วันนี้ (19 สิงหาคม) คิมโยจอง น้องสาวของ คิมจองอึน ผู้นำสูงสุดรุ่นที่ 3 ของเกาหลีเหนือ ออกมาประกาศชัดว่า เกาหลีเหนือไม่ขอรับข้อเสนอของประธานาธิบดียุนซอกยอลแห่งเกาหลีใต้ ที่บอกว่าจะมอบความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจให้แก่โสมแดง เพื่อแลกกับการยุติโครงการพัฒนาขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์ ซ้ำยังกล่าวด้วยว่า ยุนซอกยอลพูดจาไร้สาระ และควร ‘หุบปาก’ อยู่เงียบๆ
วาทะที่แข็งกร้าวจากน้องสาวของผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือมีขึ้น หลังจากยุนซอกยอลได้พูดถึงข้อเสนอดังกล่าว ในระหว่างการแถลงข่าวในโอกาสครบรอบ 100 วันของการเข้ารับตำแหน่งผู้นำเกาหลีใต้เมื่อวันพุธที่ผ่านมา
สำนักข่าว KCNA ของเกาหลีเหนือรายงานถ้อยแถลงของคิมโยจองว่า “ภาพลักษณ์ของยุนซอกยอลจะดีกว่านี้มาก ถ้าเขาหุบปากอยู่เงียบๆ แทนที่จะพูดอะไรไร้สาระ” อีกทั้งยังเย้ยด้วยว่า ผู้นำเกาหลีใต้มีความคิดใสซื่อไร้เดียงสา ที่มองว่าตนเองมีอำนาจมากพอที่จะสามารถเสนอความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ เพื่อให้เกาหลีเหนือยอมก้มหัวให้
ด้านกระทรวงการรวมชาติของเกาหลีใต้ได้ออกมาโต้ตอบคิมโยจอง โดยกล่าวว่าคำพูดของเธอนั้นไม่ให้เกียรติและหยาบคายอย่างมาก ขณะที่ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ระบุว่า รู้สึกผิดหวังกับคำกล่าวของคิมโยจอง แต่ยืนยันว่าข้อเสนอนี้ยังเปิดกว้างสำหรับเกาหลีเหนืออยู่เหมือนเดิม
ทั้งนี้ แม้ยุนซอกยอลจะดูเหมือนยอมใช้ไม้อ่อนกับเกาหลีเหนือ ด้วยการยื่นข้อเสนอที่เป็นประโยชน์ให้กับอีกฝ่าย แต่ในอีกทางหนึ่ง เขาก็ได้สนับสนุนให้กองทัพของประเทศเสริมการป้องปรามต่อเกาหลีเหนือด้วยเช่นกัน และประกาศกลับมาซ้อมรบร่วมกับพันธมิตรอย่างสหรัฐอเมริกาอีกครั้ง ภายใต้ภารกิจที่มีชื่อว่า Ulchi Freedom Shield ในวันที่ 22 สิงหาคม – 1 กันยายนนี้ ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่ทางฝั่งเกาหลีเหนือมองว่า แนวทางด้านการทูตของเกาหลีใต้แท้จริงก็ไม่ได้มีความจริงใจต่อกัน
ผู้เชี่ยวชาญด้านเกาหลีเหนือตั้งข้อสังเกตว่า คิมโยจองเริ่มมีบทบาททางการเมืองมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเธอมักจะสวมบทโหดด้วยการพูดจาเชือดเฉือนเกาหลีใต้อย่างรุนแรง ซึ่งแตกต่างจากท่าทีของพี่ชายที่ดูอ่อนลงมากกว่าในอดีต
ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญยังกล่าวอีกด้วยว่า ข้อเสนอของยุนซอกยอลไม่ค่อยแตกต่างจากในสมัยของอดีตผู้นำคนอื่นๆ ซึ่งก็คว้าน้ำเหลวมาตลอด ยกตัวอย่างเช่น ในสมัยของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และคิมจองอึน ที่เคยเปิดการเจรจาครั้งประวัติศาสตร์ แต่ก็ไม่ได้สร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมมากนัก ส่งผลให้การเจรจาเพื่อปลดอาวุธนิวเคลียร์ยังไร้ความคืบหน้าจนถึงปัจจุบัน
ภาพ: DONG-A ILBO / AFP
อ้างอิง: