บมจ.เคอรี่ เอ็กซ์เพรส หรือ KEX ผู้ให้บริการจัดส่งพัสดุด่วน ซึ่งกำลังจะเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ล่าสุดได้กำหนดราคาเสอขายหุ้น IPO ที่ 28 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาสูงสุดของช่วงราคาเสนอขายที่ 25-28 บาท หลังนักลงทุนสถาบันแสดงความต้องการจองซื้อท่วมท้น มากกว่า 23 เท่าจากจำนวนหุ้นที่จัดสรรไว้ พร้อมเข้าเทรดวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 24 ธันวาคมนี้ ภายใต้ชื่อย่อหลักทรัพย์ ‘KEX’
วีณา เลิศนิมิตร กรรมการ บล.ไทยพาณิชย์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม กล่าวว่า KEX เป็นหุ้นที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างมาก โดยเฉพาะจากนักลงทุนสถาบัน (Bookbuilding) ที่ได้แสดงความต้องการจองซื้อที่ราคาสูงสุดหุ้นละ 28 บาท โดยมีความต้องการจองซื้อของนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างท่วมท้นมากกว่า 23 เท่า และยอดจองล้นประมาณ 10 เท่าจากกลุ่มนักลงทุนหลักแบบเฉพาะเจาะจง (Cornerstone Investors) สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อ KEX ในฐานะผู้นำการให้บริการจัดส่งพัสดุด่วนของประเทศไทย ด้วยศักยภาพที่โดดเด่นและแบรนด์ที่แข็งแกร่ง
“ด้วยระดับราคา IPO ที่ 28 บาท คิดเป็นค่า P/E ย้อนหลังประมาณ 30 กว่าเท่า ซึ่งก็อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับกลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ อย่างไรก็ตามความน่าสนใจของหุ้น KEX คือไม่เพียงแค่เป็นหุ้นขนส่งและโลจิกติกส์เท่านั้น แต่มีความเป็นหุ้นเทคโนโลยี ซึ่งเป็นเทรนด์ธุรกิจของอนาคต โดย KEX มีแพลตฟอร์มที่พัฒนาขึ้นด้วยตัวเอง และสามารถต่อยอดไปสู่ธุรกิจแห่งอนาคตอื่นได้”
ขณะเดียวกัน เมื่อเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแล้ว ก็มีโอกาสที่ KEX จะติดกลุ่มดัชนี SET50 หรือ SET100 เช่นเดียวกัน หากประเมินจากความสนใจจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนทั่วไป ซึ่งจะส่งผลต่อราคาหุ้นในตลาดและมาร์เก็ตแคปในอนาคต อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับความเคลื่อนไหวเมื่อเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์และเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์
ทั้งนี้ KEX ระดมทุนครั้งนี้ราว 8,400 ล้านบาท จะใช้สำหรับ
- ขยายเครือข่ายจัดส่งพัสดุด่วน ลงทุนในระบบการขนส่ง และพัฒนาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
- ชำระคืนเงินกู้
- เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
ปัจจุบันเคอรี่ เอ็กซ์เพรส ให้บริการจัดส่งพัสดุแบบครบวงจร ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทุกประเภท และมีเครือข่ายการให้บริการครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัด ด้วยจุดให้บริการกว่า 15,000 แห่ง พร้อมศูนย์กระจายพัสดุกว่า 1,200 แห่ง ทั้งยังมีศักยภาพในการให้บริการ เป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภค และอยู่ในอุตสาหกรรมที่ได้รับประโยชน์จากเทรนด์การเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซและโซเชียลคอมเมิร์ซ ซึ่งจะส่งผลดีต่อความต้องการใช้บริการจัดส่งพัสดุด่วน โดยการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะช่วยเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจและความแข็งแกร่งของฐานะการเงินแก่บริษัท
อิศรินทร์ ภัทรมัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการลงทุน บมจ.เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในการระดมทุนรอบนี้เพื่อการขยายธุรกิจเดิมเท่านั้น อย่างไรก็ตาม KEX ยังคงมองหาธุรกิจใหม่และพาร์ตเนอร์ใหม่ตลอดเวลา ทั้งนี้ เพื่อพัฒนาและต่อยอดบริการ รวมทั้งเพื่อสร้างการเติบโตแก่ธุรกิจ
โดย KEX เป็นธุรกิจที่ยังมีศักยภาพในการเติบโตอีกมาก เนื่องจากเป็นผู้นำด้านการจัดส่งพัสดุด่วนที่สอดคล้องกับการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่กำลังขยายตัวอย่างมากในประเทศไทย ขณะที่ไซส์ธุรกิจขนาดใหญ่ ส่งผลให้บริษัทมี Economy of Scale สามารถรักษาความสามารถในการทำกำไรได้ท่ามกลางการแข่งขันของผู้แข่งรายใหม่ในตลาด
สะท้อนจากผลประกอบการงวด 9 เดือน ปี 2563 บริษัทมีรายได้รวม 14,689 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 14,655 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิงวด 9 เดือนปีนี้อยู่ที่ 1,030 ล้านบาท เพิ่มขึ้น14.4% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 900 ล้านบาท โดยอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 7%
“ด้วยอัตรากำไรสุทธิที่ 7% เทียบกับผู้เล่นอื่นในภูมิภาคที่มีอัตรกำไรสุทธิที่ 5-9% KEX นับได้ว่าเป็นบริษัทที่สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ดี การมี Economy of Scale เป็นเหมือนกำแพงสำหรับผู้เล่นรายใหม่ที่จะเข้ามาในตลาดจัดส่งพัสดุด่วนของไทย”
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล