KFC กลายเป็นแบรนด์ล่าสุดที่กระโดดมาเข้ามาเสิร์ฟเมนูอาหารจากแพลนต์เบส (Plant Based Food) ซึ่งเป็นหนึ่งเทรนด์ที่กำลังเติบโต อันเป็นผลมาจากการขยายกลุ่มผู้บริโภค โดยจะเริ่มประเดิมวางขายในร้าน KFC Green Store
“กระแสการตอบรับเนื้อจากพืชกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นในหลายประเทศ รวมถึงในประเทศไทย เมนูอาหารจากแพลนต์เบส (Plant Based) จึงเป็นอีกความท้าทายหนึ่งของ KFC ในการนำเสนอเมนูเนื้อไก่จากพืชที่เหมาะกับผู้บริโภคชาวไทย” แววคนีย์ อัสโสรัตน์กุล ผู้จัดการทั่วไปเคเอฟซีประเทศไทย บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
เบื้องต้นอาหารจากแพลนต์เบสของ KFC จะมีอยู่ 2 เมนู ราคา 49-179 บาท วางขายในร้าน KFC Green Store 2 สาขา คือ สาขาอาคารแสงโสม และสาขาดีโป บาย วนชัย จ.ฉะเชิงเทรา
อีกหนึ่งสิ่งที่ต้องจับตามองคือ KFC เลือกที่จะใช้วัสดุดิบจากแบรนด์ที่ผลิตภายในประเทศเอง ไม่เหมือนร้านเชนอื่นๆ ที่มักจะใช้วัสดุดิบที่ถูกนำเข้าจากต่างประเทศ โดย KFC ได้เลือกใช้แบรนด์ Meat Zero จาก CPF
“ครั้งนี้เป็นอีกก้าวหนึ่งของ Meat Zero ที่ได้รับเลือกจาก KFC เชนร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดอันดับ 1 ของไทย ให้เป็นเมนูแพลนต์เบสจานแรกของ KFC” ประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF กล่าว
ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ประเมินว่า ตลาดอาหารจากแพลนต์เบสอาจแตะระดับ 4.5 หมื่นล้านบาท ภายในปี 2567 หรือเติบโตปีละเฉลี่ย 10% อันเป็นผลมาจากผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น และกระแสปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหารมังสวิรัติยืดหยุ่น (Flexitarian) กำลังเติบโต ขณะที่คนกินอาหารเจในไทยยังเติบโตได้อีกมาก จากปัจจุบันมีสัดส่วน 12% ของประชากรไทย หรือราว 7 ล้านคน โดยในปี 2562 ที่ผ่านมา อาหารจากแพลนต์เบสของไทยมีมูลค่าอยู่ที่ราว 2.8 หมื่นล้านบาท
สำหรับแบรนด์ Meat Zero นั้นเพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา โดย CPF ระบุว่า ด้วยความที่มีฐานลูกค้าอยู่ในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก จึงจะใช้ศักยภาพนี้ในการกระจาย Meat Zero ออกสู่ตลาดโลกทั้งเอเชีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกา โดยในปี 2564 นี้ จะเริ่มส่งออกไปยังตลาดเอเชียก่อน จากนั้นจะขยายสู่ยุโรปและสหรัฐอเมริกา
“มั่นใจว่าจะก้าวสู่ผู้นำตลาดเนื้อทางเลือกอันดับ 1 ของเอเชีย จะขึ้นแท่น Top 3 ผู้นำเนื้อทางเลือกของโลกได้ภายในเวลา 3-5 ปี” ประสิทธิ์กล่าว