สหรัฐอเมริกาได้เปิดเผยรายละเอียดร่างข้อเสนอทั้ง 28 ข้อ เพื่อยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ดำเนินมานานเกือบ 4 ปีเต็ม ทั้งยังได้นำเสนอแผนสันติภาพนี้ต่อโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนแล้ว หลังรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ พยายามแสดงบทบาทเป็น ‘ผู้เจรจาไกล่เกลี่ย’ ในความขัดแย้งนี้อย่างแข็งขัน
ร่างแผนสันติภาพ 28 ข้อของทรัมป์ มีอะไรบ้าง?
1. อธิปไตยของยูเครน ‘จะได้รับการยืนยัน’
2. จะมีการสรุป ‘ข้อตกลงไม่รุกราน’ ที่ครอบคลุมระหว่างรัสเซีย ยูเครน และยุโรป ประเด็นกำกวมทั้งหมดในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาจะถือว่า ‘ยุติลง’
3. คาดว่ารัสเซียจะไม่รุกรานประเทศเพื่อนบ้าน และ NATO จะไม่ขยายตัวอีก
4. จะมีการเจรจาระหว่างรัสเซียและ NATO โดยมีสหรัฐฯ เป็นคนกลาง เพื่อแก้ไขปัญหาความมั่นคงทั้งหมด สร้างเงื่อนไขสำหรับการลดความรุนแรง เพื่อประกันความมั่นคงของโลก และเพิ่มโอกาสความร่วมมือและการพัฒนาเศรษฐกิจในอนาคต
5. ยูเครนจะได้รับหลักประกันความมั่นคงที่เชื่อถือได้
6. ขนาดของกองทัพยูเครน จะถูกจำกัดจำนวนทหาร ไว้ที่ 600,000 คน
7. ยูเครนตกลงที่จะบัญญัติในรัฐธรรมนูญว่าจะไม่เข้าร่วม NATO และ NATO ตกลงที่จะรวมบทบัญญัติในธรรมนูญว่า ยูเครนจะไม่ได้รับเข้าเป็นสมาชิก NATO ในอนาคต
8. NATO ตกลงที่จะไม่ประจำการทหารในยูเครน
9. เครื่องบินขับไล่ของยุโรปจะถูกประจำการในโปแลนด์
10. หลักประกันความมั่นคงของสหรัฐฯ จะมีข้อแม้หรือเงื่อนไขพิเศษ ดังต่อไปนี้:
- สหรัฐฯ จะได้รับค่าตอบแทน สำหรับหลักประกัน
- หากยูเครนรุกรานรัสเซีย ยูเครน ‘จะสูญเสียหลักประกัน’
- หากรัสเซียบุกยูเครน นอกเหนือจากการตอบโต้ทางทหารที่ (ฝ่ายตะวันตก /สหรัฐฯ) ประสานความร่วมมือกันไว้อย่างเด็ดขาดแล้ว จะมีการนำมาตรการคว่ำบาตรทั่วโลก ‘กลับมาใช้ใหม่ทั้งหมด’ การรับรองดินแดนใหม่และผลประโยชน์อื่นๆ ทั้งหมดจากข้อตกลงนี้ ‘จะถูกยกเลิก’
- หากยูเครนยิงขีปนาวุธใส่กรุงมอสโกหรือเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กโดยไม่มีเหตุอันควร หลักประกันความมั่นคง ‘จะถือเป็นโมฆะ’
11. ยูเครนมีสิทธิเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) และจะได้รับสิทธิพิเศษในการเข้าถึงตลาดสหภาพยุโรปในระยะสั้น ในขณะที่ปัญหานี้อยู่ระหว่างการพิจารณา
12. จะมีชุดมาตรการระดับโลกที่ทรงพลัง เพื่อสร้างยูเครนขึ้นใหม่ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง:
- การจัดตั้ง ‘กองทุนพัฒนายูเครน’ เพื่อลงทุนในอุตสาหกรรมที่เติบโตเร็ว รวมถึงเทคโนโลยี ศูนย์ข้อมูล และปัญญาประดิษฐ์
- สหรัฐฯ จะร่วมมือกับยูเครน เพื่อร่วมกันสร้างใหม่ พัฒนา ปรับปรุงให้ทันสมัย และดำเนินการโครงสร้างพื้นฐานด้านก๊าซของยูเครน รวมถึงท่อส่งและโรงเก็บ
- ความพยายามร่วมกันในการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม เพื่อการบูรณะ สร้างใหม่ และปรับปรุงเมืองและพื้นที่พักอาศัยให้ทันสมัย
- การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
- การสกัดแร่ธาตุและทรัพยากรธรรมชาติ
- ธนาคารโลกจะพัฒนาแพ็กเกจการเงินพิเศษ เพื่อเร่งความพยายามเหล่านี้
13. รัสเซียจะถูกนำกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโลก:
- การยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร จะมีการหารือและตกลงเป็นขั้นตอนและเป็นรายกรณี
- สหรัฐฯ จะเข้าสู่ข้อตกลงความร่วมมือทางเศรษฐกิจระยะยาว เพื่อการพัฒนาร่วมกันในด้านพลังงาน ทรัพยากรธรรมชาติ โครงสร้างพื้นฐาน ปัญญาประดิษฐ์ ศูนย์ข้อมูล โครงการสกัดแร่หายากในแถบอาร์กติก และโอกาสทางธุรกิจที่เป็นประโยชน์ร่วมกันอื่นๆ
- รัสเซียจะได้รับเชิญให้กลับเข้าร่วมกลุ่ม G8
14. เงินทุนที่ถูกอายัดจะถูกนำไปใช้ดังนี้:
- ทรัพย์สินรัสเซียที่ถูกอายัดมูลค่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะถูกนำไปลงทุนในความพยายามที่นำโดยสหรัฐฯ เพื่อสร้างใหม่และลงทุนในยูเครน
- สหรัฐฯ จะได้รับ 50% ของผลกำไรจากกิจการนี้ ยุโรปจะเพิ่มเงิน 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเพิ่มจำนวนเงินลงทุนสำหรับการสร้างยูเครนใหม่ เงินทุนยุโรปที่ถูกอายัดจะได้รับการปลดล็อก ส่วนที่เหลือของเงินทุนรัสเซียที่ถูกอายัดจะถูกนำไปลงทุนในเครื่องมือการลงทุนร่วมระหว่างสหรัฐฯ-รัสเซียแยกต่างหาก ซึ่งจะดำเนินโครงการร่วมในพื้นที่เฉพาะ กองทุนนี้มีเป้าหมาย เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์และเพิ่มผลประโยชน์ร่วมกันรวมถึงเพื่อสร้างแรงจูงใจที่แข็งแกร่งในการไม่กลับไปสู่ความขัดแย้ง
15. จะมีการจัดตั้ง ‘คณะทำงานร่วมอเมริกัน-รัสเซีย’ ว่าด้วยประเด็นความมั่นคง เพื่อส่งเสริมและประกันการปฏิบัติตามบทบัญญัติทั้งหมดของข้อตกลงนี้
16. รัสเซียจะบัญญัติในกฎหมายถึง ‘นโยบายไม่รุกราน’ ต่อยุโรปและยูเครน
17. สหรัฐฯ และรัสเซียจะตกลงขยายอายุของสนธิสัญญาว่าด้วยการไม่แพร่ขยายและการควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ รวมถึงสนธิสัญญา START I
18. ยูเครนตกลงที่จะเป็น ‘รัฐที่ไม่ใช่รัฐนิวเคลียร์’ (Non-Nuclear State) ตามสนธิสัญญาว่าด้วยการไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ (NPT)
19. โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซียจะถูกเปิดใช้งาน ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) และไฟฟ้าที่ผลิตได้จะถูกแบ่งสรรระหว่างรัสเซียและยูเครนในอัตรา 50:50
20. ทั้งสองประเทศรับรองที่จะดำเนินโครงการการศึกษาในโรงเรียนและสังคม เพื่อส่งเสริมความเข้าใจและความอดทนอดกลั้นต่อวัฒนธรรมที่แตกต่าง และขจัดลัทธิเหยียดเชื้อชาติและอคติ:
- ยูเครนจะนำกฎของสหภาพยุโรปมาใช้เกี่ยวกับความอดทนอดกลั้นทางศาสนา และการคุ้มครองชนกลุ่มน้อยทางภาษา
- ทั้งสองประเทศจะตกลงที่จะ ‘ยกเลิกมาตรการเลือกปฏิบัติทั้งหมด’ และรับประกันสิทธิของสื่อและการศึกษาของยูเครนและรัสเซีย
- อุดมการณ์และกิจกรรมของนาซีทั้งหมด จะต้องถูกปฏิเสธและถูกห้าม
21. ดินแดน:
- ไครเมีย, ลูฮันสก์ และโดเนตสก์ จะได้รับการยอมรับว่า ‘เป็นของรัสเซีย’ โดยพฤตินัย (De Facto) รวมถึงโดยสหรัฐฯ ด้วย
- เคอร์ซอนและซาปอริซเซีย ‘จะถูกตรึง’ ตามแนวเส้นปะทะ ซึ่งหมายถึงการรับรองโดยพฤตินัยตามแนวเส้นปะทะ
- รัสเซียจะสละหรือยกดินแดนอื่นที่ตกลงกันไว้ นอกเหนือจาก 5 ภูมิภาคที่ตนควบคุมอยู่
- กองกำลังยูเครนจะถอนกำลังออกจากส่วนหนึ่งของแคว้นโดเนตสก์ที่ตนควบคุมอยู่ในปัจจุบัน และเขตถอนกำลังนี้จะถูกพิจารณาเป็น ‘เขตกันชนที่ปลอดทหารและเป็นกลาง’ ซึ่งได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติว่าเป็นดินแดนที่เป็นของสหพันธรัฐรัสเซีย กองกำลังรัสเซียจะไม่เข้าสู่เขตปลอดทหารนี้
22. หลังจากตกลงเกี่ยวกับการจัดเตรียมดินแดนในอนาคต ทั้งสหพันธรัฐรัสเซียและยูเครนรับรองที่จะไม่เปลี่ยนแปลงการจัดเตรียมเหล่านี้ด้วยกำลัง หลักประกันความมั่นคงใดๆ จะไม่มีผลบังคับใช้ในกรณีที่มีการละเมิดข้อผูกมัดนี้
23. รัสเซียจะไม่ขัดขวางยูเครนจากการใช้แม่น้ำนีเปอร์ (Dnipro River) เพื่อกิจกรรมเชิงพาณิชย์ และจะมีการบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการขนส่งธัญพืชอย่างเสรีทั่วทะเลดำ
24. จะมีการจัดตั้ง ‘คณะกรรมการด้านมนุษยธรรม’ เพื่อแก้ไขปัญหาสำคัญ:
- เชลยสงครามและศพที่เหลือทั้งหมด จะถูกแลกเปลี่ยนแบบ ‘ทั้งหมดแลกทั้งหมด’ (All for All)
- ผู้ถูกควบคุมตัวและตัวประกันที่เป็นพลเรือนทั้งหมด รวมถึงเด็กๆ จะถูกส่งคืน
- จะมีการดำเนิน ‘โครงการรวมญาติ’
- จะมีมาตรการต่างๆ เพื่อบรรเทาความทุกข์ทรมานของเหยื่อความขัดแย้ง
25. ยูเครนจะจัดการเลือกตั้งใน 100 วัน
26. ‘ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง’ ในความขัดแย้งนี้จะได้รับ ‘นิรโทษกรรมอย่างสมบูรณ์’ สำหรับการกระทำของตนในช่วงสงคราม และตกลงที่จะไม่เรียกร้องหรือพิจารณาข้อร้องเรียนใดๆ ในอนาคต
27. ข้อตกลงนี้จะ ‘มีผลผูกพันทางกฎหมาย’ การดำเนินการจะได้รับการตรวจสอบและรับประกันโดยสภาสันติภาพ (Peace Council) ซึ่งมีประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธาน และจะมีการกำหนดมาตรการคว่ำบาตรสำหรับการละเมิด
28. เมื่อทุกฝ่ายตกลงในบันทึกความเข้าใจนี้ การหยุดยิงจะมีผลบังคับใช้ทันที หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายถอยไปยังจุดที่ตกลงไว้ เพื่อเริ่มต้นดำเนินการตามข้อตกลง
ยูเครนมองข้อเสนอเหล่านี้อย่างไร
เซเลนสกีได้พบกับเจ้าหน้าที่กองทัพสหรัฐฯ ในกรุงเคียฟ เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อหารือเกี่ยวกับข้อเสนอ ซึ่งร่างขึ้นโดยสหรัฐฯ และรัสเซีย โดยที่ไม่มีการใส่ข้อมูลหรือเงื่อนไขความต้องการใดๆ จากยูเครนหรือพันธมิตรยุโรป
หลังจากการประชุมหารือ เซเลนสกีกล่าวว่า ฝ่ายสหรัฐฯ ได้นำเสนอแผนยุติสงครามจาก วิสัยทัศน์ของพวกเขา ในขณะที่ยูเครนเองก็มีหลักการสำคัญ และเงื่อนไขของตัวเอง พร้อมทั้งเน้นย้ำถึงจุดยืนของยูเครนว่า “ตั้งแต่วันแรกของสงคราม ยูเครนได้ยึดถือจุดยืนที่ง่ายมาก นั่นคือ ยูเครนต้องการ ‘สันติภาพที่แท้จริง’ ซึ่งเป็นสันติภาพที่จะไม่ถูกทำลายโดยการรุกรานครั้งที่สาม สันติภาพที่มีเกียรติ ด้วยเงื่อนไขที่เคารพอิสรภาพ อธิปไตย และศักดิ์ศรีของประชาชนชาวยูเครน”
โดยประธานาธิบดียูเครนกล่าวว่า ตอนนี้เขาจะหารือกับพันธมิตรยุโรปเกี่ยวกับร่างข้อเสนอนี้เพิ่มเติม
ทางด้าน เคียร์ ไจลส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านยูเรเซียจาก Chatham House กล่าวกับ Al Jazeera ว่า การยอมรับเงื่อนไขของร่างแผนสันติภาพในฉบับปัจจุบันนี้จะเป็น ‘หายนะ’ สำหรับยูเครน เนื่องจากยูเครนจะต้องยอมยกดินแดนจำนวนมากให้กับรัสเซีย ทั้งยังมีแนวโน้มว่า ผู้นำยูเครนและบรรดาผู้นำยุโรปจะ ‘ไม่ยอมรับ’ แผนสันติภาพที่กำหนดให้ยูเครนต้องยอมยกดินแดนให้กับรัสเซียเช่นนี้
ท่าทีของรัสเซียต่อแผนสันติภาพทรัมป์เป็นอย่างไร
รัสเซียปฏิเสธว่า ยังไม่มีการปรึกษาหารืออย่างเป็นทางการระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซียเกี่ยวกับแผนสันติภาพดังกล่าว โดย ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซียระบุว่า ขณะนี้ไม่ได้มีการปรึกษาหารือกันในเรื่องนี้ แม้จะมีติดต่อกันระหว่างทั้งสองประเทศ
ขณะที่ วิกเตอร์ ออร์บาน นายกรัฐมนตรีฮังการี และพันธมิตรคนสนิทของทรัมป์ ซึ่งอาจรวมถึงวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ดูเหมือนจะสนับสนุนแผนสันติภาพนี้ พร้อมกล่าวชื่นชมทรัมป์ว่า ถ้าทรัมป์ตั้งใจทำอะไรแล้ว เขาจะไม่ปล่อยสิ่งนั้นไป และแน่นอนว่า ทรัมป์มุ่งมั่นที่จะยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน
มุมมองนักวิเคราะห์ กับแผนสันติภาพทรัมป์
ผู้เชี่ยวชาญจำนวนไม่น้อยมองว่า เงื่อนไขของแผนสันติภาพ 28 ข้อและวิธีการดำเนินการนั้น ‘ยังห่างไกลจากความชัดเจน’ โดย ไจลส์ จาก Chatham House ระบุว่า เงื่อนไขต่างๆ ที่ระบุไว้ในร่างข้อเสนอนั้น ไม่สามารถบังคับใช้ได้ และคลุมเครืออย่างมาก หากไม่มีการปรึกษาหารือกับฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
ไจลส์ยังตั้งข้อสังเกตว่า หากแผนสันติภาพนี้ถูกบังคับใช้ นั่นอาจหมายถึง สหรัฐฯ กำลังสนับสนุนการยึดครองดินแดนผ่านการรุกรานด้วยอาวุธอย่างเปิดเผย และจะเป็นการให้กำลังใจผู้รุกรานอื่นๆ ทั่วโลกว่า พวกเขามีสหรัฐฯ คอยสนับสนุน
ไจลส์ยังมองว่า ร่างข้อเสนอนี้จะไม่นำไปสู่ความคืบหน้าใดๆ คล้ายกับข้อตกลงก่อนหน้านี้ โดยเขาเชื่อว่า ยูเครนและยุโรปจะผลักดันให้เกิดการเจรจา และหารือเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงร่างข้อเสนอนี้ใหม่อีกครั้ง โดยเพิ่มเติมเสียงและจุดยืนของยูเครนและยุโรปเข้าไปในแผนการสันติภาพนี้
ทางด้านเจ้าหน้าที่ยูเครนและสหรัฐฯ ได้หารือกันที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันอาทิตย์ (23 พฤศจิกายน) โดยระบุว่า พวกเขาบรรลุความคืบหน้าไปได้ด้วยดีในการเจรจาเกี่ยวกับร่างแผนสันติภาพของทรัมป์ พร้อมออกแถลงการณ์ยืนยันว่า “ข้อตกลงใดๆ ในอนาคตใด จะต้องรักษาอธิปไตยของยูเครนไว้อย่างสมบูรณ์ และนำมาซึ่งสันติภาพที่ยั่งยืนและยุติธรรม”
ขณะที่ทรัมป์ได้กำหนดเส้นตายให้ยูเครนยอมรับร่างข้อเสนอทั้ง 28 ข้อ ภายในวันพฤหัสบดี (27 พฤศจิกายน) นี้ ซึ่งได้รับเสียงคัดค้านจากประชาชนชาวยูเครนจำนวนไม่น้อย เนื่องจากเนื้อหาของร่างข้อเสนอดังกล่าว เป็นไปตามข้อเรียกร้องของรัสเซีย
แฟ้มภาพ: Getty Images / Shutterstock
อ้างอิง:
- https://www.aljazeera.com/news/2025/11/21/trumps-28-point-ukraine-plan-in-full-what-it-means-could-it-work
- https://www.nytimes.com/2025/11/23/world/europe/ukraine-switzerland-russia-peace-talks.html
- https://www.bbc.com/news/live/c33mv4y2187t
- https://www.theguardian.com/world/2025/nov/23/trump-ukraine-zero-gratitude-peace-plan-international-talks


