อัตรากำลังในการคำนวณเพื่อการขุด ‘Bitcoin’ แตะระดับสูงสุดในรอบ 13 ปี ! กดดันนักขุดทำให้เหรียญหายากขึ้นกว่าเดิมถึง 23.34% แต่บริษัทจดทะเบียนไทยกลับแห่ประกาศเข้าทำธุรกิจเครื่องขุดจำนวนมาก คำถามคือ คุ้มค่าจริงหรือ?
อัตรากำลังในการคำนวณ (Hashrate) เพื่อขุด Bitcoin แตะระดับสูงสุดในรอบ 13 ปี ที่ระดับ 249* EH/s (EH คือ Exahash ซึ่งเทียบเท่า 10^18 Hash ต่อวินาที) ในขณะเดียวกัน ก็ส่งผลให้เกิดความยากของตัวเครือข่ายในการขุดเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน โดยความยากในการขุดนั้นเพิ่มขึ้นกว่า 23.34% นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว เป็นปัจจัยกดดันนักขุดให้หาเหรียญยากขึ้นกว่าเดิม
ในตอนนี้เหมืองที่มีอัตราการขุดสูงที่สุดในโลกในช่วงสามวันมานี้ คือ Foundry จากสหรัฐฯ ที่คิดเป็นสัดส่วน 15.59% ของสัดส่วนการขุดทั่วโลก ด้วยอัตราการขุดที่ 33.62 EH/s, F2Pool จากประเทศจีนมีสัดส่วนเป็นอันดับ 2 ด้วยสัดส่วน 14.76% ด้วยอัตราการขุดที่ 31.83 EH/s
จากปัจจัยดังกล่าวจะเห็นได้ว่า ในรอบปีที่ผ่านมา แม้จะมีบางประเทศที่แบน Bitcoin (อย่างจีน แต่ก็ยังมีอัตราการขุดเป็นอันดับ 2 ของโลกอยู่ในขณะนี้) แต่ก็มีหลายประเทศที่เริ่มเปิดรับ Bitcoin เข้าไปเป็นจำนวนมาก (เช่น เอลซัลวาดอร์) และดูเหมือนว่าทุกครั้งอัตราการขุดก็เพิ่มกลับมามากกว่าเดิมได้เสมอ ซึ่งทำให้การขุด Bitcoin ยากขึ้นเรื่อยๆ และกดดันให้นักลงทุนได้ผลตอบแทนน้อยลงไปทุกที
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าช่วงเวลานับตั้งแต่ต้นปี ราคา Bitcoin และเหรียญดิจิทัลต่างก็ปรับตัวลงมาอย่างต่อเนื่อง แต่จากตัวเลขจะเห็นได้ว่าอัตราการขุดกลับเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ แม้จะต้องใช้ระยะเวลาในการคืนทุนที่สูงขึ้นจากการปรับตัวลงมาของราคาเหรียญก็ตาม ซึ่งแสดงให้เห็นว่านักขุดคริปโตยังมีความเชื่อมั่นเป็นจำนวนมากอยู่ในขณะนี้
ซึ่งหากกลับมาดูที่ประเทศเราเอง จะเห็นได้ว่ามีความเชื่อมั่นในการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับคริปโตไม่น้อยทีเดียว เนื่องจากมีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จำนวนมาก เริ่มขยายแผนธุรกิจไปสู่การขุด ‘Bitcoin’ ทำให้เกิดปัจจัยในการผลักดันราคาหุ้นขึ้นเป็นอย่างมาก และในบางหลักทรัพย์ก็ใช้เวลาไม่นาน ให้มีการปรับตัวของราคาหุ้นขึ้นไปมากกว่า 100% หลังประกาศดำเนินแผนธุรกิจดังกล่าว
แต่ระยะเวลาในการลงทุนในธุรกิจดังกล่าวจะคุ้มค่าจริงหรือ?
หากพิจารณาการขุดคริปโตในแง่การลงทุน จะพบว่าต้องพิจารณาในส่วนของการ์ดจอที่จะนำมาขุดว่าเป็นรุ่นใด, ค่าไฟฟ้า, ค่าบำรุงรักษาอุปกรณ์ และราคาเหรียญ จากข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์การขุดแสดงให้เห็นว่า หากนักลงทุนที่สนใจเข้ามาในตลาดนี้เพื่อประกอบธุรกิจการขุด หลังหักค่าไฟฟ้าออกไปแล้วจะใช้เวลาโดยประมาณ 1-2 ปี เพื่อคืนทุน* ตามราคาของเหรียญ Bitcoin ในตลาดขณะนั้นๆ (ทั้งนี้ ยังมีเหรียญสกุลอื่นๆ อีก โดยมีระยะเวลาในการคืนทุนต่างกันไปตามอัตราความยากในการขุด และระดับราคา) ซึ่งหากราคาเหรียญดังกล่าวปรับตัวขึ้นก็จะใช้เวลาในการขุดน้อยลงไป
ดังนั้นแล้วกว่าการลงทุนในการขุด Bitcoin จะเห็นผล จนผลักดันผลประกอบการที่เติบโตชัดเจน ก็คงไม่ใช่ภายในเวลาไม่กี่ไตรมาสอย่างแน่นอน และผลกำไรจากการลงทุนในเครื่องขุดนั้นยังต้องพึ่งพิงปัจจัยทางด้านราคาของตัวเหรียญอีกเช่นกัน ซึ่งมีความผันผวนทั้งในระยะสั้นและระยะยาวค่อนข้างมาก หากเหรียญที่ลงทุนขุดโดนภาวะกดดันจากตลาดไปมากกว่า 50% ก็อาจใช้เวลามากขึ้นหลายเท่าตัวได้เลย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผลกำไรของบริษัทไตรมาสต่อไตรมาสได้เลยทีเดียว
ในทำนองเดียวกัน แม้ระดับราคาเหรียญจะพุ่งขึ้นในทันที ผลกำไรก็อาจยังไม่สามารถรับรู้ได้ทันที ขึ้นกับระยะเวลาที่ทางบริษัทกำหนดขึ้นมาว่าจะขายเพื่อรับรู้รายได้เมื่อไร ซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละบริษัทเช่นเดียวกัน
*คำนวณจากราคาเหรียญ Bitcoin ที่ราว 49,000 ดอลลาร์สหรัฐ
อ้างอิง:
- https://markets.bitcoin.com/crypto/BTC/
- https://ditc.co.th/knowledge/compare-3-cryptocurrency/
- https://coinmarketcap.com/alexandria/glossary/hash-power-hash-rate
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP