×

คดีฟอกเงินกดดัน ‘สว. น้ำเงินแท้’: ชี้ชะตา 2 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พลิกดุลอำนาจองค์กรอิสระ

17.03.2025
  • LOADING...
คดีฟอกเงิน สว. สีน้ำเงินแท้

ในวันพรุ่งนี้ (18 มีนาคม) วุฒิสภาจะมีวาระสำคัญคือการประชุมและลงมติลับ พิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลที่สมควรดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่ จำนวน 2 คน ที่แม้คณะกรรมการสรรหาฯ จะตรวจสอบคุณสมบัติและลงความเห็นเลือกมาแล้ว แต่รัฐธรรมนูญ ปี 2560 กำหนดให้ สว. มีอำนาจชี้ขาดว่าจะ ‘ให้ผ่าน’ หรือ ‘ตีตก’ ได้เป็นด่านสุดท้าย

 

สว. ชุดปัจจุบันทั้ง 200 คน จึงยังดำรงสถานะผู้รักษาประตูสู่เก้าอี้ตำแหน่งต่างๆ ใน 7 องค์กรอิสระ ซึ่งมีการสรุปรวมไว้ว่า ตลอดวาระการปฏิบัติหน้าที่ของ สว. ชุดนี้อีก 5 ปี (พ.ศ. 2567-2572) จะมีการเลือกบุคคลเข้ารับตำแหน่งในองค์กรอิสระรวมกันถึง 41 คน แทนตำแหน่งที่ว่างลงเมื่อหมดวาระ อาทิ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 7 คน, คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) 7 คน, คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) 3 คน และอื่นๆ

 

การรุกไล่ สว. ภายหลังการดำเนินคดีในความผิดฐานฟอกเงินโดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ที่ค้ำยันด้วยมติ 11 เสียงเห็นชอบของคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) จึงมีนัยสำคัญคือการท้าชนกับสภาสูงที่กุมดุลอำนาจเหนือองค์กรอิสระ ตลอดจนการพิจารณาผ่านกฎหมายต่างๆ ทั้งนี้ เพื่อเปิดโต๊ะให้ 2 ขั้วอำนาจทางการเมือง ได้เจรจาต่อรองกันว่าจะแบ่งสรรอำนาจในฝ่ายนิติบัญญัตินี้อย่างไร

 

ในการประชุมลับเพื่อชี้ชะตา 2 ตัวเต็งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 18 มีนาคม นี้ ผลลัพธ์มีโอกาสออกมาได้หลายทาง แต่ไม่ว่าทางใดก็ย่อมบ่งชี้ถึงสถานการณ์ของการเมืองภายในวุฒิสภาได้ไม่น้อย

 

กลุ่ม สว. เสียงข้างมาก สวมใส่เสื้อสีเหลือง ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา 

กลุ่ม สว. เสียงข้างมาก สวมใส่เสื้อสีเหลือง ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา 

ภาพ: ฐานิส สุดโต

 

ความเสี่ยงและโอกาส ‘2 ตัวเต็ง’

 

ผู้ที่ได้คัดเลือกจากคณะกรรมการสรรหาฯ ให้เป็นบุคคลที่สมควรได้รับตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้งสองคนคือ ศ. ดร.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ชาตรี อรรจนานันท์ อดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก 

 

ควรเน้นย้ำว่าทั้งสองคนนี้ไม่ใช่ ‘ผู้ท้าชิง’ ที่มาแข่งขันกันว่าใครจะได้รับตำแหน่ง หรือใครเหนือกว่าใคร แต่ทั้งคู่เป็นบุคคลตัวเต็งที่มีโอกาสได้รับตำแหน่งแทนผู้ที่หมดวาระแล้ว โดย ศ. ดร.สิริพรรณ มารับตำแหน่งแทน นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนปัจจุบัน และชาตรีมารับตำแหน่งแทน ปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ

 

ศ. ดร.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี

ศ. ดร.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี

ภาพ: ฐานิส สุดโต

 

ทั้ง ศ. ดร.สิริพรรณ และชาตรี ได้ผ่านการแสดงวิสัยทัศน์และตอบข้อซักถามต่อคณะกรรมการสรรหาฯ มาแล้วก่อนจะได้รับเลือก และจะส่งชื่อมาให้ สว. พิจารณาต่อ 

 

รู้จักตัวตนและวิสัยทัศน์ของ 2 ตัวเต็งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ที่ https://thestandard.co/2-candidates-for-constitutional-court-judge-thailand/

 

ก่อนหน้าการประชุมเพื่อลงมติลับ ทั้งสองคนต้องผ่านการตรวจสอบในกลไก คณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็น สว. จำนวน 15 คน ที่ได้รับการแต่งตั้งโดยเสียงข้างมากของที่ประชุมวุฒิสภา

 

และเมื่อเริ่มการประชุม สว. จะซักถามคณะกรรมาธิการฯ ดังกล่าวถึงการสอบประวัติและอภิปรายแสดงความคิดเห็นหรือความกังวลต่อประวัติ ความประพฤติ และจริยธรรมของบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อ จนเมื่อได้ข้อสรุปแล้วจึงเข้าสู่การลงมติ ซึ่งกระบวนการทั้งหมดจะเป็นความลับ

 

ชาตรี อรรจนานันท์

ชาตรี อรรจนานันท์

 

อย่างไรก็ตาม กลไกกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่สอบประวัติบุคคลในองค์กรอิสระต่างๆ นั้น มีมาตั้งแต่สมัย สว. ชุดเฉพาะกาล 250 คน ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า จะมีการคัดกรองอย่างละเอียด โดยเฉพาะด้านทัศนคติและจุดยืนทางการเมือง และที่ผ่านมาของแต่ละคน ทำให้ที่ผ่านมา มีหลายบุคคลไม่ได้รับเสียงเห็นชอบจากวุฒิสภา

 

กระทั่งมีการวิเคราะห์กันล่วงหน้าว่า จากประวัติที่ผ่านมา รวมถึงจุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจนของเสียงข้างมากใน สว. ชุดนี้จึงมีความเป็นไปได้ที่วุฒิสภาจะไม่ให้ความเห็นชอบทั้งสองคนหรือให้ความเห็นชอบเฉพาะคนใดคนหนึ่ง โดยเฉพาะ ศ. ดร.สิริพรรณ ที่ สว. บางคนที่มีจุดยืนเป็นอนุรักษนิยมเกิดความกังวล เนื่องจากเมื่อช่วงปี 2555 ศ. ดร.สิริพรรณ เคยเป็นหนึ่งในนักวิชาการ 112 คนแรก ที่ร่วมคณะรณรงค์แก้ไขมาตรา 112 (ครก.112) ตามการรายงานของสำนักข่าวประชาไท

 

กดดัน ‘สว. น้ำเงินแท้’ ศูนย์กลางอำนาจ

 

เมื่อเชื่อมโยงเข้ากับการดำเนินคดีฐานฟอกเงินโดย DSI ซึ่งหลายคนมองว่า เป็นการสร้างพันธนาการ ‘สว. สีน้ำเงิน’ ซึ่งเป็นกลุ่มเสียงข้างมากในสภาสูง ให้เคลื่อนไหวไม่สะดวก ขณะเดียวกัน ก็เป็นการกดดันเพิ่มอำนาจต่อรองให้ สว. กลุ่มนี้หันมาสนับสนุนวาระจากอีกขั้วการเมือง ซึ่งชัดเจนว่าคือขั้ว ‘พลังสีแดง’

 

พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะกำกับดูแล DSI เคยเปิดเผยว่า DSI รับความผิดฐานฟอกเงินไว้เป็นคดีพิเศษ เนื่องจากมีหลักฐานบ่งชี้ว่ากระบวนการทุจริตในการเลือก สว. นั้นมีเงินสะพัดเกิน 300 ล้านบาท และคาดว่ามี สว. จำนวน 20 คนที่มีหลักฐานการจ่ายสามารถยื่นเอาผิดได้

 

พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง แถลงผลการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ

พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง แถลงผลการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ

ภาพ: ณาฌารัฐ ภักดีอาสา

 

ในกลุ่ม สว. สีน้ำเงิน ที่มีจำนวนอยู่ระหว่าง 140-160 คนนั้น มีศูนย์กลางอำนาจ ที่เป็นกลุ่ม สว. ราว 20-30 คนที่เป็นผู้กำหนดทิศทาง วางยุทธศาสตร์ และควบคุมเสียงโหวตของ สว. กลุ่มใหญ่ในวาระต่างๆ หรืออาจเรียกว่า ‘สว. น้ำเงินแท้’ ที่มีลักษณะเป็นแกนกลาง และเป็นเป้าหมายในการดำเนินคดีของ DSI 

 

ตามกระบวนการประชุมลับเพื่อลงมติเลือกบุคคลในองค์กรอิสระต่างๆ จำเป็นต้องผ่านกลไกคณะกรรมาธิการตรวจสอบประวัติฯ ทั้งสิ้น ซึ่งตั้งแต่ สว. ชุดนี้ทำหน้าที่มาเมื่อช่วงเดือนมิถุนายน 2567 ได้มีการตั้งคณะกรรมาธิการฯ นี้ขึ้นมาแล้ว 6 คณะ ประกอบด้วย

 

  1. คณะกรรมาธิการตรวจสอบประวัติฯ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่มี พ.ต.อ. กอบ อัจนากิตติ เป็นประธาน

 

  1. คณะกรรมาธิการตรวจสอบประวัติฯ อัยการสูงสุด และประธานศาลปกครองสูงสุด ที่มี พล.ต.ท. ยุทธนา ไทยภักดี เป็นประธาน

 

  1. คณะกรรมาธิการตรวจสอบประวัติฯ ตุลาการศาลปกครองสูงสุด ที่มี ธวัช สุระบาล เป็นประธาน

 

  1. คณะกรรมาธิการตรวจสอบประวัติฯ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่มี ชีวะภาพ ชีวะธรรม เป็นประธาน

 

  1. คณะกรรมาธิการตรวจสอบประวัติฯ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่มี พล.อ. สวัสดิ์ ทัศนา เป็นประธาน

 

  1. คณะกรรมาธิการตรวจสอบประวัติฯ คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ที่มี พล.ต.ต. ฉัตรวรรษ แสงเพชร เป็นประธาน

 

พล.ต.ต. ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว.

พล.ต.ต. ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว.

ภาพ: ณาฌารัฐ ภักดีอาสา

 

THE STANDARD ตรวจสอบรายชื่อ สว. จากกรรมาธิการตรวจสอบประวัติฯ 6 คณะ คณะละ 15 คน พบว่า มี สว. ที่ปรากฏชื่ออยู่ในมากกว่า 1 กรรมาธิการ อยู่ทั้งหมด 19 คน

 

โดยมี สว. 15 คน ที่มีชื่อซ้ำอยู่ใน 2-3 กรรมาธิการ, มี 2 คน ที่อยู่ใน 4 กรรมาธิการ, มี 1 คน ที่อยู่ใน 5 กรรมาธิการ และมีอีก 1 คน ที่อยู่ในทั้ง 6 กรรมาธิการ หรืออยู่ในกรรมาธิการตรวจสอบประวัติฯ ทุกคณะเท่าที่มีการตั้งขึ้นมา

 

ทั้งนี้ สว. ในจำนวนดังกล่าว ยังได้กระจายตัวไปเป็นประธานคณะกรรมาธิการสามัญคณะต่างๆ ของวุฒิสภาอีกด้วย

 

หาก DSI ล็อกเป้าหมายได้ถูกต้อง สามารถยึดกุมแกนกลางอำนาจของ ‘สว. น้ำเงินแท้’ ไว้ได้ ย่อมส่งผลต่อการพิจารณาบุคคลเข้าสู่องค์กรอิสระต่างๆ นับแต่นี้ได้ และจะส่งผลให้บุคคลเหล่านั้นไม่ถูกผูกขาดแหล่งที่มาจากขั้วการเมืองฝ่ายเดียว

 

เสนอชะลอ รอการตรวจสอบ

 

ขณะเดียวกัน ผลลัพธ์ของการลงมติพิจารณาตัวเต็งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้งสองคนก็อาจออกมาอีกทางได้ เพราะมีอีกกลุ่มที่เห็นว่ากระบวนการเลือกคนเข้าสู่องค์กรอิสระโดย สว. ชุดนี้ควรชะลอไว้ก่อน เนื่องจากกำลังถูกตรวจสอบดำเนินคดีโดย DSI และ กกต. จึงอาจมีปัญหาเรื่องความชอบธรรม 

 

นันทนา นันทวโรภาส สว. ระบุว่า การดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระนั้นมีวาระ 7 ปี ถ้า สว. ที่ไปลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ หากบุคคลนั้นเข้าไปดำรงตำแหน่งแล้ว เมื่อการตรวจสอบมีปัญหาว่าไม่สุจริต ก็จะทำให้ผู้ที่เป็น สส. นั้นขาดคุณสมบัติ และถ้าคนที่เป็น สว. ขาดคุณสมบัติแล้วไปลงมติเห็นชอบให้กับผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ จะส่งผลให้ผู้ที่ดำรงตำแหน่งนั้นเป็นโมฆะ และส่งผลกระทบระยะยาว

 

“ขอเรียกร้องให้บรรดา สว. ทั้งหมด ชะลอการลงมติเห็นชอบองค์กรอิสระในวันที่ 18 มีนาคมนี้ไปก่อน จนกว่าการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสิ้นสงสัยว่า กระบวนการได้มาซึ่ง สว. นั้นสุจริตโปร่งใส แล้วค่อยมาทำหน้าที่ลงมติกันต่อ” นันทนากล่าว

 

นันทนา นันทวโรภาส สว.

นันทนา นันทวโรภาส สว.

ภาพ: ฐานิส สุดโต

 

เช่นเดียวกับ เทวฤทธิ์ มณีฉาย สว. ที่เปิดเผยว่า ในช่วงต้นของการประชุมวุฒิสภาวันดังกล่าว อาจมีการเสนอญัตติขอชะลอการพิจารณาคุณสมบัติของตัวเต็งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้งสองคน ออกไปก่อน ซึ่งก็ต้องรอท่าทีในที่ประชุมวุฒิสภาว่าอาจจะมีเสียงเห็นแย้ง และอาจนำมาสู่การลงมติตัดสินว่าจะให้ชะลอวาระนั้นไว้หรือไม่

 

ถ้าหากกระบวนการดังกล่าวถูกชะลอไป ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนปัจจุบันก็จะต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไปก่อนจนกว่าจะเลือกผู้ดำรงตำแหน่งคนใหม่ได้ เช่นเดียวกับตำแหน่งในองค์กรอิสระอื่นๆ ที่กำลังจะหมดวาระ ก็จะเข้าสู่สภาวะ ‘สุญญากาศ’ ระหว่างรอ DSI ตรวจสอบ สว. ชุดนี้จนกระจ่างหรือไม่ก็จนกว่าผู้มีอำนาจเบื้องหลังขั้วการเมืองจะพบบรรลุข้อตกลงซึ่งกันและกัน

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising