สำนักข่าว Yonhap รายงานโดยอ้างคำกล่าวจากเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลเกาหลีใต้ว่า ขณะนี้พบความเคลื่อนไหวที่เชื่อได้ว่า คิมจองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ อาจกำลังนั่งรถไฟขบวนพิเศษเพื่อเดินทางไปยังรัสเซีย หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวจากสื่อตะวันตกว่า ผู้นำโสมแดงเตรียมเดินทางเข้าพบประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แม้วันจะยังไม่แน่ชัด แต่คาดว่าอาจเป็นช่วงสัปดาห์นี้
แหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยตัวตนระบุกับสำนักข่าว Yonhap ว่า “เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองเชื่อว่า รถไฟขบวนหนึ่งที่คาดว่าคิมจองอึนโดยสารอยู่ด้วยนั้น กำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองวลาดิวอสตอค” ขณะที่เจ้าหน้าที่อีกรายหนึ่งยืนยันว่า จากการเกาะติดความเคลื่อนไหวในฝั่งเกาหลีเหนือทำให้เชื่อได้ว่า คิมจองอึนเดินทางออกจากกรุงเปียงยางแล้ว เพื่อเดินทางต่อไปยังรัสเซีย
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ The New York Times ของสหรัฐอเมริกา รายงานว่า คิมจองอึนมีแผนเดินทางเยือนเมืองวลาดิวอสตอคของรัสเซียในเดือนกันยายนนี้ โดยใช้รถไฟหุ้มเกราะขบวนพิเศษ และคาดว่าเขาจะหารือกับปูตินเกี่ยวกับการจัดหาอาวุธให้กับรัสเซียเพื่อใช้ในสงครามยูเครน และความเป็นไปได้ในการกระชับความร่วมมือทางทหารอื่นๆ
ขณะที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา สำนักข่าว Interfax ของรัสเซีย รายงานว่า คิมจองอึนมีแนวโน้มที่จะเดินทางเยือนทางตะวันออกของรัสเซีย ‘ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า’ โดยอ้างข้อมูลจากแหล่งข่าววงในของรัสเซียหลายแหล่งด้วยกัน สอดคล้องกับแถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ที่ระบุวันนี้ว่า ทางการ ‘เล็งเห็นความเป็นไปได้’ ที่คิมจองอึนและปูตินจะร่วมประชุมกัน ขณะที่มีสื่อรายงานว่า ผู้นำจากทั้งสองชาติอาจจะพบปะกันนอกรอบการประชุมเศรษฐกิจที่เปิดฉากขึ้นในเมืองวลาดิวอสตอคสัปดาห์นี้ ในช่วงเวลาที่เกาหลีเหนือพยายามอย่างยิ่งที่จะกระชับความสัมพันธ์ทางทหารกับรัสเซีย เพราะกังวลที่เกาหลีใต้จับมือกับสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นเหนียวแน่นขึ้นกว่าเดิม
แม้เกาหลีใต้จะออกมายืนยันเช่นนี้ แต่หากไปดูข้อมูลข่าวสารจากทางฝั่งทางการของเกาหลีเหนือและรัสเซีย ก็ยังไม่มีประเทศใดออกมาแถลงข่าวยืนยันการพบกันของสองผู้นำ แต่หากคิมจองอึนเดินทางไปจริง ก็คาดว่าจะใช้เวลาราว 20 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้นกว่าจะถึงรัสเซีย และจะเป็นทริปการเดินทางเยือนรัสเซียครั้งแรกของผู้นำเกาหลีเหนือในรอบระยะเวลาเกือบ 4 ปีครึ่ง อีกทั้งยังเป็นทริปต่างประเทศครั้งแรกหลังจากเกิดโควิดระบาดด้วย
แฟ้มภาพ: Mikhail Svetlov / Getty Images
อ้างอิง: