บมจ.เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) หรือ KEX ยังเผชิญกับแรงกดดันจากผลประกอบการที่ย่ำแย่อย่างต่อเนื่อง จนทำให้มูลค่าของบริษัทในปีนี้ลดลงไปอีกประมาณ 1.75 หมื่นล้านบาท มาอยู่ที่ราว 1.45 หมื่นล้านบาทในปัจจุบัน
สถานการณ์ธุรกิจของเคอรี่ในช่วง 6 เดือนแรกยังไม่สู้ดีนัก โดยไตรมาส 2 ที่ผ่านมามีรายได้ 2.92 พันล้านบาท ลดลง 6.6% จากไตรมาสแรกที่ทำได้ 3.13 พันล้านบาท และลดลง 31.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 4.28 พันล้านบาท
ขณะที่ต้นทุนขายและการให้บริการยังไม่ได้ลดลงตามเท่าใดนัก และในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ต้นทุนกลับเพิ่มขึ้นอีกด้วยจากไตรมาสแรก โดยต้นทุนเพิ่มขึ้น 2.4% เป็น 3.81 พันล้านบาท แต่ยังคงลดลง 20.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน
บริษัทให้เหตุผลถึงผลประกอบการที่ยังคงไม่ฟื้นตัวว่า “แม้ว่าอุปสงค์ของบริการจัดส่งพัสดุแบบด่วนเริ่มฟื้นตัว แต่การแข่งขัน (โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุปสงค์ของบริการจัดส่งพัสดุผ่านแพลตฟอร์มพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์) ในภาคธุรกิจนี้เพิ่มสูงขึ้น ผู้เล่นรายอื่นๆ ต่างยินดีที่จะลดราคาเพื่อแลกกับการเพิ่มปริมาณการจัดส่งพัสดุ ในขณะเดียวกันก็เริ่มสร้างเครือข่ายการจัดส่งที่ดำเนินการด้วยตนเอง”
สถานการณ์ของเคอรี่ที่เคยเป็นหุ้นร้อนแรงแห่งปี 2020 จนราคาหุ้นในช่วงแรกพุ่งขึ้นไปถึง 73 บาท ปัจจุบันลดลงมาแตะจุดต่ำสุดที่ 8.20 บาท หลังจากนี้คงจะต้องติดตามว่าแผนเร่งปรับปรุงครั้งใหญ่ในการพัฒนาเครือข่ายและระบบปฏิบัติ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพในการทำงาน จะช่วยพลิกฟื้นผลประกอบการของบริษัทได้มากน้อยเพียงใด ในขณะที่ผลขาดทุนกำลังกัดกร่อนสภาพคล่องของบริษัทให้ลดลงอย่างต่อเนื่อง