ทนายความ Bu Ji Seok ตัวแทนครอบครัวของ Kim Sae Ron จัดการแถลงข่าวที่สำนักงานตำรวจในกรุงโซล เมื่อวันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา เกี่ยวกับเหตุผลที่พวกเขาต้องปล่อยรูปที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่าง Kim Sae Ron และ Kim Soo Hyun รวมทั้งเผยเหตุผลในการฟ้องร้องยูทูเบอร์ Lee Jin Ho ที่เขาเคยสร้างวิดีโอมากมายออกมาโจมตีนักแสดงหญิงผู้ล่วงลับคนนี้ด้วย
โดยทนายความกล่าวว่า เหตุผลหลักที่พวกเขาจำต้องปล่อยภาพเพิ่มเติมนั้นเป็นเพราะว่าครอบครัวอยากให้นักแสดง Kim Soo Hyun ออกมายอมรับความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น เพราะพวกเขาจะได้ฟ้องร้องยูทูเบอร์ Lee Jin Ho ที่โจมตีว่า Kim Sae Ron สร้างภาพและข่าวปลอมขึ้นมาเองว่าเธอเดตกับนักแสดงชาย หลังจากที่เธอโพสต์รูปใบหน้าแนบชิดกับเขาในช่วงที่ซีรีส์ Queen of Tears ออกอากาศ และพอยูทูเบอร์โดนฟ้องร้องเขาก็ทยอยลบคลิปที่พูดถึงเธอ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเขากำลังพยายามทำลายหลักฐานด้วย
“ครอบครัวผู้สูญเสียต้องการเพียงแค่อยากให้ Kim Soo Hyun ยอมรับในความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น เพราะมันจำเป็นต่อการฟ้องร้องยูทูเบอร์ อย่างไรก็ตาม แถลงการณ์ที่ไม่เป็นความจริงจากฝั่งนักแสดง Kim Soo Hyun มีแต่ทำให้พวกเขาเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น และเราหวังเพียงว่าตอนนี้จะได้คำขอโทษอย่างจริงใจ” ทนายความกล่าว
นอกจากนี้ เหตุผลแรกที่ Kim Sae Ron ตัดสินใจโพสต์รูปใบหน้าแนบชิดก็เป็นเพราะช่วงเวลานั้นค่าย Gold Medalist ส่งหนังสือแจ้งเตือนเรื่องหนี้สินมาเรียกเก็บเงินกับเธอกว่า 700 ล้านวอน เธอไม่มีเงินจ่าย แต่สามารถทยอยจ่ายคืนได้เรื่อยๆ เธอจึงพยายามติดต่ออดีตแฟนหนุ่มไป แต่เขาไม่โต้ตอบอะไร เธอจึงตัดสินใจโพสต์รูปออกมาในเวลานั้น โดยหวังว่าเขาจะติดต่อกลับมา ก่อนที่จะลบภาพไปอย่างรวดเร็ว แต่สุดท้ายค่ายก็ส่งเอกสารเดิมมากดดันอีกครั้ง และการกระทำของยูทูเบอร์ Lee Jin Ho ก็ยิ่งทำให้เธอเครียดเข้าไปอีก
ทนายความตัวแทนของครอบครัวยังกล่าวเพิ่มเติมว่า หนังสือแจ้งเตือนเรื่องหนี้สินจากค่ายยังมีคำเตือนห้ามไม่ให้เธอติดต่อกับ Kim Soo Hyun หรือนักแสดงคนอื่นๆ ในค่ายด้วย ซึ่งหลังจากที่เธอได้รับหนังสือแจ้งเตือนทั้ง 2 รอบ เธอก็ถูกตัดขาดจากเขา และนักแสดงคนอื่นๆ ในค่ายที่เคยสนิทกันด้วย
ฝั่งครอบครัวยังเผยว่า พวกเขาไม่สามารถจินตนาการถึงความทุกข์ใจที่ Kim Sae Ron ต้องเผชิญเพียงลำพัง และพวกเขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมค่ายถึงกล่าวว่ารอการติดต่อจากฝั่งครอบครัว ดังนั้นพวกเขาก็ยืนยันว่าจะฟ้องร้องกับฝั่งนักแสดงชายเพิ่มเติมอีกแน่นอน
ภาพ: Visual China Group via Getty Images
อ้างอิง:
