อย่าปล่อยให้ชื่อภาษาไทย ‘ตับอ่อนเธอนั้น ขอฉันเถอะนะ’ ของหนังเรื่องนี้ทำให้คุณไขว้เขว เพราะหนังเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเซ็กซ์ ไม่เกี่ยวกับการกินตับ (จริงๆ ก็เกี่ยวนิดหน่อย) และไม่ได้เป็นหนังตลกไร้สาระอย่างที่หลายคนกำลังเข้าใจ
หนังเล่าเรื่องของ ยามาอุจิ ซากุระ (มินามิ ฮานาเบะ) เด็กสาวสุดฮอตประจำชั้นที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งตับอ่อนและมีชีวิตอยู่ได้อีก 1 ปี โดยเธอเลือกใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ไปกับหนุ่มเก็บตัวสุดเฉิ่มประจำห้อง (ทาคุมิ คิตามุระ) เพราะเชื่อว่าเขาเป็นคนเดียวที่จะทำให้เธอสามารถใช้ชีวิตอย่างปกติและมีความสุขได้มากที่สุด
หลายช่วงของหนังทำให้นึกไปถึงหนังสุดคลาสสิกอย่าง The Bucket List (2007) ที่เปลี่ยนจากคุณลุงเพี้ยนๆ ห่ามๆ 2 คน เป็นคู่หนุ่มสาวที่พยายามทำตามความฝันบางอย่างด้วยความไร้เดียงสาและสดใส ซึ่งต้องชมนักแสดงนำทั้ง 2 คน ที่ทำให้บรรยากาศทั้งเรื่องออกมาน่ารักชวนให้ยิ้มได้ตลอดทั้งเรื่อง โดยเฉพาะ มินามิ ฮานาเบะ นางเอกของเรื่อง ที่ทำให้เรารู้สึกมีความสุข เศร้า และอยากเอาใจช่วยเธอไปได้พร้อมๆ กัน (ถึงแม้บางฉากจะดูเกินเรื่องและน่าหมั่นไส้ไปบ้างก็เถอะ)
ถ้าดูตามเนื้อเรื่องอาจจะคิดว่านี่คือหนังวัยรุ่นแอบรักทั่วๆ ไป แต่ถ้ามองลงไปให้ลึกกว่านั้น โดยเฉพาะรอยยิ้มของซากุระที่มีให้เห็นตลอดทั้งเรื่องนั้น ได้ซ่อนสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์พึงจะมีให้กันได้เอาไว้ นั่นคือกำลังใจและความปรารถนาดี ที่มีให้คนรัก เพราะเธอไม่ใช่คนป่วยที่มัวแต่นอนรอกำลังใจจากคนอื่น แต่เธอเลือกที่จะมอบกำลังใจให้คนรอบข้างเสียเอง แม้กระทั่งในวันที่เธอจากไป กำลังใจของเธอก็ยังเดินทางผ่านเวลานานถึง 12 ปี เพื่อมาสร้างแรงบันดาลใจให้กับพระเอกและเพื่อนสนิท ในวันที่ทั้ง 2 คนเกือบหลงลืมไปแล้วว่ากำลังมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร
‘Kimi No Suizo wo Tabetai’ อาจจะไม่ใช่หนังรักที่ตั้งใจเรียกน้ำตาแบบเอาเป็นเอาตาย เพราะเข้าใจว่าผู้กำกับไม่ได้ตั้งใจใช้ความเศร้ามาขยี้ความรู้สึก แต่เลือกที่จะใช้บรรยากาศอุ่นๆ น่ารักๆ และรอยยิ้มของซากุระเป็นตัวนำความรู้สึกให้คนดูค่อยๆ ได้รับกำลังใจในการลุกขึ้นมาทำอะไรบางอย่างก่อนที่จะสายเกินไปมากกว่า เรียกว่าเป็นหนังที่ดูแล้วอิ่มแบบพอดีๆ ไม่ต้องเศร้าฟูมฟายและยิ้มได้เมื่อเดินออกจากโรงภาพยนตร์