ามวิทยาคม จังหวัดแพร่, โรงเรียนศรีนคร จังหวัดสุโขทัย, ชุมชนบ้านป่าซ่าน จังหวัดพิษณุโลก, โรงเรียนมัธยมกัลยาณิวัฒนาเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดเชียงใหม่ และชุมชนตำรวจกองปราบปราม จังหวัดกรุงเทพมหานคร
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการต่างๆ ภายใต้ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย ได้ที่ Facebook/Instagram/Twitter/YouTube: King Power Thai Power พลังคนไทย