เกิดอะไรขึ้น:
InnovestX Research คาดว่า บมจ.เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ (KCE) จะรายงานกำไรสุทธิเติบโต 11.4%QoQ ใน 2Q67 โดยได้แรงหนุนจากการรับรู้รายได้จากคำสั่งซื้อค้างส่งสำหรับผลิตภัณฑ์ HDI (High Density Interconnect) PCB ที่มีมาร์จิ้นสูง ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากการเพิ่มขึ้นในอัตราก้าวกระโดดของจำนวนผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ไฮเทค เช่น ระบบ ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) และ LiDAR (Light Detection and Ranging System) ที่กลายมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรถยนต์ รวมถึงลูกค้าใหม่ที่มีศักยภาพ 2 รายสำหรับผลิตภัณฑ์ PCB หลายชั้นและ HDI PCB
ด้วยเหตุนี้ ผู้บริหารของ KCEจึงยังคงมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์ HDI (26% ของปริมาณการขาย) เนื่องจากมีความต้องการสูงKCE วางแผนเพิ่มการผลิต HDI เป็น 600,000 ตารางฟุตต่อเดือน (จาก 500,000 ตารางฟุตต่อเดือน) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำกำไรในการผลิตให้มากขึ้น
นอกจากนี้ KCE ยังดำเนินมาตรการลดต้นทุนเชิงรุกในปี 2567 ได้แก่
- ลดส่วนผสมต้นทุนสูงบางชนิดด้วยการปรับสูตร
- ผสมสารเคมีเอง
- ลดจำนวนพนักงานลง 10%
- ลดค่าไฟฟ้าลง 6-7% ของทั้งกลุ่ม โดยคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้น 1-2% จาก 1Q67 ผู้บริหารของ KCEตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมสำหรับปี 2567 ที่ 25-27% (เทียบกับสมมติฐานที่ 24%)
สำหรับสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า (EV) จากจีนจาก 25% เป็น 100% นอกจากนี้สหภาพยุโรป (EU) ก็ประกาศขึ้นภาษีนำเข้า EV จากจีนเป็นการชั่วคราวด้วย ซึ่งจะส่งผลทำให้บริษัทผลิต EV ของจีนถูกเก็บภาษีพิเศษตั้งแต่ 17.4% ถึง 38.1% (BYD: 17.4%, Geely: 20%, SAIC: 38.1%) นอกเหนือจากการเรียกเก็บภาษี 10% อยู่แล้ว ผู้บริหารของ KCEมองการตั้งกำแพงภาษีนำเข้า EV จากจีนสู่สหรัฐฯ และยุโรปในแง่บวก เนื่องจากอาจส่งผลให้ยอดขายสินค้าไปยังสหรัฐฯ และ EU (คิดเป็นสัดส่วน 20% และ 58% ของยอดขายรวม)เพิ่มขึ้น ซึ่งจะสามารถชดเชยยอดขายสินค้าไปยังจีน (คิดเป็นสัดส่วนเพียง 10% ของยอดขายรวม) ที่อาจลดลงได้เป็นอย่างดี
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น KCEปรับขึ้น 1.21% ขณะที่ SET Index ปรับลง 3.79%
กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ:
InnovestX Research ยังคงคำแนะนำ Outperform สำหรับ KCEโดยให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2568 ที่ 55 บาทต่อหุ้น อ้างอิง PE 27 เท่า หรือ -0.5 SD ของ PE เฉลี่ย 5 ปี ซึ่ง Valuation ของ KCEยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับ PE เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีของบริษัทที่ 32.4 เท่า โดยปัจจุบันหุ้น KCEเทรดที่ PE ปี 2567 เพียง 21.7 เท่า ซึ่งใกล้เคียงกับระดับ -1 SD ของ PE เฉลี่ย 5 ปี ในขณะที่ DELTA และ HANA เทรดสูงกว่า PE เฉลี่ย 5 ปีแล้ว
นอกจากนี้ราคาหุ้น KCEยัง Laggard เมื่อเทียบกับผู้ผลิต PCB สำหรับรถยนต์ระดับโลกอย่าง Chin Poon Industrial, CMK Corp, Meiko Electronics, TTM Technologies
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ การเปลี่ยนแปลงในกำลังซื้อ อุตสาหกรรมยานยนต์ที่อ่อนแอกว่าคาด ต้นทุนวัตถุดิบ (ทองแดงและอีพ็อกซีเรซิน) ที่สูงขึ้น และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ประเด็นด้าน ESG ที่สำคัญ ได้แก่ การจัดการแรงงานและซัพพลายเออร์