วันนี้ (22 มิถุนายน) ที่ศาลาพ่วงจินดา วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร บางเขน เวลา 17.15 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี หรือผู้ว่าฯ หมูป่า ในการนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานโกศแปดเหลี่ยมกับฉัตรเบญจาเป็นเครื่องเกียรติยศประกอบศพ
โดยเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังเป็นผู้อัญเชิญน้ำหลวงอาบศพพระราชทานและผ้าไตรพระราชทานเข้ามาภายในศาลาพ่วงจินดา วัดพระศรีมหาธาตุฯ
ต่อมาเวลา 17.50 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พล.อ.ท. ภักดี แสง-ชูโต รองอธิบดีกรมราชเลขานุการในพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อัญเชิญพวงมาลาหลวงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว, สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง, สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ พระบรมราชินี, สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และพระบรมวงศานุวงศ์ วางหน้าโกศศพ
ขณะที่มี พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมศพเป็นคืนแรกในเวลา 18.00 น. โดยมีครอบครัว คนใกล้ชิด หน่วยงานราชการ ฝ่ายปกครอง และผู้ที่เคยร่วมงานเข้าร่วม
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมคณะ ได้เดินทางมาร่วมพิธี ชัชชาติกล่าวก่อนเข้าร่วมพิธีว่า ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ เป็นคนลุยงาน เป็นตัวอย่างที่ตนใช้เป็นต้นแบบในการทำงาน ส่วนตัวรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้มีโอกาสได้ร่วมงานกันมาก รู้สึกคิดถึงและใจหาย เพราะยังไม่มีโอกาสได้ไปเยี่ยมตอนที่ป่วย ก็ขอให้ท่านไปสู่สุคติ ที่ผ่านมาเคยได้พูดคุยเรื่องน้ำเป็นหลัก เคยมีการระบายน้ำลงคลองรังสิตฯ ซึ่งช่วยแบ่งเบาภาระกับเขตหลักสี่ กทม. ไปได้
ส่วนอนาคตก็มีแผนเรื่องการจราจร เพราะมีรางรถไฟยาวไปถึงจังหวัดปทุมธานีแล้ว ต้องเชื่อมโยงกันอย่างไร้รอยต่อ เพราะกรุงเทพฯ ต้องอาศัยปริมณฑลเป็นหลัก แรงงานก็อยู่ในปริมณฑลและเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ กันเยอะ
ด้าน นพ.ยุทธศักดิ์ โอสถธนากร น้องชายผู้ว่าฯ หมูป่า เปิดเผยความรู้สึกว่า ระยะหลังมาพี่มีอาการไม่ค่อยดี แพทย์แนะนำให้รักษาแบบประคับประคอง ซึ่งระหว่างการรักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราชก็ยังเอางานไปทำและคอยสั่งงานอยู่ตลอด ซึ่งพี่ชายมีความเป็นห่วงเรื่องลูกสาวมากที่สุด เพราะมีกำหนดการแต่งงานช่วงเดือนกรกฎาคม ก่อนเลื่อนมาช่วงสัปดาห์ที่แล้ว และเสียชีวิต 6 วันให้หลัง เพราะพี่ชายอยากเห็นลูกเป็นฝั่งเป็นฝา เมื่อหมดห่วงก็ลาโลกไปอย่างสงบ
ทั้งนี้ ตนเองรู้สึกภูมิใจและมีพี่ชายเป็นไอดอล เพราะตัวเองเป็นหมอก็ทำหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนให้อยู่ดีปราศจากทุกข์ ที่น่าชื่นชมมากคือเรื่องความกล้า เพราะไม่คิดเลยว่าตอนเกิดเหตุ 13 หมูป่าติดถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอนนั้น พี่ชายจะมาเป็นผู้บัญชาการเอง เพราะพี่ชายมีความมั่นใจ แม้จะอยู่กรมการปกครองแต่ก็เคยจบด้านวิศวกรรมศาสตร์ เคยทำงานกรมที่ดิน มีความรู้เรื่องภูเขา ที่ดิน เข้ากับพี่ชายตัวเองมาก ขอบคุณคนไทยทั่วประเทศที่รักและให้กำลังใจ ที่ผ่านมา 4 ปีพี่ก็สู้โรคมะเร็งมาตลอดโดยไม่บอกใครว่าล้มป่วย
นพ.ยุทธศักดิ์กล่าวต่อว่า พี่ชายเคลียร์งานหมดแล้ว หลังแพทย์บอกว่าอาจจะอยู่ได้อีกไม่นาน จึงไม่มีความกังวลอะไร แต่ยอมรับว่าลึกๆ พี่ชายมีความกังวล กลัวว่าคนไทยจะแตกแยกกัน ด้วยช่วงวัยที่ห่างกันมาก เกรงจะเป็นปัญหาในอนาคต แต่เพียงขอให้คนไทยสามัคคีกัน ทำงานทำหน้าที่ของตัวเองแล้วจะผ่านทุกอย่างไปได้ ขณะที่พี่ชายไม่ได้มีคำสั่งเสียสุดท้ายอะไร
ขณะที่ พ.จ.อ. ธนเดช กิตติสุทธิเปรม อดีตหน่วยซีล ที่ได้ร่วมปฏิบัติการช่วยเหลือ 13 หมูป่าติดถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน กล่าวหลังมาร่วมพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพและร่วมไว้อาลัยต่อการจากไปว่า ในขณะปฏิบัติงานร่วมกัน ท่านเป็นคนเมตตา ดูแลทีมซีลเป็นอย่างดี ร่วมกันวางแผน และทีมซีลได้เสนอความคิดเห็นในการวางแผน ขั้นตอนปฏิบัติทุกขั้นตอนของผู้ว่าฯ เรามีการเฝ้าดูการปฏิบัติของท่านทุกขั้นตอน และรู้สึกประทับใจ เพราะท่านเป็นหัวหน้าในการกำกับดูแล และพวกเราก็ทำหน้าที่ตามที่ท่านบอก
ทั้งนี้ สิ่งที่นำมาเป็นแบบอย่างคือ ความเป็นผู้นำ การทำงาน การวางแผน สามารถนำไปใช้ในการใช้คน ใช้อุปกรณ์ และขั้นตอนการปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง
ด้าน นพ.นินนาท มุขดี รองผู้อำนวยฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลปทุมธานี ซึ่งเป็นแพทย์อีกคนที่เคยดูแลผู้ว่าฯ หมูป่า กล่าวว่า ตนเองเป็นหมอที่ดูแลท่านตอนเริ่มเป็นมะเร็ง แต่หมอที่รักษาหลักๆ อยู่โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งเวลาผู้ว่าฯ เหนื่อยและอ่อนแรงจะมารักษาเพิ่มเติมที่โรงพยาบาลปทุมฯ เพราะอยู่ใกล้กับศาลากลางจังหวัดปทุมธานี
สภาพร่างกายจะเห็นชัดว่าร่างกายท่านซูบผอม แต่ใจสู้ บางครั้งอยากให้มานอนโรงพยาบาล แต่ท่านขอไม่นอน เพราะมีงานต้องทำ เพราะถ้านอนโรงพยาบาลแล้วจะทำงานไม่ได้ จึงขอแค่ให้ฉีดยาลดอาการอาเจียน และให้น้ำเกลือให้พร้อมอย่างแรง และให้สารอาหารก่อนจะกลับไปทำงานต่อ เพราะท่านบอกว่ามีงานที่ต้องทำเยอะ ท่านห่วงแต่งาน